อยากเป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน มองเพียงแค่รุ่นที่ใช่ สีที่ชอบอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะมีปัจจัยที่ควรพิจารณาร่วมด้วยอย่างค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ซึ่งค่าเบี้ยประกันรถไฟฟ้า “แพงกว่า” รถยนต์ทั่วไปพอสมควร ทำไมถึงแพงกว่า แล้วต้องซื้อยังไงให้ได้รับส่วนลด? รู้ใจลิสต์ประเด็นที่น่าสนใจมาให้แล้ว ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจซื้อรถ EV ในไทยกันเลย!
ในยุคที่ผู้คนเริ่มตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงมาเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV (Electric Vehicle) จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันด้วย และ หนึ่งในปัญหาที่เจอคือ เรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของเบี้ยประกันรถยนต์ EV เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารถ EV จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในหลาย ๆ ด้าน แต่คนที่กำลังตัดสินใจใช้รถประเภทนี้ ก็ควรต้องเผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นไว้ด้วย โดยเฉพาะกับเรื่องประกันภัยรถยนต์ เพราะค่าเบี้ยประกันรถ EV นั้นแพงกว่ารถยนต์สันดาปน้ำมันมากพอสมควร เหตุผลที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ EV มีราคาแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป เกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อ “การกำหนดราคาเบี้ยประกันรถไฟฟ้า EV” แทบทั้งสิ้น ซึ่งจะมีปัจจัยอะไรบ้าง ไปดูกัน!
เหตุผลข้อนี้เกี่ยวเนื่องกับ “กลไกการกำหนดราคาในตลาดประกันภัยรถยนต์” โดยตรง เนื่องจากทุกวันนี้บริษัทประกันที่รับทำประกันรถ EV ในไทยยังมีอยู่แค่ไม่กี่แห่ง จึงยังไม่สามารถกำหนด ขอบเขตเพดานด้านราคาได้ ที่สำคัญคือยังไม่เกิดการแข่งขันด้านราคาเหมือนตลาดรถยนต์ทั่วไป ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถไฟฟ้าแพงกว่าประกันรถยนต์ทั่วไป
ทั้งนี้ค่าเบี้ยประกันของรถยนต์ไฟฟ้ายังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ประเภทรถ ยี่ห้อ คลาสรถ ปีจดทะเบียน สภาพการใช้งาน การดัดแปลง ฯลฯ แต่โดยรวมแล้วไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์สำหรับรถไฟฟ้า โดยเฉพาะประกันชั้น 1 ราคาจะอยู่ที่ 20,000 บาทขึ้นไปแทบทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทประกันที่รับทำประกันให้รถ EV จะมีน้อย จนทำให้ราคาเบี้ยประกันรถ EV แพง แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่สามารถทำให้ผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่า เหมาะสมกับค่าเบี้ย เพราะหน่วยงานที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลการประกอบกิจการประกันภัยอย่างคปภ. จะมีการหารือกับบริษัทประกัน เพื่อปรับเปลี่ยนเงื่อนไขความคุ้มครอง และราคาเบี้ยให้เหมาะสมอยู่เสมอ
รถไฟฟ้ามี “แบตเตอรี่” เป็นหัวใจหลัก เป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าที่คอยจ่ายไฟให้ระบบขับขี่ รวมถึงถูกเชื่อมต่อเข้ากับส่วนประกอบสำคัญของเครื่องยนต์หลายส่วน หากเกิดปัญหาเนื่องจากใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เป็นเหตุทำให้แบตเตอรี่มีปัญหาตามไปด้วย หรือเกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ยกชุด ด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ล้วนเป็นเหตุผลที่ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์ กำหนดเบี้ยประกันรถยนต์ประเภทนี้สูงกว่ารถยนต์ทั่ว ๆ ไป เพื่อให้วงเงินประกันสามารถคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างครอบคลุม
หนึ่งในประเด็นหลัก ๆ ที่ทำให้เบี้ยประกันรถไฟฟ้า EV แพง เป็นเพราะว่ารถยนต์ประเภทนี้ค่อนข้างใหม่สำหรับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของระบบการทำงาน โครงสร้างของรถที่แตกต่างกันไป เมื่อรถเกิดความผิดปกติในเรื่องของระบบต่าง ๆ จำเป็นจะต้องนำรถเข้าซ่อมที่ “ศูนย์บริการ” เท่านั้น เนื่องจากต้องให้ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเข้าใจในระบบจริง ๆ คอยดูแล
แต่ด้วยในปัจจุบันประเทศไทยยังมีศูนย์บริการ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ของบริษัทผู้ผลิตก็ดี หรือศูนย์บริการภายนอกก็ด้วย ยังมีจำนวนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการอื่น ๆ ทั่วไป ส่งผลให้ “ค่าใช้จ่าย” เมื่อนำรถเข้าศูนย์บริการแต่ละครั้งมีราคาจ่ายค่อนข้างสูง ส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันสูงตามไปด้วย
นอกจากประเทศไทยจะมีศูนย์ซ่อมรถ EV น้อยแล้ว ในเรื่องของการจัดหาอะไหล่ต่าง ๆ ของรถไฟฟ้าก็เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะยังมีจำนวนผู้ใช้งานรถไฟฟ้า รถยนต์ประเภทนี้น้อย ประกอบกับอะไหล่มีราคาแพง มากไปกว่านั้นศูนย์บริการอาจไม่ได้เก็บสต๊อกอะไหล่เอาไว้ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป
บริษัทประกันเล็งเห็นถึงความสำคัญและอยากแบ่งเบาความเสียหายให้ได้มากที่สุด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องคิดค่าเบี้ยประกันแพง เพื่อมอบความคุ้มค่าให้กับผู้เอาประกันภัยที่สุด
ในปัจจุบันมีแบรนด์รถ EV มากมายในท้องตลาด ซึ่งแต่ละแบรนด์ แต่ละรุ่น มีรายละเอียดความคุ้มครองแตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากเลือกซื้อประกันกับรู้ใจ ราคาเริ่มต้นเพียง 5,183-26,317 บาท สำหรับคนที่สนใจและอยากเช็คเบี้ยประกันรถ EV เพื่อประกอบการตัดสินใจ สามารถเข้ามาเช็คราคา ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่รู้ใจ ราคาดี ทุนประกันสูง ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม ทั้งในเรื่องของแบตเตอรี่ หัวชาร์จแบตรถไฟฟ้า รวมถึงปรับแผนได้ตามใจ ช่วยให้คุณได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด
เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ามีค่าเบี้ยประกันค่อนข้างแพง หากมองในเรื่องของ “ความคุ้มค่า” จ่ายหนักทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม แต่ความคุ้มค่าที่ว่าจะต้องพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
อย่างที่เราพยายามบอกอยู่เสมอว่า “แบตเตอรี่คือหัวใจสำคัญของรถไฟฟ้า” แถมยังเป็นชิ้นส่วนที่ค่อนข้างบอบบาง มีการคายประจุอยู่ตลอดเวลา แต่คายมากเกินไปก็ไม่ดีเพราะจะส่งผลต่ออายุการใช้งาน ทำให้อายุการใช้งานสั้นลงแถมยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ควรพิจารณา “ความคุ้มครองแบตเตอรี่” ให้ถี่ถ้วน ว่าคุ้มครองเรื่องไหนบ้าง มีข้อยกเว้นอะไรหรือเปล่า เพื่อไม่ให้คุณเสียผลประโยชน์ไปอย่างน่าเสียดาย
เนื่องจากรถ EV โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% จำเป็นต้องชาร์จไฟฟ้าเป็นประจำ ถ้าไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถขับเคลื่อนรถไปไหนมาไหนได้เลย แถมการติดตั้งเครื่องชาร์จ/สถานีชาร์จรถ EV ที่บ้านก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมาด้วย หรือบางครั้งอาจนำมาซึ่ง “ความเสี่ยง” รูปแบบต่าง ๆ อย่างที่คุณคาดไม่ถึง
ดังนั้นหากเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความคุ้มครองเรื่อง “เครื่องชาร์จ” ก็จะช่วยให้คุณหมดกังวล อุ่นใจ หายห่วงเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน รวมถึงเกิดอุบัติเหตุขณะชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน
ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบการใช้งานรถ EV ในไทย หรือรถยนต์ประเภทอื่น ๆ ก็ตาม การเลือกซื้อประกันรถไฟฟ้า EV ที่ครอบคลุม คุ้มค่ากับเบี้ยประกันรถยนต์ที่จ่ายทุกปี ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลมาก ๆ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าที่ค่าเบี้ยประกันแพงกว่าคนอื่น มากไปกว่านั้นยังรวมถึงแบตเตอรี่และอะไหล่ต่าง ๆ คงจะดีไม่ใช่น้อยหากประกันที่คุณเลือกซื้อให้ความคุ้มครองไฟไหม้ รถหาย น้ำท่วม ภัยธรรมชาติ ฯลฯ โดยเฉพาะ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่ความเสี่ยงค่อนข้างสูง เนื่องจากใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งจ่ายไฟ บางครั้งแบตอาจร้อนเกินไปจนเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ เป็นต้น
อีกหนึ่งการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ที่คุ้มค่าสมราคาค่าเบี้ยประกันรถยนต์ คือ การเลือกซื้อประเภทประกันภัยที่ตอบโจทย์ และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ซึ่งหลายคนมักบอกว่า “ประกันชั้น 1 ดีกว่า ซื้อทั้งทีเอาครอบคลุมไปเลย” แต่ในความเป็นจริงแล้วประกันรถยนต์ชั้น 1 อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป
แนะนำให้ถามและสำรวจตัวเองให้ดี ว่าจริง ๆ แล้วมีพฤติกรรมการขับขี่หรือการใช้รถเป็นแบบไหน เป็นมือใหม่หัดขับมั้ย? ขับรถบ่อยแค่ไหน หรือเน้นจอดอยู่บ้าน นาน ๆ ถึงนำออกไปใช้ที ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้หากมองลงไปให้ลึกก็จะช่วยให้คุณเลือกประเภทความคุ้มครองได้ตรงใจมากยิ่งขึ้น แถมยังไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าเบี้ยประกันที่สูงเกินจำเป็นอีกด้วย
เงื่อนไขความคุ้มครองประกันรถไฟฟ้า EV จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล แต่ผู้เอาประกันสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ ซึ่งค่าเบี้ยประกันรถยนต์ที่จ่ายเพิ่ม จะทำให้รถ EV ได้รับความคุ้มครองกรณีเกิดอุบัติเหตุกับเครื่องชาร์จขณะกำลังชาร์จรถไฟฟ้า
ต้องซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้ายังไงให้ได้รับส่วนลดสุดคุ้ม? จริง ๆ แล้วการใช้ “ส่วนลด” ไม่ได้แตกต่างจากประกันภัยรถยนต์ทั่ว ๆ ไปเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดประวัติดี ส่วนลดค่าเสียหายส่วนแรก ส่วนลดติดกล้องหน้ารถ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนคงเข้าใจเงื่อนไขส่วนนี้ดีอยู่แล้ว แต่ที่จะพูดถึงในหัวข้อนี้ คือ “หลักเกณฑ์เบี้ยประกันรถยนต์ และแบตเตอรี่รถ EV ฉบับอัปเดตใหม่ ปี 2567” ซึ่งจะมีรายละเอียดอะไรบ้าง คุณยังคงจะได้รับส่วนลดอยู่มั้ย? ตามไปดูกันเลยดีกว่า
การต่อประกันรถไฟฟ้า EV ในปีที่ 2 ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะตรวจสอบ “ระดับพฤติกรรมการขับขี่ส่วนบุคคล” ของผู้ขับขี่ที่มีชื่ออยู่ในกรมธรรม์ทั้งหมด มาประเมินและพิจารณาค่าเบี้ยประกันรถยนต์ในปีต่อ ๆ ไป หากยิ่งมีประวัติดี ร่วมกับมีพฤติกรรมอยู่ในเกณฑ์ดีด้วย ไม่มีอะไรต้องกังวล แถมผู้เอาประกันยังมีโอกาสได้รับส่วนลดเบี้ยประกันรถไฟฟ้า EV มากขึ้นด้วย
โดยส่วนลดประวัติดีสูงสุดอยู่ที่ 40% และส่วนลดพฤติกรรมการขับขี่ดีสูงสุด 40% เช่นเดียวกัน แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าบริษัทประกันจะนำระดับพฤติกรรมการขับขี่ส่วนบุคคล “ของบุคคลที่มีชื่ออยู่ในกรมธรรม์ทั้งหมด” มาประเมิน ดังนั้นหากมีผู้ขับขี่คนใดคนหนึ่งมีระดับพฤติกรรมที่ไม่ดี เท่ากับว่ารถยนต์ไฟฟ้าคันที่ทำประกันก็จะไม่ได้รับส่วนลดในปีถัดไปนั่นเอง
เกณฑ์ใหม่ฉบับล่าสุดปี 2567 มีการระบุให้ “เพิ่มความคุ้มครองแบตเตอรี่ โดยคำนวณค่าเสื่อมของแบตฯ ตามอายุการใช้งาน” ซึ่งในปีแรกจะให้ความคุ้มครองเต็ม 100% โดยจะกำหนดให้บริษัทประกันคิดค่าเสื่อมของแบตฯ ตามอายุการใช้งานเมื่อมีการพิจารณาให้ความคุ้มครอง รวมถึงการชดใช้สินไหม ในส่วนของ “อัตราการชดเชยค่าสินไหมจะ ‘ลดลง’ 10% ต่อปี” จนกระทั่งต่ำสุด 50% (ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป)
กรณีที่รถ EV ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ รวมถึงได้รับความเสียหายจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ บริษัทประกันจะมีการพิจารณาอนุมัติเคลมที่แตกต่างกันออกไป (ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด) โดยกรรมสิทธิ์ของซากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า จะเป็นของผู้เอาประกันภัยและบริษัทตามสัดส่วนเดียวกับอัตราการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแบตเตอรี่
รู้ใจนำเสนอแผนประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกการเดินทาง สามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย แถมยังสามารถปรับแผนได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมี “จุดเด่น” อื่น ๆ อีกเพียบ ที่พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้คุณโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น
แม้ว่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าจะมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภทอื่น ๆ แต่การเลือกทำประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองตอบโจทย์ ก็ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายเมื่อรถได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือการทำงานที่ผิดพลาดของระบบไฟฟ้าได้ค่อนข้างมาก แนะนำให้เปรียบเทียบเงื่อนไขความคุ้มครองและค่าเบี้ยประกันรถยนต์แต่ละแผนให้ดีก่อนเสมอ
ถ้าหากสนใจซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือต้องการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ประกันภัยออนไลน์ต่างๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.roojai.com
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด ผู้ซื้อกรุณาศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน