ซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมด ประกันรถคุ้มครองเราหรือไม่?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเลือกซื้อรถมือสอง ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แถมยังช่วยเซฟเงินได้อีกเพียบ แต่ต้องรู้ไว้ก่อนว่าไม่ใช่แค่หาซื้อรถมือสองได้แล้วก็จบ เพราะมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องทำความเข้าใจอีกเพียบ โดยเฉพาะกรณีซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมด แบบนี้รถยนต์จะได้รับความคุ้มครองต่อมั้ย? เวลาเกิดเหตุไม่คาดฝัน สามารถแจ้งเคลมประกันได้หรือเปล่า? ตามรู้ใจไปหาคำตอบกันเลย!

ซื้อรถมือสอง ต้องทําประกันไหม ถ้าไม่ทำจะเสียผลประโยชน์อะไรบ้าง?

ใช้รถอุ่นใจกว่าเมื่อมีประกัน น่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคำถามว่า ซื้อรถมือสอง ต้องทําประกันไหม? เพราะแม้รถยนต์ทุกคันมี พ.ร.บ.รถยนต์ คุ้มครองอยู่แล้ว แต่อาจไม่ครอบคลุมในเรื่องการคุ้มครองที่เพียงพอ และถ้าหากไม่ทำประกันรถมือสองคุณจะเสียผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า?

ตอบตรงนี้เลยว่า “จะไม่ทำก็ได้” แต่สิ่งที่คุณอาจต้องเผชิญหากรถไม่มีประกันอาจทำให้คุณมาบ่นอุบภายหลังว่า “ทำไมไม่ทำประกันไว้นะ” จะมีดังต่อไปนี้

1. เกิดอุบัติเหตุ ต้องจ่ายเอง

สำหรับคนที่ไม่อยากซื้อกรมธรรม์รถยนต์ เพราะมองว่าปกติใช้รถน้อย ใช้เท่าที่จำเป็น แต่ถ้าช่วงเวลาสั้น ๆ ที่คุณขับรถไปข้างนอกแล้วเกิดอุบัติเหตุโดยที่คุณเป็นฝ่ายผิด แบบนี้คุณจะต้องควักเงินจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดเอง เนื่องจากไม่มีความคุ้มครองประกันรถยนต์คอยแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้

2. ไม่มีผู้ช่วยเจรจาในอุบัติเหตุ

หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นร้ายแรง จนถึงขั้นต้องขึ้นโรงขึ้นศาล หากคุณไม่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ แน่นอนว่าคุณจะไม่มีคนช่วยดำเนินเรื่องให้ และจะต้องจัดการทุกอย่างเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเงินค่าประกันตัว ขั้นตอนบนชั้นศาล บอกเลยว่ามีเรื่องเครียดตามมากวนใจไม่รู้จบแน่นอน

3. น้ำท่วม ไฟไหม้ หรือแม้กระทั่งรถหาย ก็รับความเสี่ยงไปเต็มๆ

แม้ว่าคุณจะซื้อรถมือสองมาก็จริง แต่ไม่มีอะไรมาการันตีว่ารถของคุณจะไม่หาย ไม่โดนน้ำท่วม หรือมีเหตุทำให้รถไฟไหม้ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นมา ไม่ว่าจะอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม คุณจะเป็นคนรับความเสี่ยงไปเต็ม ๆ

ซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมด เจ้าของใหม่ได้รับความคุ้มครองด้วยหรือไม่?

ประเด็นสำคัญที่คนซื้อรถมือสองหลายคนยังไม่รู้คือ ซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมดแบบนี้การคุ้มครองจะได้รับต่อเนื่องหรือไม่ คำตอบคือ “ประกันยังคงให้ความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง” แต่จะต้องตกลงและได้รับการยืนยันจากเจ้าของรถหรือผู้ขายรถเสียก่อน นอกจากนี้ควรตรวจสอบกรมธรรม์ที่มากับรถอย่างละเอียดในเรื่องความครอบคลุมในการคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุลักษณะต่าง ๆ ให้ดีด้วยสำหรับเจ้าของใหม่

แนะนำว่าควรเช็คความคุ้มครองประกันรถยนต์กับคนขายให้แน่ใจ ว่าเป็นประกันรถยนต์ชั้นไหน มีประกันคุ้มครองอีกนานเท่าไหร่ รวมถึงเป็นประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่หรือไม่ หากเป็นประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ ก็จำเป็นต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงชื่อ “ผู้เอาประกัน” ให้เรียบร้อยก่อน เพียงเท่านี้ประกันรถยนต์ก็จะให้ความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง จนครบอายุกรมธรรม์รถยนต์เลยล่ะ

ข้อควรรู้เมื่อต้องโอนกรมธรรม์รถยนต์มีอะไรบ้าง?

อย่างที่บอกไปแล้วว่าหากคุณซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมด หากไม่อยากเปลี่ยนใหม่ก็สามารถ “โอนกรมธรรม์รถยนต์” ได้ทันที เพียงแค่ให้ผู้เอาประกันเดิมทำเรื่องโอนให้เป็นชื่อของคุณ (เจ้าของใหม่) เพียงเท่านี้รถยนต์ก็จะได้รับความคุ้มครองประกันรถยนต์ต่อเนื่องตามเดิม โดยการโอนกรมธรรม์ประกันภัย จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. ประกันรถยนต์แบบระบุชื่อผู้ขับขี่

หากเป็นประกันแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ เจ้าของรถคนใหม่ต้องแจ้งเปลี่ยนชื่อกับทางบริษัทประกัน จากชื่อผู้เอากรมธรรม์เดิมเป็นชื่อของคุณ ไม่อย่างนั้นหากขับออกไปแล้วเกิดอุบัติเหตุ คุณอาจต้องควักจ่าย “ค่าเสียหายส่วนแรก” เอง

ขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นต้องใช้

• เอกสารยินยอมโอนชื่อจากผู้เอาประกันเดิมเป็นเจ้าของใหม่ เพื่อทำการแจ้งไปยังบริษัทประกันภัย
• ผู้เอาประกันคนใหม่จะต้องยื่นเอกสารสัญญาซื้อขายเพิ่มเติม เพื่อนำไปใช้ในการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน และถอดชื่อเจ้าของเดิมออกจากกรมธรรม์ประกันภัย

2. ประกันรถยนต์แบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่

หากเป็นประกันรถยนต์แบบไม่ระบุชื่อผู้ขับขี่ เจ้าของใหม่สามารถขับขี่ได้ทันที แถมยังได้รับความคุ้มครองตามเดิม เพียงแต่จะต้องแจ้งเปลี่ยนข้อมูล และส่งเอกสารเพิ่มเติมให้บริษัทประกัน เพื่อทำการแก้ไขข้อมูลให้เป็นชื่อผู้เอาประกันคนปัจจุบันให้เรียบร้อย

ขั้นตอนและเอกสารที่จำเป็นต้องใช้

• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้เอาประกันเดิม พร้อมลายเซ็นยินยอมในการโอนกรมธรรม์ประกันภัย ให้มาเป็นชื่อผู้เอาประกันคนใหม่
• ผู้เอาประกันคนใหม่ต้องยื่นเอกสารสัญญาซื้อขายเพิ่มเติมให้กับทางบริษัทประกัน สำหรับการเปลี่ยนชื่อผู้เอาประกัน
• ส่งเอกสารให้กับบริษัทประกัน เพื่อให้บริษัทฯ ออกเอกสารแนบท้ายประกันเป็นชื่อผู้เอาประกันคนใหม่ และแจ้งสิทธิกับตัวรถ

ขอย้ำอีกครั้ง ว่าผู้ซื้อ (เจ้าของใหม่) ควรทำความเข้าใจรายละเอียดของประกันรถยนต์ให้ดีก่อน เนื่องจากความคุ้มครองประกันรถยนต์ จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท รวมถึงอย่าลืมตรวจสอบกรมธรรม์ และเช็คความคุ้มครองประกันรถยนต์ให้ละเอียด ก่อนทำการโอนประกันรถ

ซื้อรถมือสองใช้ประกันเดิม หรือเปลี่ยนประกันใหม่ดีกว่า?

หากซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมด ควรใช้ประกันเดิมหรือเปลี่ยนใหม่ คำตอบคือขึ้นอยู่กับ “ตัวผู้ขับขี่” เป็นหลัก เช่น หากคุณเป็นมือใหม่หัดขับและเลือกซื้อรถมือสองมาขับเป็นคันแรก การเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 อาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า แล้วใครเหมาะกับประกันชั้นไหน มาดูวิธีเลือกแผนประกันภัยคร่าว ๆ ที่ช่วยตอบโจทย์คุณกันเลยดีกว่า

1. เลือกตามความคุ้มครองที่ต้องการ – เช็คว่าต้องการความคุ้มครองอะไรบ้าง เช่น คุ้มครองอุบัติเหตุอย่างเดียว หรือต้องการให้คุ้มครองกรณีอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำท่วม, ภัยธรรมชาติ, การโจรกรรม และไฟไหม้รถ
2. การใช้ชีวิตประจำวัน และประสบการณ์การขับขี่ – การใช้รถในชีวิตประจำวันสามารถนำมาพิจารณาเลือกซื้อประกันรถยนต์ เช่น หากคุณใช้รถนาน ๆ ครั้ง หรือใช้รถระยะสั้น (ใช้เท่าที่จำเป็น) และมีประสบการณ์การขับขี่มากพอ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อประกันชั้น 1 เสมอไป
3. งบค่าเบี้ยประกันที่วางไว้ – อย่างที่ทราบกันดีว่าประกันชั้น 1 มีค่าเบี้ยที่สูงกว่าชั้นอื่น ๆ แต่ก็มีความคุ้มครองที่ครอบคลุม ตอบโจทย์ แต่ถ้าหากคุณมีงบประมาณค่อนข้างจำกัด การพิจารณาประกันชั้น 2+ หรือ 3+ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน

เห็นแล้วใช่มั้ย? ว่าถึงจะเป็นการหาซื้อรถมือสอง แต่ยังมีเรื่องที่ควรรู้และทำความเข้าใจอีกไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องซื้อรถมือสองที่ประกันยังไม่หมด เพราะส่งผลต่อ “ผลประโยชน์” ของคุณโดยตรง หากไม่อยากซื้อรถมือสอง แล้วมีปัญหา แนะนำตรวจสอบกรมธรรม์ที่ติดมากับรถให้ดี ถ้าไม่ตอบโจทย์สามารถเปลี่ยนใหม่ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เพียงเท่านี้ คุณจะสามารถใช้รถได้อย่างอุ่นใจ ไร้กังวลทุกเส้นทาง

ถ้าหากสนใจซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ หรือต้องการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ประกันภัยออนไลน์ต่างๆ  สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.roojai.com

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทประกันภัยกำหนด ผู้ซื้อกรุณาศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองกรมธรรม์ก่อนตัดสินใจซื้อประกัน