สัญญาณความพร้อมจากหน่วยงานความมั่นคง ทั้งของกองทัพ และตำรวจออกมาขานรับ ย้ำให้ความมั่นใจในการดูแลรักษาความปลอดภัยการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ "เอเปก 2022" ซึ่งเป็นเวทีการประชุมที่มีความสำคัญระดับโลก โดยมีผู้นำแต่ละประเทศเข้าร่วมประชุม

ซึ่งประเทศไทยรับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปก รวมถึงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปก 2022 ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย.นี้

โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยผู้นำและผู้แทนที่เข้าร่วมประชุม ให้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นหน้าตาของประเทศไทย หากการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้นำนานาประเทศชื่นชม จะมีผลดีต่อคนไทยทั้งด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุน รวมถึงในมิติด้านต่างๆ ตามมาในอนาคต

"บิ๊กป้อม" มอบตำรวจเป็นหน่วยหลักดูและความปลอดภัย บุคคล สถานที่ เส้นทาง

ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะเป็นประธานอนุกรรมการด้านการรักษาความปลอดภัยและการจราจร ได้เปิดกองอำนวยการร่วมเอเปก โดยมอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ทำหน้าที่ขับเคลื่อนงาน ดูแลการรักษาความปลอดภัย บุคคล สถานที่พัก สถานที่การจัดการประชุม เส้นทางการจราจร โดยใช้กำลังพลประมาณ 35,000 นาย ในการดูแลจนสิ้นสุดภารกิจการประชุม ตลอดจนส่งผู้นำประเทศต่างๆ เดินทางกลับ

...

ทั้งนี้จะเห็นว่า "ผบ.ตร." ได้กำหนดแผนการซักซ้อม มอบนโยบาย และลงตรวจเยี่ยมชมด้วยตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อการปฏิบัติงานในวันจริงจะไม่มีข้อผิดพลาด จนเกิดความสมบูรณณ์ 100% แต่อาจมีมาตรการบางอย่างที่ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไข เพื่อความมั่นใจการรักษาความปลอดภัยการประชุมครั้งนี้ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดความปลอดภัยสูงสุด ทั้ง แผนเผชิญเหตุ การต่อต้านการก่อการร้าย การดูแลความปลอดภัยโรงแรมที่พักของผู้นำแต่ละประเทศ

นอกจากกำลังตำรวจ ที่เตรียมไว้ ยังจะมีกองทัพ ส่งกำลังพลทหารร่วมสนธิกำลังกว่า 5,000 นาย เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกทั้งด้านจราจรและด้านความมั่นคง รวมถึงคอยตรวจตราดูในจุดสูงข่มด้วย

ผบ.ทสส. จัด 3 หน่วย ทัพไทย ส่งกำลังพลร่วมดูแลร่วมกับตำรวจ

ขณะที่ "กองทัพ" แม้ไม่ได้เป็นหน่วยงานดูแลหลัก แต่ได้รับมอบหมายให้ประสานงาน และดำเนินดูแลความปลอดภัยควบคู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่งได้นัด ผบ.เหล่าทัพ รวมทั้งตำรวจประชุมหารือในเรื่องการเตรียมดูแลรักษาความปลอดภัย รวมถึงการอารักขาผู้นำแต่ละประเทศควบคู่กับตำรวจ

โดย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้มอบหมายให้จัดเตรียมกำลังพลจากหน่วย ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ศตก.) และกรมข่าวทหาร เป็นหน่วยงานหลัก ต้องทำงานร่วมกับ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการวางแผนดูแลความปลอดภัยร่วมกัน โดยให้ฝ่ายทหาร ดูแลตั้งแต่วินาทีเครื่องบินแต่ละประเทศเข้ามายังเขตแดนประเทศไทย โดยกำชับแผนการณ์ต่างๆ ต้องปฏิบัติไปในทางเดียวกัน และความปลอดภัยทุกด้านต้อง 100%

ผบ.ทบ. ส่ง สห. สุนัขทหาร EOD ทหารกองเกียรติยศเข้าร่วมภารกิจ 

ส่วน "กองทัพบก" พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ได้จัดชุดประสานงานที่ กอ.รักษาความปลอดภัยและการจราจร เพื่อสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยสถานที่บุคคล ร่วมกับตำรวจ โดยมีชุดสุนัขทหาร ชุด EOD ตรวจสถานที่ รปภ.สถานที่ หน่วยทางอากาศจัด แอนตี้โดรน ทีมรักษาพยาบาล รพ.พระมงกุฎเกล้า ทีมส่งผู้ป่วยทางอากาศ กำลังเตรียมพร้อมคลี่คลายสถานการณ์จาก กองทัพภาคที่ 1 รวมถึงการจัดชุดทหารกองเกียรติยศ

นอกจากนี้ "กองทัพบก" ยังได้รับมอบหมายให้เป็นส่วนสนับสนุน ดูแลภารกิจด้านต่างๆ โดย "ผบ.ทบ." ให้นำทุกทรัพยากรทั้งบุคลากร ยุทโธปกรณ์ ศักยภาพของหน่วยทหารมาใช้เพื่อการจัดประชุมให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นในทุกมิติ ซึ่งในจุดนี้ ผบ.ทบ. มอบให้ทุกสายงานและหน่วยทหารของกองทัพบกให้การสนับสนุนในทุกด้าน ตามที่ได้รับมอบหมายจากภาครัฐ รวมถึงประสานงานด้านการข่าวกับหน่วยงานต่างๆ ติดตามข้อมูลข่าวสารทั้งในและต่างประเทศ

การเฝ้าระวังด้านการข่าว การรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่ โดยเฉพาะการจัดกำลังพลวางแผนและร่วมในชุดประสานงาน ณ กอ.ร่วม เพื่อปฏิบัติภารกิจในหลายด้าน ทั้งให้ มณฑลทหารบกที่ 11 จัดกองทหารเกียรติยศร่วมกับเหล่าทัพในพิธีต้อนรับผู้นำประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุม

การจัดกําลังสารวัตรทหาร สนับสนุนการจัดตั้งจุดตรวจและสายตรวจดูแลความปลอดภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจในพื้นที่ประชุมและพื้นที่สำคัญ จัดชุดสุนัขทหาร จำนวน 15 ชุด 30 ตัว ร่วมภารกิจตรวจสอบสถานที่ อารักขาบุคคล และปฏิบัติภารกิจร่วมกับชุด EOD จากกรมสรรพาวุธทหารบกในการตรวจสอบพื้นที่

ส่งชุดเฝ้าระวังทางอากาศ ทีมแพทย์ทหาร ฮ.145 พร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วย

หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก สนับสนุนชุดระบบเฝ้าตรวจและเฝ้าระวังทางอากาศ (Anti Drone) ส่วนด้านการรักษาพยาบาลได้จัดเตรียมโรงพยาบาลกองทัพบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรทางการแพทย์พร้อมให้การรักษาฉุกเฉินเร่งด่วนในทุกสถานการณ์ รวมทั้ง ศูนย์การบินทหารบกจัดเฮลิคอปเตอร์ทั่วไป 145 เฮลิคอปเตอร์พยาบาล เพื่อการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางอากาศร่วมกับกรมแพทย์ทหารบก

นอกจากนี้ กรมดุริยางค์ทหารบกได้จัดชุดการแสดงทางวัฒนธรรมสําหรับงานเลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันทุกส่วนต่างๆ ได้ทำงานสอดประสานทั้งเรื่องการรักษาความปลอดภัยบุคคลและสถานที่ รวมถึงมาตรการในการเฝ้าระวังด้านการข่าว ทั้งนี้ในพื้นที่ชายแดน โดยกำชับให้ดำรงความเข้มงวดในมาตรการสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมาย การเฝ้าตรวจและการผ่านเข้าออกตามด่านชายแดน และพื้นที่ส่วนกลางในสายงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ก็จะดำเนินการคู่ขนานเช่นกัน

สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายทุกพื้นที่ชายแดน พร้อมย้ำการประชุมต้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำทุกการสนับสนุนดังกล่าวเพื่อให้การจัดประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แขกผู้มาเยือนจากทุกประเทศมีความประทับใจ เกิดการเปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันอย่างสมดุล "OPEN - CONNECT - BALANCE" ตามวัตถุประสงค์ของการจัดประชุม อันจะส่งเสริม ดำรงศักดิ์ศรีและนำมาซึ่งเกียรติภูมิของประเทศไทยในระดับสากล เพราะความสำเร็จในการจัดประชุมในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนทุกคน จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี

โดยหน่วยทหารกองทัพบกทั่วประเทศรวมทั้งกำลังพล จะร่วมกันสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของสถานที่ ผู้คน เหตุการณ์ กิจกรรมการดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามปกติและเรียบร้อย ไม่ประมาทโดยเฉพาะเรื่องอุบัติภัย อุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์ที่จะส่งผลต่อบรรยากาศอันดีของประเทศในช่วงเวลาสำคัญนี้

พร้อมได้เริ่มขับเคลื่อนตามแผนงาน เข้มงวดสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนโดยกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบก และการเฝ้าระวังในพื้นที่ตอนใน ให้เป็นไปตามที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) ได้เตรียมการสนับสนุนไว้ 

"ทัพเรือ" จัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางเรือ ดูแลความปลอดภัยทางน้ำ จัดเตรียมหอประชุมงานเลี้ยงค่ำ


ขณะที่ "กองทัพเรือ" พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ได้จัดเตรียม "หอประชุมกองทัพเรือ" สำหรับงานเลี้ยงอาหารค่ำรับรองผู้นำเขตเศรษฐกิจที่เข้าร่วมประชุม รวมถึงการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ ทั้งทางบกและทางน้ำ ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกและคู่สมรสร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) ที่หอประชุมกองทัพเรือ ในวันที่ 17 พ.ย.

ส่งหน่วยทหารรักษาความปลอดภัยทางน้ำ ในพื้นที่ทางน้ำบริเวณโรงแรมที่พักผู้นำเขตเศรษฐกิจที่อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา หรือพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายเพิ่มเติม รวมทั้งจัดทำแผนการเคลื่อนย้ายบุคคลสำคัญทางน้ำ และแผนการส่งกลับสายแพทย์ทางน้ำกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

เปิดสนามบินอู่ตะเภารองรับเครื่องพิเศษ พร้อมทีมแพทย์สนับสนุน

สนับสนุนท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา สำหรับให้เครื่องบินพิเศษ หรือเครื่องบินสำรองของผู้นำเขตเศรษฐกิจ จอดตามแต่จะได้รับการประสาน พร้อมจัดชุดการจัดแพทย์ พยาบาล รถพยาบาล ห้องฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ สนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการปฏิบัติการด้านการแพทย์และการส่งกลับสายการแพทย์

รวมทั้งจัดกำลังพล ชุดปฏิบัติการ ยานพาหนะ ยุทโธปกรณ์ สนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ตามที่ได้รับการประสาน เพื่อสนับสนุนการจัดประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีความปลอดภัยสูงสุด โดยมี ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือ ทำหน้าที่เป็นหน่วยควบคุม อำนวยการ สั่งการ และติดตามการปฏิบัติงานในการรักษาความปลอดภัยและการจราจรในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ และพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายในภาพรวมทั้งทางบกและทางน้ำ ของหน่วยต่างๆ ที่กองทัพเรือ ได้จัดตั้งขึ้น ประกอบด้วย หน่วยรักษาความปลอดภัยทางบก หน่วยเรือรักษาความปลอดภัยทางน้ำ กองกำลังปฏิบัติการพิเศษกองทัพเรือ หน่วยปฏิบัติการลำเลียงขนส่ง หน่วยปฏิบัติการทางการแพทย์ รวมถึงหน่วยอื่นๆ ที่กองทัพเรือมอบหมาย

"ทัพฟ้า" เปิด 6 กองบิน ท่าอากาศยานทหาร รับ-ส่งผู้นำเข้าร่วมประชุม พร้อมหน่วยอากาศโยธิน ดูแลความปลอดภัย

สำหรับ "กองทัพอากาศ" พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. จัดเตรียมหน่วยทั้งภาคพื้น และหน่วยบิน โดยหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กรมทหารอากาศโยธินรักษาพระองค์ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ชุดต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ และ 6 กองบิน ดูแลความปลอดภัย โดยให้เปิดทั้ง 6 กองบินทหารให้การสนับสนุน พร้อมกำหนดให้ "ท่าอากาศยานทหารของกองทัพอากาศ" เป็นหนึ่งในท่าอากาศยานสำหรับรับ-ส่งผู้นำเอเปก เพื่อรองรับจำนวนเครื่องบินให้เพียงพอ

เพราะการประชุมเอเปก 2022 ถือเป็นภารกิจอันสำคัญยิ่ง ที่ประเทศไทยจะต้องสร้างความประทับใจแรกให้แก่ผู้มาเยือนจากทุกเขตเศรษฐกิจเอเปก ควบคู่กับการรักษาความปลอดภัยสูงสุด โดยกองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมของพื้นที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 กองทัพอากาศ เพื่อรับ-ส่งผู้นำเอเปกอย่างสมเกียรติ รวมถึงบริหารจัดการลานจอดเครื่องบินร่วมกับท่าอากาศยานต่างๆ ให้มีความเพียงพอกับเครื่องบินพิเศษที่เข้ามาในห้วงดังกล่าว

นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมและสนับสนุนทรัพยากรของกองทัพอากาศ เพื่อดำเนินการตามแผนการรองรับบุคคลสำคัญ รวมถึงแถวกองทหารเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ เพื่อใช้ในพิธีรับ-ส่งผู้นำ โดยมอบหมายให้ ผบ.กรมทหารอากาศโยธินรักษาพระองค์ เป็น ผบ.กองเกียรติยศผสมในครั้งนี้

ดังนั้นบทบาทของหน่วยงานความมั่นคง ในการรักษาความปลอดภัยการประชุมเอเปก 2022 ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี จึงถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ของกองทัพ และตำรวจ ซึ่งได้นำทุกทรัพยากร เครื่องมือ และกำลังพลกว่า 35,000 นาย ใช้ในการดูแลประชุมครั้งนี้ เพื่อให้ออกมาราบรื่น ไร้เหตุการณ์ กระทั่งส่งผู้นำชาติต่างๆ กลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัย.

ผู้เขียน : ยุทธจักรเขียว

กราฟิก : varanya phae-araya