เพราะอะไรสาวๆ จึงอยากได้ เจ้าปิศาจน้อยหูยาว ฟันแหลม มีขนเต็มตัว แถมยังมีรอยยิ้มที่สุดเจ้าเล่ห์ ซึ่งมีชื่อว่า “Labubu” ไปครอบครองเป็นไอเทมชิกๆ ติดกระเป๋าใบสวยและแสนแพงของพวกเธอกันนักนะ?... รู้หรือไม่? ที่มาของรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ของ Labubu? “ไม่ว่าเราจะเจอความยากลำบากอะไร เราควรยิ้มให้เหมือนกับ Labubu แล้วเราจะมีความสุขได้อย่างแน่นอน!” คาซิง ลัง (Kasing Lung) ศิลปินผู้สร้าง THE MONSTERS SERIESใครคือผู้สร้าง Labubu? ศิลปินผู้นี้มีชื่อว่า “คาซิง ลัง“ (Kasing Lung) เติบโตที่ฮ่องกง พออายุได้ 6 ขวบ ครอบครัวได้ย้ายไปเปิดร้านอาหารที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และด้วยความที่ในระยะแรกๆ ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาท้องถิ่น (ภาษาดัตช์) กับเพื่อนๆ ได้ เขาจึงมักเลือกที่จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านพักอย่างไรก็ดี เมื่อครูสอนภาษาแนะนำให้ฝึกภาษาท้องถิ่น ผ่านการอ่านหนังสือตำนานพื้นบ้านนอร์ดิก และหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็ก ซึ่งมักจะเต็มไปด้วยภาพวาดประกอบต่างๆ มากกว่าข้อความ ซึ่งการเสพผลงานศิลปะที่แฝงอยู่ในหนังสือเหล่านั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “บิดาของ Labubu” มีความฝันที่อยากกลายเป็นศิลปิน และเริ่มสนุกสนานกับการวาดภาพต่างๆ นับจากนั้นเป็นต้นมา… เมื่อทางครอบครัวเห็นว่า ลูกชายเริ่มฉายแววมากขึ้นทุกทีๆ จึงได้สนับสนุนให้เข้าไปเรียนในโรงเรียนด้านศิลปะที่ Academy of Fine Arts เพื่อมุ่งหน้าไปสู่ความเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว ถึงแม้ว่า...ในใจลึกๆ จะรู้สึกห่วงว่า...การทำงานในวงการศิลปะของลูก อาจจะเหมือนกับบรรดาศิลปินส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ใกล้กับร้านอาหาร ซึ่งต่างมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ในทำนองศิลปิน (มัก) ไส้แห้งก็ตามเถอะ! บิดาของ Labubu กับความสำเร็จที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อเรียนจบ “คาซิง ลัง” ยอมรับว่า ด้วยความเป็นคนเอเชีย โอกาสในการทำงานในประเทศเนเธอร์แลนด์จึงค่อนข้างจำกัด จึงตัดสินใจกลับมาหางานทำที่ฮ่องกง โดยเข้าทำงานเป็นนักออกแบบโฆษณาที่บริษัทแห่งหนึ่งในวัยเพียง 20 ปี แต่แล้วหลังฮ่องกงต้องเผชิญหน้ากับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส และปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ เขาจึงกลับไปทำงานเป็นจิตรกรเพื่อฝึกฝนฝีมือ สำหรับมุ่งสู่ความฝันเป็นนักวาดภาพหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็ก ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์อีกครั้งโดยหลังผ่านความผิดหวังจากการถูกสำนักพิมพ์และเวทีประกวดต่างๆ ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็กลายเป็นผู้ชนะ เมื่อได้รับรางวัลชนะเลิศ World ILLustration Awards ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลระดับโลกของวงการศิลปะ “คุณสนใจที่จะทำให้ผลงานของคุณกลายเป็น 3 มิติบ้างไหม?” คำเชื้อเชิญผ่านอีเมลที่แฝงไว้ด้วยความท้าทายจาก “โฮเวิร์ด ลี” (Howard Lee) เจ้าของ How2work บริษัท Creative&Design Production house ผู้พัฒนา Art Toy จากฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ ได้กลายเป็น Turning Point ครั้งสำคัญที่ทำให้ “คาซิง ลัง” ตัดสินใจผันตัวเองจากโลกของจิตรกร ไปสู่…ศิลปินนักออกแบบ Art Toy ชื่อดังในปัจจุบัน ความสำเร็จที่เริ่มต้นจากความล้มเหลว หลังตัดสินใจร่วมงานกับ How2work ในปี 2010 ผลงานชิ้นแรกในปี 2011 ซึ่งเป็นการออกแบบซีรีส์ของเล่นที่มีชื่อว่า “Toy Forest” ที่ประกอบไปด้วยฟิกเกอร์คาแรกเตอร์เด็กชายและสัตว์น่ารักๆ หลากหลายคาแรกเตอร์จึงถูกนำออกวางจำหน่าย โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากในช่วงที่ยังศึกษาอยู่ เขามักใช้เวลาว่างออกไปเดินท่องป่าประกอบกับการได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานปิศาจ และอสุรกาย ในนิทานพื้นบ้านของยุโรป จากทั้งอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นอยู่บ่อยๆ จนกระทั่งมีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวเหล่านี้เป็นพิเศษ อย่างไรก็ดี... สำหรับผลตอบรับที่ได้จากผลงานชิ้นแรกในวงการ Art Toy คือ...“ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง!” “ช่วง 3 ปีแรก ผมบอกได้เลยว่าซีรีส์ “Toy Forest” ไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลย ถึงแม้ว่าผมจะพอมีฐานแฟนคลับที่ติดตามผลงานอยู่บ้างก็ตาม แต่ของเล่นในซีรีส์นี้กลับไม่เป็นที่นิยมมากนัก จนทำให้สินค้าส่วนใหญ่ขายไม่หมด แม้จะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะมีการจัดอีเวนต์เพื่อส่งเสริมการขาย แต่สินค้าบางส่วนก็ยังคงขายได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จนผมแทบจะไม่มีรายได้อยู่นานเกือบ 2 ปี”“คุณคะ…อย่าเพิ่งยอมแพ้ ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องประสบความสำเร็จได้” กำลังใจจากครอบครัว อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสู่ความสำเร็จ “ตอนนั้นผมมีครอบครัวแล้ว โดยทั้งภรรยาและลูกสาวที่เพิ่งเกิดอยู่ที่ประเทศเบลเยียม ฉะนั้นการที่ผมซึ่งต้องเดินทางไปๆ มาๆระหว่างฮ่องกงและเบลเยียม โดยที่แทบไม่มีรายได้ จึงทำให้ครอบครัวของเราลำบากพอสมควร ซึ่งหากเป็นครอบครัวอื่นก็คงบอกให้ผมเปลี่ยนงานใหม่ไปแล้ว แต่ภรรยาของผมกลับบอกว่า…คุณรอมานานมากแล้วที่จะได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ ฉันจึงคิดว่าคุณควรทำต่อไป โดยที่มีฉันคอยเป็นกำลังใจให้ และฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องประสบความสำเร็จได้ในที่สุด ผมจึงมีกำลังใจที่จะทำงานออกแบบ Art Toy ต่อไป โดยที่แทบไม่มีโอกาสไปร่วมงานวันเกิดหรือฉลองความสำเร็จเรื่องการเรียนให้กับลูกสาวของตัวเองเลย ความสำเร็จที่มีหน้าตาและชื่อว่า Labubu ในที่สุดความตั้งใจและพยายามอย่างหนักของ “คาซิง ลัง“ ก็ทำให้เขาสะกดคำว่า “ความสำเร็จ” ได้ในที่สุด หลังเริ่มการออกแบบซีรีส์ของเล่นใหม่ที่มีชื่อว่า “THE MONSTERS SERIES” ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ “น้อง Labubu” ที่เรารู้จักกันดี ในปี 2015 โดย Labubu เป็นหนึ่งในน้อง Monsters สุด Cute ร่วมกับ Zimomo, Tycoco, Spooky และ Pato ที่เคยถูกออกแบบเป็นภาพร่างขาวดำในหนังสือนิทานภาพ “Mysterious Buka” ของ “คาซิง ลัง” ก่อนหน้านี้ และทันทีที่ออกวางขาย มันก็กลายเป็นของเล่นขายดีจนเหลือเชื่อมาจนถึงปัจจุบัน Labubu และผองเพื่อน THE MONSTERS SERIES ประสบความสำเร็จขนาดไหน?น้องสุด Cute พันล้าน ปิศาจน้อย LABUBUTHE MONSTERS SERIES : ปี 2020 : สร้างรายได้ 204,828,000 ล้านหยวน (8.1%) 1,036 ล้านบาท (8.1% ของรายได้ Pop Mart) ปี 2021 : สร้างรายได้ 304,431,000 ล้านหยวน (6.8%) 1,540 ล้านบาท (6.8% ของรายได้ Pop Mart)ปี 2022 : สร้างรายได้ 263,002,000 ล้านหยวน (5.7%) 1,330 ล้านบาท (5.7% ของรายได้ Pop Mart)ปี 2023 : สร้างรายได้ 367,871,000 ล้านหยวน (5.8%) 1,861 ล้านบาท (5.8% ของรายได้ Pop Mart)อ้างอิง : รายงานผลประกอบการ Pop Mart หมายเหตุ อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการระบุว่า Pop Mart ทำข้อตกลงได้รับลิขสิทธิ์ผลงานของ คาซิง ลัง แต่เพียงผู้เดียวมาตั้งแต่ปี 2019 ตัวตนของ น้อง Labubu “คาซิง ลัง” เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงเรื่องนี้เอาไว้เมื่อปี 2021 โดยระบุว่า Labubu และ Tycoco ถูกออกแบบมาจาก Concept ที่ว่า “เป็นคู่รักคู่กัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข”Labubu ที่แม้ภายนอกจะดูน่ากลัวเนื่องจากมีฟันที่แหลมคม แต่จริงๆ แล้วเธอเป็นเด็กผู้หญิง ที่มีจิตใจดีและพร้อมช่วยเหลือผู้อื่น เพียงแต่อาจจะเป็นจอมซุกซนที่มักชอบรังแกแฟนหนุ่มขี้อายที่มีจิตใจใสซื่ออย่าง Tycoco อยู่เป็นประจำ แต่ทั้งหมดนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความไม่ตั้งใจ และในบางครั้งทั้งคู่ก็จะมีการแสดงออกถึงความรักที่มีต่อกันจนเว่อร์วัง ได้เช่นเดียวกับคู่รักทั่วๆ ไปโดยทั้งคู่คือความต้องการในการถ่ายทอดแนวคิดที่ว่า อารมณ์และนิสัยแบบเด็ก เช่น ความขี้เล่นและซุกซนที่บางครั้งอาจเกินพอดี มักยังคงถูกซุกซ่อนอยู่รวมๆ กันในกลุ่มผู้ใหญ่ทั่วๆ ไป และสไตล์การแสดงออกในลักษณะการผสมผสานระหว่างความขี้เล่นภายใต้ความแข็งกร้าวนี้ ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นรูปแบบเฉพาะตัวสำหรับ “บิดาของ Labubu และผองเพื่อน” มาจนถึงปัจจุบันไปแล้ว ไม่เว้นแม้แต่การออกแบบ Mickey Mouse ในงาน Collab กับ Adidas ในปี 2020 ที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่า Mickey Mouse สุดน่ารักก็มีฟันแหลมๆ ที่น่าเกรงขามได้เช่นกัน! ความสำเร็จ ความสำเร็จ และความสำเร็จ “คาซิง ลัง” เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อในปี 2019 หลัง น้อง Labubu ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเอาไว้ว่า…Labubu คือ คาแรกเตอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และแม้ว่าผมจะพยายามสร้างคาแรกเตอร์ใหม่ๆ ออกมา แต่ในทุกครั้งที่มีโอกาสพบปะกับแฟนคลับในภูมิภาคต่างๆ จะมีแต่คนคอยถามผมว่า เมื่อไหร่จะปล่อย Labubu คอลเลกชันใหม่ออกมาเสียที การที่ Labubu กลายเป็นสินค้าขายดีมีคนมาต่อคิวซื้ออย่างมากมายนั้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ผมแปลกใจมากๆ และอยากรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงชื่นชอบกันมากมายขนาดนี้ สำหรับผมเองที่ทั้งเคยต้องทำงานอย่างหนักมายาวนาน และเคยผ่านความล้มเหลวมาแล้ว พอเห็นว่าผลงานของตัวเองขายดิบขายดีมากมายขนาดนี้ มันจึงมีความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับ นี่ตัวเองกำลังฝันอยู่ใช่ไหม? การเรียนรู้ที่จะอยู่บนจุดสูงสุด “ผมไม่ใส่ใจกับคำพูดของคนอื่นๆ มากนัก เพราะผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมควรทำคือ สร้างสรรค์ผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด เพราะผมยังมีคาแรกเตอร์ที่ออกแบบไว้อีกมากมาย และผมปรารถนาอยากให้ทั้งหมดถูกเผยแพร่ออกสู่สาธารณชน เวลาที่ผมไปงานอีเวนต์ต่างๆ มักมีคนเข้ามาหาและเสนอความเห็นต่างๆ มากมาย ซึ่งผมยินดีรับฟังความเห็นนั้นทั้งหมด แต่มันจะไม่มีอิทธิพลต่อความคิดของผมมากจนเกินไปอย่างแน่นอน”ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน กราฟิก : ชลธิชา พินิจรอบอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง Pop Mart ความมั่งคั่งที่เริ่มต้นจากน้อง Mollyธุรกิจกล่องสุ่ม ภาพสะท้อนแรงปรารถนาGenZCRYBABY งานศิลปะสำรวจความรู้สึกมนุษย์ สู่การเก็งกำไรReply รยูจุนยอล ที่มาของชายผู้น่าริษยาโทริยามะ อากิระ บทอวสานของจินตนาการ และความฝันที่ปลิดปลิว