โควิดไม่จบสิ้น และสร้างความกังวลให้กับคนทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ B.1.1.529 ต้นกำเนิดในแอฟริกาใต้ กำลังระบาดไปหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง เบลเยียม และอิสราเอล หากมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง อาจทำให้สถานการณ์โควิดเลวร้ายยิ่งขึ้น

องค์การอนามัยโลก เรียกชื่อโควิดสายพันธุ์ใหม่นี้ว่า ”โอมิครอน” ตามลำดับอักษรกรีก และประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลต่อจากสายพันธุ์อัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา เพราะมีแนวโน้มแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อื่น

ความน่ากลัวของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน เพราะมีการกลายพันธุ์มากถึง 50 ตำแหน่ง โดย 32 ตำแหน่งกลายพันธุ์ในส่วนของโปรตีนหนามในการเข้าสู่เซลล์มนุษย์ อาจทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันลดน้อยลง

ทำให้กระทรวงสาธารณสุขของไทย เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คาดว่าไวรัสตัวนี้ยังไม่รุนแรงกว่าสายพันธุ์เดลตา และเพื่อความไม่ประมาทได้ระงับ 8 ประเทศในทวีปแอฟริกาเดินทางเข้าไทย ได้แก่ แอฟริกาใต้ นามิเบีย เลโซโท บอตสวานา ซิมบับเว โมซัมบิก มาลาวี และเอสวาตินี ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. เป็นต้นไป

...

ขณะที่ทีมวิจัยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ได้เริ่มสังเคราะห์โปรตีนหนาม หรือสไปค์ของโอมิครอน และอีกไม่นานจะเริ่มหาคำตอบว่า ภูมิจากวัคซีนสูตรต่างๆ ของไทย จะช่วยได้มากน้อยเพียงใด

หวังว่าจะมีข่าวดี หรืออาจจะเป็นข่าวร้ายเสียมากกว่าก็ได้ ในขณะที่ไทยกำลังพัฒนาวัคซีนต่อสู้กับโควิด เพราะ “ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา” ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยนวัตกรรมสุขภาพสัตว์และการจัดการ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ ในฐานะนักไวรัสวิทยา และหัวหน้าทีมวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิด แบบพ่นจมูก ระบุชัดจากสิ่งที่กังวลมากที่สุด เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ได้จากวัคซีนที่ฉีดกันในปัจจุบัน จะไม่มีประโยชน์เลย เพราะเมื่อเทียบโครงสร้างของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน กับสายพันธุ์เดิมพบว่าต่างกันมาก โดยเฉพาะตำแหน่งที่เข้าสู่เซลล์ในร่างกาย

“เพราะฉะนั้นแล้วแอนติบอดีหรือภูมิคุ้มกัน จึงไม่ใช่เดลตา อัลฟา เบตา และแกมมาทั้งหลาย ที่จะมาช่วยป้องกันได้ จึงกังวลว่าวัคซีนที่ฉีดกันอยู่วันนี้ จะใช้ไม่ได้เลย 100% เหมือนไม่มีภูมิต้านโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ในการป้องกันการติดเชื้อ แต่คนติดเชื้อแล้ว อาจป้องกันได้บ้าง ขึ้นอยู่กับวัคซีนที่ฉีดเข้าไปทำให้ภูมิในเลือดเพียงพอไม่ให้ติดเชื้อในปอด แต่กรณีโอมิครอน มากกว่า 20% มองว่าเมื่อรับเชื้อปั๊บจะรับเชื้อได้เลย หากระบาดในไทยจะน่ากังวลมาก เป็นห่วงคนแก่และเด็ก จะติดเชื้อได้มากกว่า เพราะมีที-เซลล์น้อย ทำให้ไม่มีภูมิคุ้มกันในการป้องกัน”

ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา
ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา

อีกอย่างความรุนแรงของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ไม่ได้เกิดจากตัวไวรัส แต่เกิดจากภูมิคุ้มกันที่ไม่สามารถป้องกันได้ ต้องเริ่มต้นฉีดวัคซีนกันใหม่จากตัวเดิมที่เคยบูสกันมา หรือยิ่งบูสวัคซีนยิ่งไม่เป็นผลดี จะต้องบูสด้วยวัคซีนที่เป็นเป็นโปรตีนหนามของสายพันธุ์โอมิครอนเท่านั้น ซึ่งบริษัทวัคซีนในโลกจะต้องเร่งผลิตเพื่อมาต่อสู้กับสายพันธุ์นี้ และกว่าจะมาถึงไทยใช้เวลาอีกนาน ทำให้กังวลมากโดยเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว 3-4 เข็ม การจะใช้วัคซีนสายพันธุ์โอมิครอน เพื่อสร้างภูมิก็จะไม่ขึ้น

"โอมิครอน" หน้าตาเปลี่ยนไป ต้องใช้วัคซีนตัวใหม่

เหตุผลเพราะหน้าตาของไวรัสเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่เคยมีวัคซีนที่ใช้ได้กับเดลตาที่ไม่ต่างจากเชื้อดังเดิมในอู่ฮั่น แต่ขณะนี้ไวรัสฉลาดมากในการเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ แม้ขณะนี้ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ แต่ว่าโดยหลักการว่าร่างกายจะรู้จักสายพันธุ์ตัวนี้หรือไม่ เนื่องจากข้อมูลยังไม่มี แต่หากเกิดขึ้นจะอันตรายมาก โดยวัคซีนจะเป็นเพียงตัวแก้ไขในภาวะเร่งด่วน เพราะต้องใช้ยาเท่านั้นในการป้องกันไม่ให้อาการรุนแรง รวมถึงต้องใช้มาตรการโซเชียล ดิสแทนซิ่ง ในการเว้นระยะห่างระหว่างกัน

...

“ไม่ใช่ไทยเท่านั้นต้องเริ่มหนึ่งใหม่ จะเป็นกันทุกประเทศเมื่อเจอกับโอมิครอน แล้วไทยก็ช้ากว่าชาวบ้านอยู่ดี ต้องรอๆ วัคซีนตัวใหม่ ทั้งๆ ที่เราสามารถพัฒนาได้ แต่ให้คนอื่นแซงหน้าเสมอ เพราะขณะนี้นอกจากศึกษากลไกอื่นของไวรัสแล้ว กำลังดูตำแหน่งของไวรัสในการไขประตูที่เปลี่ยนไปหมด ต้องหาตัวแอนติบอดีให้ได้ อาจเริ่มต้นใหม่ในเรื่องวัคซีน แต่จะไวขึ้น เพราะผ่านการทดสอบไปแล้ว และขณะนี้กำลังสังเคราะห์โปรตีนหนาม เพื่อสร้างวัคซีนทำมาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ภายใน 1 เดือน แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การสนับสนุนว่าจะเดินหน้าอย่างไร”

นอกจากนี้ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีองค์การอนามัยโลก ได้ประกาศเร็วมากให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล แสดงว่าต้องมีประเด็นมากมาย โดยเฉพาะเคสในแอฟริกาใต้ในช่วง 2-3 วัน นำมาสู่การถอดรหัสพันธุกรรม แสดงว่ามีการแพร่กระจายไวมากกว่าสายพันธุ์เดลตา หากข้อมูลมีผู้ติดเชื้อหลักพันน่าจะเห็นภาพมากกว่านี้ว่า แพร่กระจายเร็วกว่าเดลตากี่เท่า ซึ่งมีบางคนออกมาบอกมากถึง 500 เท่า

ไทยเปิดประเทศ เพิ่มความเสี่ยงหนัก เล็ดลอดเข้ามา

...

อย่างกรณีการระบาดในเบลเยียม มีความเป็นไปได้ที่จะระบาดในเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และอีกไม่นานจะระบาดในหลายประเทศ รวมถึงไทย จากการเปิดประเทศที่มีความเสี่ยงมาก เพราะยาไม่มี ฟ้าทะลายโจรก็ช่วยไม่ได้ คิดว่าการระงับการเดินทางเข้าออกประเทศ จะต้องเกิดขึ้นอีกรอบ อีกทั้งนักท่องเที่ยวจะน้อยลง เพราะหลายประเทศจะระงับการเดินทาง

เมื่อวัคซีนตัวใหม่ที่จะต่อสู้กับโควิดสายพันธุ์ใหม่ยังไม่เกิดขึ้น และยาจะเป็นตัวช่วย โดยเฉพาะยาแพกซ์โลวิดของไฟเซอร์ จะช่วยได้ในการรักษา หากเป็นยาในรูปแบบของแอนติบอดี จะใช้ไม่ได้ผล หรือยาโมลนูพิราเวียร์ หากกินไม่ครบโดส จะเร่งการกลายพันธุ์ และปล่อยเชื้อให้กับคนอื่นได้ คิดว่าเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จะทำให้ยามีราคาสูงขึ้นมาก และไทยยังไม่มีสิทธิบัตรยา

เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนป้องกันตัวเองให้มากที่สุด และชุดตรวจ ATK ยังเป็นประโยชน์ หากเจอผลบวกควรรีบกักตัว ระหว่างรอการพัฒนาวัคซีนที่มาจากสายพันธุ์โอมิครอน และในอนาคตอาจเห็นวัคซีนที่ผลิตมาจากเชื้อโควิดหลายสายพันธุ์รวมกัน และปีหน้าอาจเป็นความท้าทายที่ต้องเหนื่อยกันอีกต่อไป.

...