- นโยบาย 3P ทีเด็ด! หวังมัดใจคนกรุง กลายเป็นม้ามืด ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ชูระบบบริหารข้าราชการกทม.ใหม่ ที่โปร่งใส ทำงานให้ตรงใจประชาชน ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์แบบเดิมๆ
- เปิดใจ อดีตนักบิน F-16 ทำไม ตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เปรียบ บินไปไม่ต้องถามจะแพ้หรือชนะ ไม่รู้โดนยิงตกหรือเปล่า แต่ต้องวางแผนให้ดีที่สุด แล้วทำให้สุดหัวใจ
- ไขข้อข้องใจ เหตุผล "เจ๊หน่อย" ออกจากเพื่อไทย เพราะเขาไม่ส่งใคร ลงผู้ว่าฯ กทม.จริงหรือ ขณะเดียวกันหวั่นไหวหรือไม่ ลงชิงตำแหน่ง "พ่อเมืองกทม." ใต้เงา "คุณหญิงสุดารัตน์" ทาบทับอยู่
แล้วศึกชิงเก้าอี้ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ระเบิดขึ้นเป็นทางการ โดยมีการเปิดรับสมัครกันไป เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 มี.ค. 2565 ภายหลังที่พี่น้องประชาชนคน กทม.ไม่ได้เห็นบรรยากาศ แบบนี้ มานานถึง 9 ปี แล้ว
...
ศึกชิงฐานที่มั่นสำคัญ "เมืองหลวง" อย่างกทม.ในครั้งนี้ ถือว่าใหญ่หลวงนัก เมื่อมีผู้สมัครหลายคนตัดสินใจลงชิงตำแหน่ง และหมายมั่นปั้นมือ ประกาศอยากจะได้เก้าอี้ตัวนี้มาครอบครอง ไม่ว่า ตัวเต็งที่ทุกฝ่ายมองกัน ทั้ง ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงสมัครในนามอิสระ , ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่สังกัด พรรคประชาธิปัตย์ แชมป์เก่าหลายสมัย หรือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จากค่ายก้าวไกล แม้แต่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. และยังมีผู้สมัครรายอื่นๆ ที่ประมาทไม่ได้อีก ทั้ง สกลธี ภัททิยกุล และ รสนา โตสิตระกูล เชื่อได้ว่า งานนี้ขับเคี่ยวกันสนุก แบบห้ามกะพริบตาแน่
หากถามถึง สนามเลือกตั้งในเมืองหลวง แน่นอน ชื่อของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ถือได้ว่า เป็นคนดังในแวดวงการเมือง ที่รู้จักกันดีทั่วประเทศ
หากเป็นคอการเมืองแล้ว ย่อมทราบดีว่า คุณหญิงสุดารัตน์ หรือ "เจ๊หน่อย" มีชื่อเรียกกันอยู่ว่า เป็น "เจ้าแม่เมืองกรุง" ที่ในครั้งนี้ ลาออกจากเพื่อไทย เพราะพรรคไม่ส่งคนลงชิงผู้ว่าฯ กทม. โดยมาสร้างพรรคใหม่ ที่ไม่มี ส.ส.เลย อย่าง "ไทยสร้างไทย" ทั้งยังประกาศส่งคนลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.โดยเปิดตัว "ผู้พันปุ่น" น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีต ส.ส.เขตคลองเตย ทั้งยังเคยเป็นอดีตนักบิน F-16 มาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
หลายคนอาจสงสัย "ผู้พันปุ่น" คนนี้มีดี หรือทีเด็ดอะไร ที่จะมาโน้มน้าวหัวใจพี่น้องชาวกทม.ให้ลงคะแนนเลือกเป็น ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ได้ ทั้งต้องยอมรับว่าหลายฝ่าย รู้สึกว่า เพิ่งมาเปิดตัวก่อนรับสมัครเลือกตั้งแค่วันเดียว แบบนี้จะสู้เขาได้หรือ? และที่สำคัญ การตัดสินใจลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ ต้องยอมรับ "ผู้พันปุ่น" โอกาสชนะยาก แล้วแท้ที่จริง มีเหตุผลอะไร ถึงต้องลงแข่งขัน ใช่ "คุณหญิงสุดารัตน์" อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่
ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ น.ต.ศิธา แบบหมดเปลือก จะเป็นเพราะอะไร เราไปดูกัน
นโยบายมัดใจคนกรุงเทพฯ?
น.ต.ศิธา กล่าวว่า คนก็จะถามว่า "อะไรคือสิ่งที่ผู้ว่าฯ กทม.ไม่เคยทำ" ก็คำถามที่อยู่ในใจคนกรุงเทพฯ ทั้งหมดนี่ล่ะ ที่บอกว่า ทำไมปล่อยให้น้ำท่วม- ทำไมถึงปล่อยให้รถติด -ทำไมไม่ทำแบบนั้น- ทำไมไม่ทำแบบนี้ -ทำไมทางเท้าเป็นแบบนี้ - ทำไมความปลอดภัยในการสัญจรไปมา สถานที่เปลี่ยวยามค่ำคืนนะครับ แล้วก็ กทม.เนี่ย ไม่ได้เป็นเมืองที่ "เฟรนด์ลี่" กับคนที่ไม่มีขีดความสามารถในการปกป้องตัวเองอะไรอย่างนี้ เราก็จะมาแก้ไขตรงนั้น ไปขันนอต ไปดูแลข้าราชการของ กทม.ให้ทำงานให้ตรงใจประชาชน
"ผู้พันปุ่น" กล่าวต่อว่า กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย พื้นที่จราจรต้องมี พื้นที่สัญจรไป-มา ต้องมี แล้วก็ค้าขายยังไง ที่ประชาชนบอกว่า สามารถซื้อขายในวิถีไทยๆ ได้ จุดเด่นของ กทม.ที่โด่งดังไปทั่วโลกก็คือ "สตรีทฟู้ด" นะครับ สตรีทฟู้ดมันรวมถึงห้องแถวเล็กๆ 1 คูหา 2 คูหา ที่ขายของกับหาบเร่แผงลอยก็คือสตรีทฟู้ดเช่นเดียวกัน เราต้องทำตรงนี้ให้ดี ให้ถูกสุขลักษณะให้เขาสามารถทำมาค้าขายได้ แล้วก็ไม่กีดขวางการจราจร ในกรอบของเราที่ทำ จะแยกนโยบายออกเป็น 3 ด้าน เราเรียกว่า 3P นะครับ P แรก ก็คือ people คือชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน P ที่สองคือ Profite การประกอบอาชีพของคนใน กทม. และส่วน P ที่สามคือเรื่องของ Planet เราต้องการให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่ รายละเอียดเราจะไปว่ากันในขั้นตอนของนโยบาย เพราะฉะนั้นเนี่ยใน 3 ส่วนนี้ มันจะโยงไปถึงนโยบายที่ยิบย่อยอีกมากมายซึ่งต้องทำ
มั่นใจ ว่า ข้าราชการ กทม.ทำงานร่วมกับ"ผู้พันปุ่น"ได้?
น.ต.ศิธา กล่าวว่า สิ่งที่ผมจะทำ เมื่อข้าราชการ เปิดอกรับฟังแล้วก็จะรู้ว่า มันเป็นสิ่งที่ดีกับประเทศชาติ ผมเชื่อว่า "เก้าสิบเปอร์เซ็นต์" ต้องการให้ระบบมันดีนะครับ แล้วข้าราชการคนหนึ่งอาจจะสมมติ "เอาอกเอาใจ" ผู้ใหญ่จนตนเองได้ดีอะไรต่างๆ "เขาโตขึ้นมาคนหนึ่งอีก 99 คน ก็ไม่พอใจ เพราะว่าเขาตั้งใจทำงาน แล้วทำไมถึงไม่ได้รับการโปรโมตเจริญเติบโต เพราะฉะนั้นเราบอกว่า เราจะนำระบบบริหารจัดการที่ดีในระบบการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดีเข้ามากำกับดูแล เพราะฉะนั้นถ้าคุณมั่นใจว่าคุณทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้การ เลื่อน ลด ปลด ย้าย ข้าราชการจะทำภายใต้ระบบนี้ ไม่ใช่ระบบอุปถัมภ์แบบเดิมๆ"
ตัดสินใจลง ผู้ว่าฯ กทม.ช้าไปไหม?
อดีต ส.ส.เขตคลองเตย กล่าวว่า ทุกคนชี้มาที่นี่หมด กับประธานพรรคก็คือ "คุณหญิงสุดารัตน์" ก็บอกว่า "ปุ่น" คนที่มีดีเอ็นเอ คนที่ทราบดีเลยว่า เราต้องการทำอะไรให้กับประเทศคือคุณ เพราะฉะนั้น คุณต้องออกหน้าแล้วงานนี้ ถ้าเกิดทุกคนต้องการอย่างนั้นเนี่ย เราก็ยินดีที่จะทำให้ อะไรก็ได้ผมทำให้ดีที่สุด ผมเคยเป็นนักบินมาก่อน คือ เราบินไปเนี่ย เราไม่ถามว่า เราจะชนะหรือแพ้ เราจะได้กลับมาหรือเปล่า หรือโดนยิงตกหรือเปล่า แต่เราต้องวางแผนที่ดีที่สุด นำเสนอวิถีทางที่ดีที่สุด ที่เราจะไปเอาชนะให้ได้ โดยที่ไม่ต้องมองว่าเราเป็นรองใคร หรือเรามีโอกาสที่จะทำได้หรือเปล่า เราเปรียบเทียบกับบางประเทศถึงขั้นมี "กามิกาเซ" นะครับ หลายคนบอกว่า เปิดตัวตอนนี้จะทันเขาเหรอ 50 วัน จะเลือกตั้งแล้ว จะเปิดตัว 1 ปี หรือจะเปิดตัวเท่าไรก็แล้วแต่ ก็คือคุณมาเรียนรู้ปัญหา ผมขลุกอยู่กับปัญหา แล้วประชาชนก็เลือกผมเป็นตัวแทนในเขตคลองเตยมาแล้ว เพราะฉะนั้นเนี่ยผมรู้ปัญหาดี 50 วัน ที่บอกว่าไม่ทันเนี่ยไม่ใช่หรอก ผมทำข้อมูลไว้หมดละ ผมรู้หมดแล้วว่าคนกรุงเทพฯ ต้องการอะไร ผมจะนำ 50 วันที่จะใช้เนี่ย ในการประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่ผมเจอ มาบอกว่าผมจะแก้ไขปัญหายังไง
ออกจาก "เพื่อไทย" เพราะพรรคไม่ยอมส่งผู้ว่าฯ กทม.
"ก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง ก็เป็นเหตุผลใหญ่ประมาณนึงครับ เรื่องนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่สมัยตอน "ไทยรักไทย" เราอยู่ใน "ไทยรักไทย" แล้วก็ขณะนั้น มีการเชียร์ผู้สมัครคนหนึ่ง แล้วก็สนับสนุนคนนี้มาลงแคนดิเดต ผู้ว่าฯ กทม. โดยที่ไม่ลงในนามพรรค แต่พรรคสนับสนุน ภาพนั้นมันเหมือนกับจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เราควรทำทุกอย่างให้โปร่งใส ตั้งแต่ก้าวแรกหรือเปล่า เราชอบพูดกันว่า"กลัดกระดุมเม็ดแรก"ให้มันถูกต้อง การ"กลัดกระดุมเม็ดแรก" ให้มันถูกต้อง มันสำคัญแล้วเนี่ย แต่ก่อนกลัดกระดุมเนี่ย คุณจริงใจที่จะกลัดกระดุมหรือเปล่ามันสำคัญกว่า เพราะฉะนั้นผมว่าสิ่งหนึ่งก็ต้องชัดเจน ซึ่งเราก็ดีเบตกันในพรรคกันมาเยอะ แล้วก็ยืนยันว่ายังไงถ้าจะส่งคนลงอะไรก็ได้นะครับ ไม่ส่งลงก็คือไม่ส่งลง ถ้าส่งลงก็คือส่งลง แต่ทุกอย่างขอตรงไปตรงมากับพี่น้องประชาชน นั่นคือส่งที่เรามองนะครับ"น.ต.ศิธา กล่าว...
น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า ผมเนี่ยฟังมาเยอะ ตั้งแต่ตอนเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่า อย่าเป็นอีแอบ คนเชียร์เนี่ยบอกว่า เฮ้ย พี่เชียร์คุณนะสนับสนุนคุณมาตลอด สนับสนุนพรรคคุณมาตลอด แต่อย่าคิดว่าคนกรุงเทพฯ เป็นคนโง่ คุณคิดจะทำอะไร คุณให้โปร่งใส เบื่อแล้วกับการที่ทำอย่างนี้แล้วมันจะได้คะแนนเยอะ ทำอย่างนี้แล้วมันจะไม่ได้คะแนน มัน..มัน...คือ "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" นะ คือถ้ากินน้ำแกงได้ ก็กินเนื้อมันเถอะ ไม่เป็นไรหรอก อะไรอย่างนี้ คือทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้นเนี่ยคืออะไรก็ได้ ไม่ส่งคือไม่ส่ง ส่งคือส่ง
ลงผู้ว่าฯ กทม.ใต้เงา "คุณหญิงสุดารัตน์"
อดีตโฆษกรัฐบาล กล่าวต่อว่า ผมลงผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรคไทยสร้างไทย ประธานพรรคหรือคนที่เป็นเสาหลักให้กับพรรคของผมเนี่ย ชื่อสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ผมเปิดเผย แล้วผมก็จะทำแบบนี้ แล้วผมก็มีความเชื่อว่า สิ่งที่เขาทำ ผมไม่เคยเห็นนักการเมืองคนไหนขยันเท่า คุณหญิงสุดารัตน์ เพราะฉะนั้น ถ้าคนจะบอกว่า เอ๊ะ อยู่ใต้ร่มเงาของคุณหญิงสุดารัตน์ หรืออะไรต่างๆ เนี่ย คือถ้าไม่ชอบในส่วนของนโยบายเขาจะเลือกพรรคอื่นอยู่แล้ว ยังไงก็ไม่ได้เลือกผมอยู่แล้ว
แต่ถามว่า เหมือนเป็นคนที่สั่งให้มาลงหรือเปล่า อะไรหรือเปล่า ยืนยันว่า "เปล่า" การตัดสินใจอยู่ที่ตัวผม ว่า ผมอยากจะทำในสเกลไหน ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำในสเกลที่ผมจะเอาตัวเองเข้ามาให้เต็มที่ แล้วทำงานให้ กทม. ให้เป็นโมเดลให้เห็นเลยว่า "ไทยสร้างไทย" จะทำยังไงกับประเทศนี้ ผมก็จะทำอย่างนั้นกับ กทม.เป็นผลดีกับคน กทม.ในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ คนใหม่ ที่เขาจะมองว่าผู้ว่าฯ คนไหนทำประโยชน์ให้กับเขาได้มากที่สุด แล้วก็เป็นผลดีว่า ที่ผมได้ ได้พูดได้นำเสนอประชาชนจะเห็นว่า มันเหมาะสมที่จะทำแล้วเขาจะเลือกใครทำก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมยินดี แล้วผมก็เปิดเผย ที่ผมลงผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคการเมืองเล็กๆ ที่เพิ่งสร้างใหม่ ไม่มี ส.ส.แม้แต่คนเดียวที่ชื่อ "ไทยสร้างไทย"
หากพ่ายศึกชิงพ่อเมืองครั้งนี้ เป้าหมายต่อไป คือ
"50 วันนี้ จะแพ้หรือชนะไม่ได้เป็นตัวชี้วัด ผมสู้เต็มที่ ที่จะชนะ แต่ถ้าเกิดไม่ได้ก็ต้องดูต่อไปว่า เป้าหมายหน้าในของไทยสร้างไทยเนี่ย ผมก็ยังช่วย จะอยู่เบื้องหน้าจะอยู่เบื้องหลัง จะทำตัวยังไงก็แล้วแต่ ผมก็จะช่วยให้มันเกิดขึ้นให้ได้ แต่ถ้ามันไม่ได้ จริงๆ 3 ปี 5 ปี จนกระทั่งผม ลูกเริ่มโต ผมต้องไปทำอย่างอื่นในการที่จะต้องซัพพอร์ตลูกต้องอะไรแล้ว ผมก็จะไปเป็นประชาชนคนกรุงเทพฯ คนหนึ่ง ที่จะมองผู้ว่าฯ กทม.ในอนาคตพัฒนากรุงเทพฯต่อไป แล้วก็อาจจะเป็นคนกรุงเทพฯ คนหนึ่ง ที่มีคนเริ่มที่จะฟัง แล้วเราก็จะคิดอีกมุมมอง ที่เราคิดว่าถูกต้องให้กับกรุงเทพมหานคร ต่อไป แต่ว่า ณ เวลานี้ ก็คือ หวังที่จะชนะ แล้วก็ต้องการให้ กทม.ทำงานไปในทิศทางที่ถูกต้อง เปลี่ยนมายด์เซตของข้าราชการให้ถูกต้องแล้วก็มาทำในการที่เป็นข้ารับใช้ประชาชน ดูแลพี่น้องประชาชนในกรุงเทพมหานครให้ได้" ผู้พันปุ่น กล่าว...
ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่นานเกินรอ ไม่ถึง 50 วัน แล้ว วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. 2565 คงจะได้รู้กัน ว่า น.ต.ศิธา ทิวารี จะได้เป็น ผู้ว่าฯ กทม.สมดังตั้งใจหรือไม่? ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐออนไลน์ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ "ผู้พันปุ่น" ทำให้เต็มที่ "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น"
ผู้เขียน : เดชจิวยี่
กราฟิก: Anon Chantanant