The Last of Us ซีรีส์ทุนสร้างมหาศาล 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ HBO ที่เปิดรอบพรีเมียร์ไปเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 23 ที่ผ่านมา ได้ทำให้เกิดกระแส HYPE โหมโชนไปทั่วโซเชียลมีเดีย หลังทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในซีรีส์เต็มไปด้วยความตั้งใจและใส่ใจในทุกๆ รายละเอียด ซึ่งแสดงให้เห็นถึง “ความเคารพในต้นฉบับเนื้อเรื่องของเกม The Last of Us” อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่บรรดา “เกมเมอร์” จะให้การ “ตอบรับ” อย่างชนิดท่วมท้นหัวใจ ในขณะที่บรรดาผู้ชมที่อาจยังไม่เคยได้สัมผัสกับเกมระดับ AAA ที่กวาดรางวัลในโลกของเกมมาแล้วอย่างมากมาย จึงมิอาจทานทนกับกระแสความ HYPE ราวกับไฟลามทุ่งที่เกิดขึ้น และพยายามค้นหาว่าเพราะเหตุใด “เกมระดับขึ้นหิ้ง” เกมนี้ จึงสามารถสร้างความคลั่งไคล้ในระดับสร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้

วันนี้ “ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” จึงอยากขอนำแนะนำ “The Last of Us 101” ผ่านสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจเพื่อให้ใครที่ยังไม่เคยได้สัมผัสเกมอายุหนึ่งทศวรรษที่เปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่สมัยเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 มาให้ทุกคนได้รู้จักกันแบบ “ไม่สปอยล์เนื้อหา”

...

สถิติน่ารู้เกี่ยวกับซีรีส์ The Last of Us :

Nielsen รายงานว่า ซีรีส์ The Last of Us EP.1 มีจำนวนผู้ชมบนแพลตฟอร์ม HBO Max สูงถึง 4.7 ล้านคน ซึ่งถือเป็นซีรีส์เปิดตัวที่มีจำนวนผู้ชมมากเป็นลำดับสองรองจากซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่หลังฉากเป็นดินแดนเวสเทอรอส ที่เหล่าสาวกแม่มังกรรอคอยอย่าง House of the Dragon เท่านั้น ส่วน EP.2 ซึ่งสตรีมไปเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 65 นั้น มีจำนวนผู้ชมสูงถึง 5.7 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 22%! ทำให้ The Last of Us กลายเป็นออริจินอล ซีรีส์ที่มีอัตราการเติบโตของผู้ชมสูงที่สุด ของ HBO ไปแล้ว

และล่าสุด Nielsen รายงานหลังผ่านไปครบ 1 สัปดาห์ ซีรีส์ The Last of Us EP.1 มีจำนวนผู้ชมพุ่งทะยานถึง 18 ล้านคน หรือ เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า! หลังมีการสตรีมรอบพรีเมียร์ ด้านการตอบรับของผู้ชมหลังผ่านไป 2 EP. คะแนนที่ซีรีส์ได้รับจาก Rottentomatoes ยังสูงถึง 97% ด้วย

ทุนสร้าง ซีรีย์ The Last of Us :

แม้ HBO จะไม่มีการเปิดเผยเรื่องทุนสร้างของซีรีส์ The Last of us อย่างเป็นทางการ แต่จากการประมาณการของผู้เชี่ยวชาญในวงการโปรดักชั่นในสหรัฐอเมริกาเชื่อว่า ซีรีส์ The Last of Us น่าจะมีทุนสร้างต่อตอนอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนั่นแปลว่าในซีซั่นแรกนี้ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 10 ตอน (ตอนสุดท้ายในวันที่ 12 มี.ค. 23) ทุนสร้างทั้งหมดจึงน่าจะอยู่ที่ขั้นต่ำที่สุดคือประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงจะถือว่าเป็นซีรีส์ที่ใช้ทุนสร้างสูงกว่า “ซีรีส์คู่บุญ” ของ HBO อย่าง "Game of Thrones" ซึ่งซีซั่นสุดท้ายที่โลกทั้งโลกรอคอย (ซีซั่นที่ 8) มีรายงานว่าใช้ทุนสร้างต่อตอนไปมากถึง 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อตอน แต่มีเพียง 6 ตอน ทำให้ทุนสร้างรวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น!

เห็นตัวเลขการลงทุนขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องบอกกันแล้วมั้งว่า HBO ตั้งความหวังกับ “ซีรีส์โลกล่มสลายจากเชื้อราซอมบี้” เอาไว้ชิดเพดานมากน้อยขนาดไหน?

...

เกม The Last of Us :

แฟรนไชส์เกม The Last of Us ถูกพัฒนาโดยสตูดิโอ "Naughty Dog" เจ้าของเกมปีนป่ายสุดลุ้นเพื่อล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก อย่าง “Uncharted” และถูกจัดจำหน่ายโดยบริษัท SONY โดยเกม The Last of Us Part I ซึ่งเป็นเกมแนวแอ็กชัน-ผจญภัยในโลกที่ล่มสลายจากเชื้อราซอมบี้ ใช้เวลาในการพัฒนานาน 3 ปี ก่อนวางจำหน่ายในปี 2013 หรือในยุคเครื่องเพลย์สเตชั่น 3 โดยเพียงสัปดาห์แรกของการวางจำหน่าย The Last of Us Part I ทำสถิติยอดขายสูงถึง 1.3 ล้านชุด ก่อนที่ยอดขายจะพุ่งทะยานถึง 3.4 ล้านชุด ภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งจากสถิติที่ว่านี้ทำให้ เกม The Last of Us Part I กลายเป็นเกมที่มียอดขายเติบโตเร็วที่สุดในปี 2013 โดยจนถึงปัจจุบัน มีรายงานยอดขายรวมเกม The Last of Us Part I ทั้งในแบบ Digital Download และ Physical (สิ้นสุดปี 2022) อยู่ที่ประมาณมากกว่า 17 ล้านชุด

...

ส่วนเกม The Last of Us Part II ซึ่งใช้เวลาในการพัฒนานานถึง 6 ปี และเพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา โดยเป็นเกม Exclusive สำหรับเครื่องเพลย์สเตชั่น 4 นั้น ทำสถิติยอดขายในสัปดาห์แรกสมการรอคอยของเกมเมอร์ทั้งมวลไปด้วยสถิติ 4 ล้านชุดในสัปดาห์แรก! ซึ่งเป็นสถิติยอดขายที่เหนือกว่าเกมแอ็กชันระดับ AAA อย่าง God of War และ Marvel’s Spider-Man เสียอีก

โดยในตลาดเกมสหราชอาณาจักรนั้น มีรายงานด้วยว่า The Last of Us Part II ทำสถิติยอดขาย Physical Game เหนือกว่าเกมภาคแรกถึง 76% ด้วย และจนถึงปัจจุบัน ยอดขายรวมของเกมนี้อยู่ที่ประมาณ มากกว่า 10 ล้านชุดขึ้นไปแล้ว!

เกม The Last of Us กับการ Remake :

ภายในระยะเวลาถึงหนึ่งทศวรรษ แฟรนไชส์เกม The Last of us ถูกสตูดิโอ Naughty Dog เข็นออกมาได้เพียง 2 ภาคเท่านั้น ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าว “เครื่องคอนโซล” มีการเปลี่ยนถ่ายมาแล้วถึง 3 เจเนอเรชัน ด้วยเหตุนี้ จึงมีการ Remake เกม The Last of Us ออกมาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะ The Last of Us Part II นั้น มีการ Remake ซ้ำให้กับเครื่องเพลย์สเตชั่น 4 และเพลย์สเตชั่น 5 (ปี 2014 และปี 2020)

...

โดยครั้งหลังสุดนี้ได้ก่อให้เกิดดราม่าขึ้นในหมู่เกมเมอร์ทันที เมื่อมีการวางจำหน่าย “เกมเก่าเล่าใหม่” นี้ ในราคาที่สูงถึง 70 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,285 บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 ม.ค. 23) ซึ่งเป็นราคาในระดับเดียวกับเกมที่เพิ่งออกใหม่ จนสร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาสาวก TLOU ที่ติดตามแฟรนไชส์นี้มายาวนานอยู่พอสมควรเลยทีเดียว

เกม The Last of Us กับ รางวัลการันตีคุณภาพ :

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “จุดเด่น” ที่ทำให้แฟรนไชส์เกม The Last of Us โด่งดังและเป็นที่คลั่งไคล้ของบรรดาเกมเมอร์ทั่วโลก คือ “เนื้อเรื่อง” จากฝีมือการรังสรรค์ของ “Neil Druckmann” นักเขียนและนักออกแบบเกมชื่อดัง ที่จินตนาการถึงอีกหนึ่งทฤษฎีวันสิ้นโลกที่ถูกนำมาผูกโยงกับความรักภายในครอบครัวเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ

โดย Neil Druckmann เปิดเผยว่า เริ่มพัฒนาบทของ แฟรนไชส์เกม The Last of Us ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon โดยได้แรงบันดาลใจสำคัญมาจาก “การเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพ่อและแม่ที่มีให้กับเขา รวมถึงทัศนคติเมื่อตอนที่เขาเติบโตขึ้นผู้ใหญ่และเริ่มคิดที่จะมีครอบครัวจนกระทั่งเกิดความวิตกเรื่องการเลี้ยงดูลูกและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

ทั้งนี้ นับตั้งแต่แฟรนไชส์เกม The Last of Us ออกวางจำหน่ายตั้งแต่ ปี 2013 จนถึง ปี 2022 สามารถกวาดรางวัลเกมยอดเยี่ยมจากหลายๆ เวทีทั่วโลกไปรวมกันแล้วถึง 78 รางวัล อ้างอิงจากการรายงานของ Animation Magazine, IGN, Games Radar, PCGamer, Deadline, Hollywood Reporter, GameRevolution, Variety, Gamespot, Shacknews, Games Wirtschaft และในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นรางวัลที่เกี่ยวข้องความยอดเยี่ยมของเนื้อเรื่องเป็นหลักด้วย

ตบท้าย...คำมั่นสัญญาจากทีมผู้สร้างซีรีส์ :

Neil Druckmann ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมผู้ร่วมเขียนบทและผลิตซีรีส์ The Last of Us ยืนยันว่า เนื้อเรื่องของซีรีส์จะไม่เบี่ยงเบนออกไปจากเนื้อหาที่ปรากฏในเกมมากนัก นั่นเป็นเพราะได้เห็นประสบการณ์ที่ได้เห็น “การเปลี่ยนแปลง” ของ “แฟรนไชส์เกม Resident Evil” ที่ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ชนิดแทบไม่เหลือเค้าเดิม และนำมาซึ่ง “เสียงอนุโมทนาสาธุอย่างกึกก้องจากบรรดาเกมเมอร์” มาแล้วนั่นเอง!

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Chonticha Pinijrob

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง