1. 25 ธันวาคม 1991 มิคาอิล กอร์บาชอฟ ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหภาพโซเวียต และมอบอำนาจการปกครองสหภาพโซเวียตให้แก่บอริส เยลต์ซิน อย่างเป็นทางการ

ธงชาติผืนใหม่สีแดง-น้ำเงินถูกชักขึ้นสู่ยอดเสาแทนธงค้อนเคียว

สหภาพโซเวียตล่มสลาย สิ้นสุดสงครามเย็น

สหรัฐฯกลายเป็นมหาอำนาจเดี่ยวนับตั้งแต่บัดนั้น

2. สหภาพโซเวียตล่มสลายลง เกิด Commonwealth of Independent States (CIS) หรือเครือรัฐเอกราช ประกอบด้วย 12 สาธารณรัฐ คือ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐอูเครน สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน สาธารณรัฐจอร์เจีย สาธารณรัฐอาร์เมเนีย สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน สาธารณรัฐเติร์กเมนิสถาน สาธารณรัฐทาจิกิสถาน สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กิซ และสาธารณรัฐมอลโดวา

3. สาธารณรัฐจอร์เจียถอนตัวออกจากกลุ่ม CIS เมื่อ ค.ศ.2009 ระหว่างสงครามเซาท์ออสเซเทียสาธารณรัฐอูเครนถอนตัวออกจากกลุ่ม CIS เมื่อ ค.ศ.2014 สาเหตุจากการผนวกดินแดนไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

4. ปัจจุบัน CIS มีสมาชิก 10 สาธารณรัฐ รวมพื้นที่ 21.46 ล้านตารางกิโลเมตร ประชากร 245 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 3.1 ของประชากรโลก

...

5. 24 กุมภาพันธ์ 2022 สงครามรัสเซีย-อูเครนอุบัติ และทวีความรุนแรงขึ้นวรรค ทั้งสองฝ่ายทุ่มหมดหน้าตัก

6. 21 ธันวาคม 2022 โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีสาธารณรัฐอูเครน พบโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และแถลงต่อที่ประชุมวาระพิเศษของสภาคองเกรสสหรัฐฯที่กรุงวอชิงตันว่า การสนับสนุนทางการเงินของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นการกุศล แต่คือวิธี ‘การลงทุน’ อย่างรับผิดชอบที่สุดเพื่อการส่งเสริมความมั่นคงและประชาธิปไตยของโลก

7. 21 ธันวาคม 2022 วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย มีแถลงการณ์ถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรม ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัสเซีย ‘แต่เกิดขึ้นจากนโยบายของประเทศที่ 3 ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งในอูเครน’ รัสเซียพร้อมเพิ่มขนาดกองทัพอีกร้อยละ 30 และไม่จำกัดงบประมาณที่ต้องจ่ายในการปฏิบัติการพิเศษทางทหาร

8. สงครามรัสเซีย-อูเครนทำให้เศรษฐกิจโลกตกต่ำ

กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ประมาณการอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2023 เอาไว้ว่า

จีดีพีโลกจะเติบโตร้อยละ 2.7 จีนร้อยละ 4.4 อินเดียร้อยละ 6.1 สหรัฐฯร้อยละ 1.0 ญี่ปุ่นร้อยละ 1.6 ฝรั่งเศสร้อยละ 0.7 สหราชอาณาจักรร้อยละ 0.3 เยอรมนีร้อยละ -0.3 และรัสเซียร้อยละ -2.3

9. ธนาคารโลกแถลงว่า ประเทศที่ยากจนและอ่อนแอจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

พลเมืองโลกกว่า 90 ล้านคน จะต้องเจอความยากจนถึงขีดสุดจากราคาสินค้าและบริการที่พุ่งกระฉูด+หนี้สาธารณะในประเทศกำลังพัฒนาที่สูงสุดในรอบ 50 ปี

10. วิกฤติค่าครองชีพ=วิกฤติศรัทธาต่อรัฐบาล

มีการประท้วงรุนแรงในสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และแคนาดา

11. ความร่วมมือรัสเซีย+จีน+กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง (นำโดยซาอุดีอาระเบีย) + กลุ่มประเทศ CIS

12. ค.ศ.2023 คาดว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.5 พันล้านคน จำนวนมนุษย์เพิ่มขึ้นแต่อาหารผลิตได้เท่าเดิมหรืออาจจะได้น้อยลงจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและปริมาณน้ำฝนที่ลดลง รวมทั้งพื้นที่ทำการเกษตรน้อยลงจากการขยายตัวของเมือง

รัสเซียต้องไปขยายพื้นที่ปลูกข้าวสาลีในไซบีเรีย+จีนมีพัฒนาการปลูกข้าวในอวกาศ

13. การแย่งชิงทรัพยากรจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงทุกรูปแบบทั้งบนโลกและในอวกาศเพื่อรักษาอำนาจของตนเอง

14. การย้ายอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์และขั้วมหาอำนาจโลกจากตะวันตกไปตะวันออก จะเป็นประเด็นสำคัญของ ค.ศ.2023

...

อำนาจดั้งเดิมของตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และพันธมิตรจะลดน้อยถอยลง

15. อำนาจใหม่ฝั่งตะวันออก นำโดยจีนและรัสเซียและพันธมิตรจะเข้มแข็งขึ้น.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย