ยุคนี้ใครๆ ต่างต้องหางานเสริม ทำควบคู่ไปกับงานประจำ ไม่เว้นแม้กระทั่งคนในวัยเรียน ซึ่งในวงการค้าขายในโลกออนไลน์ เราจะเห็นแม่ค้าหน้าใหม่ไลฟ์สดขายของกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ หลายคนก็หันมาเปิดแฟนเพจเฟซบุ๊ก เปิดช่องในยูทูบ ขายของในไอจี รีวิวสารพัดเพื่อสร้างฐานคนติดตาม เพิ่มช่องทางการขาย หรือสร้างตัวตนให้เป็น influencer หรือ ผู้ทรงอิทธิพลในโลกออนไลน์

อย่างไรก็ตาม อารมณ์ และความต้องการของผู้บริโภคในโลกออนไลน์นั้นเปลี่ยนแปลงค่อนข้างไว ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีคนดังๆ ในโลกออนไลน์ เกิดไว ดับไว เป็นอย่างมาก ซึ่งประเด็นนี้ ผู้สร้าง หรือผู้ผลิตเนื้อหา (Content) อาจจะต้องต่อยอด เพื่อให้สินค้า หรือ ตัวเองยังคงครองใจผู้บริโภคในโลกออนไลน์ได้ 

ทำ Content ดีๆ รวยเปรี้ยงปร้าง

ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้สร้าง Content เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน ทั้งในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ ไม่นับรวมแอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น ติ๊กต๊อก (Tik Tok) หรือแม้กระทั่ง เว็บบอร์ดสนทนาที่อยู่คู่เมืองไทยมาอย่างยาวนาน ก่อกำเนิดบล็อกเกอร์ชื่อดังหลายๆ คน เช่น เว็บไซต์พันทิป

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ผู้สร้าง Content เหล่านี้ต้องเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภค และกำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้บริโภค เพื่อสร้าง Content ให้ตรงกลุ่มเหมือนยิงเนื้อหาเพียงครั้งเดียว แล้วดังเปรี้ยงปร้าง เมื่อดังแล้ว รายได้ถึงจะตามมาที่หลัง

นอกเหนือจากเม็ดเงินที่ได้รับจากโฆษณา เช่น ยูทูบ เฟซบุ๊ก แล้ว ยังรวมถึงการถูกจ้างจากบริษัทต่างๆ ที่ต้องการโปรโมตกิจกรรม หรือสินค้า ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่รับสารจากผู้สร้าง Content  ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น บล็อกเกอร์สายอาหาร บล็อกเกอร์สายไอที เป็นต้น..แต่คำถามที่ตามมา นักสร้าง Content ทั้งหลายจะทำตัวอย่างไรให้ทรงอิทธิพล และได้รับการตอบรับจากผู้รับสาร ผู้บริโภค แบบเหนียวแน่นและเติบโตไปพร้อมกันๆ 

...

รู้จักยูทูบเบอร์รุ่นแรกของไทย

หากพูดถึง "ปอนด์ ใจดีทีวี" หรือ "ปอนด์ ยาคอปเซน" เชื่อหลายคนอาจจะคุ้นหูเป็นอย่างดี เพราะเธอถือเป็นยูทูบเบอร์ยุคแรกๆ ของไทย ซึ่งช่วงนั้นความเร็วอินเทอร์เน็ตยังอยู่ในวงจำกัด ขณะที่สมาร์ทโฟนยังถือเป็นสินค้าราคาแพงอยู่  

ปอนด์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2553 ตอนนั้นปอนด์แต่งงาน และย้ายไปอยู่ประเทศนอร์เวย์ ช่วงแรกที่ไปอยู่เราเหงามาก ก็เลยใช้ ยูทูบเป็นสื่อในการทำอะไรสนุกๆ ให้เพื่อนๆ ในกลุ่มดู จากนั้นก็ทำคลิปเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน 

ส่วนตัวก็ต้องขอบคุณ ยูทูบ ที่ทำให้หลายคนที่มีความสามารถเข้ามาร่วมสร้างคอนเทนต์ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น อาจจะไม่มีวันได้โอกาสสร้างผลงานให้คนจำนวนมากได้ชมกัน โดยเฉพาะต้องผ่านช่องทางที่เรียกว่า โทรทัศน์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ของนายทุน

ที่สำคัญมันแคบมาก เพราะมีไม่กี่ช่อง ดังนั้นคนที่ได้รับโอกาสให้ผลิตงาน หรืออยู่หน้าจอก็น้อยมาก แต่วันนี้คนกลุ่มที่ไม่ได้รับโอกาสนั้นไม่ต้องรอโอกาสอันริบหรี่นั้นแล้ว เข้าสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองได้เลยบนฐาน (Platform) ของยูทูบ

เมื่อทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ถามต่อว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำปอนด์ ยังเป็น "ปอนด์ ยาคอปเซน" จนถึงทุกวันนี้ท่ามกลางกระแสแบบมาเร็วไปเร็วในปัจจุบัน

ปอนด์ มองว่า การยอมให้คอนเทนท์โตไปกับเรานี่คือหัวใจหลักสำคัญ ซึ่งยูทูบเบอร์ (youtuber) เกือบทุกคนจะต้องเจอช่วงเวลาสับสนในตัวเอง ว่าเราจะทำแบบนี้ต่อไป เพราะคนชอบดู หรือเราจะยอมเปลี่ยนคอนเทนต์ เพราะเราเองก็เปลี่ยน เเลกกับตัวเลขวิวที่อาจจะน้อยลง ซึ่งปอนด์เลือกโตไปกับคอนเทนต์ตัวเลข ยอมรับในตัวเลขที่น้อยลง แต่ก็เชิดชูความเหนียวแน่นของคนที่เลือกไปต่อกับเรา และโตไปด้วยกัน 

อย่างไรก็ตาม การเป็นยูทูบเบอร์ถือเป็นอาชีพสุจริต ที่ถึงแม้จะดูใหม่มาก แต่เนื้อแท้แล้วก็เหมือน production house เล็กๆ ที่ต้องทำงานหนัก และเจอความท้าทายมากมายเหมือนกับอาชีพอื่นๆ 

ยูทูบเบอร์ และ Coaching 

ปอนด์ กล่าวอีกว่า ปอนด์เป็นโค้ชและเทรนเนอร์เรื่อง การพูดและการนำเสนอในที่สาธารณะ (Public speaking and presentation) และสอนภาษาอังกฤษมาก่อนเป็นยูทูบเบอร์ แต่อาจจะด้วยความที่ปอนด์อยู่ออนไลน์มานาน แง่มุมต่างๆ ของเราก็เลยค่อยๆ ได้เผยออกมาก

โดยมุมเทรนเนอร์ นี่ถูกเผยออกมาหลังสุด เลยอาจจะดูเหมือนเป็นสิ่งที่เพิ่งเริ่มทำได้ ส่วนของการพูดเรื่องชีวิต การให้คำปรึกษา ก็เป็นคอนเทนต์ที่บังเอิญเกิดขึ้นเพราะ เราเป็นคนชอบจิบชาแล้วพูดเรื่องทางใจไปเรื่อยๆ โดยสิ่งที่เราพูดอาจจะไปโดยใจคนดู ก็เลยเกิดภาพแง่นี้ขึ้นมา

สำหรับ influencer ในมุมของปอนด์ ถ้าให้เดาคำนี้น่าจะมาจากเหล่าชาว marketing ที่มองหาอะไร หรือใครที่จะมาช่วยขายของ ขายไอเดีย ให้แบรนด์ของเขา สมัยก่อนดารานักร้อง ผู้ประกาศข่าวเป็น influencer หลัก เพราะเขาเป็นกลุ่มคนที่ได้แอร์ไทม์ สกรีนไทม์ หรือเวลาหน้าจอ ทีนี้พอยุคเปลี่ยนไปคนดูจอทีวีน้อยลง แต่ดูจอมือถือมากขึ้น จึงเป็นที่มาว่า คนที่มีเวลาหน้าจอที่ไม่ใช่ดาราก็เป็น influencer ได้เช่นกัน ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของการตลาดที่เจริญเติบโตไปกับเทคโนโลยี technology