การก่อกบฏในรัสเซียของกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 23 มิ.ย. นำโดยเยฟเจนีย์ ปริโกซิน นักธุรกิจคนสนิทของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และเจ้าของฉายาพ่อครัวของปูติน ทำให้ทั่วโลกต่างจับตามอง เพราะเป็นสิ่งท้าทายเป็นการหักหน้าปูติน เป็นอย่างมากในการประกาศจะบุกกรุงมอสโก หลังเข้ายึดเมืองรอสตอฟ ออน ดอน ทางตอนใต้ของรัสเซีย

ผ่านไปเพียง 36 ชั่วโมง ทุกอย่างจบลงเร็วและง่ายเกินไป เมื่อปริโกซิน สั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่ ประกาศจะลี้ภัยไปเบลารุส หลังบรรลุข้อตกลงร่วมกับประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ของเบลารุส ซึ่งเข้ามาเป็นตัวกลางหยุดสงครามนองเลือดกลางเมือง หรืออาจมีเบื้องหน้าเบื้องหลังมีการสมคบคิดจัดฉากระหว่างปูติน กับปริโกซิน เพื่อทดสอบความจงรักภักดีของเหล่าชนชั้นนำในรัสเซีย จากการตั้งข้อสงสัยของผู้คนในโซเชียลมีเดีย

หน่วยข่าวกรองชาติตะวันตก ประเมินว่าชีวิตของปริโกชินจะไม่ปลอดภัย อาจถูกลอบสังหารจากคำสั่งของปูติน ส่วนตัวปูติน ได้เคลื่อนไหวแถลงผ่านโทรทัศน์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ประกาศจะนำตัวแกนนำก่อกบฏมาลงโทษโดยไม่ระบุชื่อปริโกซิน แต่อย่างใด และจะไม่ดำเนินคดีกับทหารรับจ้างวากเนอร์ ให้เลือกระหว่างการเข้าเป็นกำลังพลในกองทัพรัสเซีย หรือลี้ภัยไปเบลารุส หรือกลับไปอยู่กับครอบครัว

ในอีกแง่หนึ่งเยฟเจนีย์ ปริโกซิน ผู้ก่อตั้งกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ เป็นคนคัดเลือกนักโทษในเรือนจำรัสเซีย เข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ ในการบุกโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของรัสเซียในการขยายอิทธิพลไปในแอฟริกา และเคยถูกกล่าวหาเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ตั้งแต่เมื่อครั้งที่โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในปี 2016 จนในที่สุดปริโกซิน ก็ออกมายอมรับ

...

หลายข้อสงสัย เบื้องหลัง "กบฏวากเนอร์" หักหน้าปูติน

การก่อกบฏในรัสเซีย จะเป็นการจัดฉากสมคบคิดกันจริงๆ หรือ? และในความเห็นของ “ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู ผู้เชี่ยวชาญความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มองว่า ข้อมูลในสังคมรัสเซียถูกปิด เพราะสื่อถูกควบคุม ทำให้ข้อมูลที่แท้จริงไม่มีใครรู้แน่ ได้แต่คาดคะเนและคาดการณ์ แต่ด้วยความสัมพันธ์ของปริโกซิน กับปูติน มีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมานาน จากการติดตามอย่างใกล้ชิดของผู้เชี่ยวชาญรัสเซีย อีกทั้งปูติน ไม่เคยนำทหารจากกองทัพ เข้ามาอยู่กับกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ จนกลไกรัฐบาลและรัฐสภาไม่สามารถทะลวงเข้าไปตรวจสอบได้ และพยายามหาคนมาควบคุมทหาร เพราะที่ผ่านมามีความพยายามก่อรัฐประหาร มาแล้วในสมัยประธานาธิบดีเยลต์ซิน

ในอดีตปูติน เคยแต่งตั้งอนาโตลี เอดูอาร์โดวิช เซอร์ดูคอฟ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ก็ไม่มีประสิทธิภาพในการปฏิรูปทหาร กระทั่งเอาเซอร์เก ชอยกู ซึ่งเป็นคนนอกไม่ใช่ลูกหม้อจากทหาร เข้ามาทำหน้าที่แทน และเมื่อทำสงครามในยูเครน กลับไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้ปริโกซิน ออกมาวิจารณ์รัฐมนตรีกลาโหม และประธานคณะเสนาธิการทหารฯ เพราะไม่ส่งอาวุธให้ขณะกลุ่มวากเนอร์ บุกเมืองบักห์มุตของยูเครน และปูติน ก็ไม่ได้ออกมาห้ามปรามปริโกซิน

“ตอนนั้นก็สงสัยทำไมปูติน ปล่อยให้ปริโกซิน วิพากษ์วิจารณ์ แต่พอตอนหลังอาจเลยเถิดเกินไปในการก่อกบฏ จะบุกมอสโก ในแง่ทำให้ปูติน เสียหน้าได้ และคนในเมืองรอสตอฟ ออน ดอน ก็ออกมาสนับสนุน คงทำให้ปูติน โกรธมาก และปริโกซิน ไปพูดทำลายเหตุผลในการรุกรานยูเครน ว่าเป็นการหลอกลวง เป็นพวกบ้าคลั่ง เพื่อผลประโยชน์ของรัฐมนตรีกลาโหม แต่จริงๆ แล้วทั่วโลก ก็รู้ว่าปูติน โฆษณาชวนเชื่อว่ายูเครน ร่วมกับนาโต้ คุกคามรัสเซีย สุดท้ายก็เป็นข้ออ้างของปูติน หาจังหวะยึดยูเครน ก็เท่านั้น”

ส่วนประเด็นปริศนามีการมองว่าเป็นการจัดฉากสมคบคิด ก็เพราะว่าปริโกซิน พากองกำลังกลุ่มวากเนอร์ ไปครึ่งทางแล้วก่อนไปถึงกรุงมอสโก และออกมาปฏิเสธไม่ใช่การรัฐประหาร แต่เพื่อความยุติธรรมในการกดดันรัฐมนตรีกลาโหม และระหว่างเดินทางก็ไม่มีทหารกองทัพรัสเซีย ออกมาตอบโต้ใดๆ ทั้งที่มีการยิงเครื่องบินของกองทัพ ตกไป 2 ลำ จากนั้นปูติน ก็รอเวลาแถลงว่าเป็นการหักหน้า แต่ไม่ระบุชื่อปริโกซิน กระทั่งเบลารุส เข้ามาเป็นตัวกลาง จนยอมถอนกำลัง

หลังจากนั้นไม่มีความเคลื่อนไหวของปริโกซิน ยิ่งทำให้กระทบความน่าเชื่อถือของปูติน จนคนรัสเซียไม่เชื่อใจคิดว่าน่าจะมีเหตุผลและเบื้องหลังอย่างไร เพราะขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่าปริโกซิน ไปอยู่ที่ใด หรืออาจเหมือนคนตายไปแล้ว เพราะปูติน ไม่เคยเมตตาใคร เคยวางยาพิษฝ่ายตรงข้าม ทำทุกอย่างกับคนที่ออกมาต่อต้าน ขณะที่ปริโกซิน ก็ออกมาบอกไม่ได้ต้องการอะไร ได้สร้างความงุนงงว่ามีเบื้องหลังอย่างไร

...

หรือปูตินกับปริโกซิน อาจรู้กันหรือไม่ ในเรื่องรัฐมนตรีกลาโหมทำงานล้มเหลว แต่เมื่อการก่อกบฏเป็นข่าวไปทั่วโลก ทำให้ปูตินเสียหน้า แม้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่มีข้อมูลยืนยันออกมา ทำให้ได้แต่วิเคราะห์และคาดคะเนตามข้อมูลที่มีอยู่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ขณะที่ปูติน ก็พยายามแก้สถานการณ์ว่าตัวเองสามารถควบคุมได้ และจะลงโทษแกนนำกบฏ พยายามพูดถึงประวัติศาสตร์สมัยปฏิวัติรัสเซีย ปี 1917 ว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มีกบฏ ทำให้รัสเซียแพ้สงคราม ทั้งๆ ที่รัสเซียแพ้อยู่แล้ว แต่มีข้ออ้างว่ามีคนทรยศต่อประเทศ ออกมาพูดให้หนักแน่นให้คนรัสเซียมั่นใจ

“จริงๆ แล้วไม่รู้ว่าคนรัสเซียได้ฟังข่าวครบถ้วน หรือตรวจสอบข้อมูลหรือไม่ว่าสงครามยูเครน ได้สร้างความเสียหายแค่ไหน จนยืดเยื้อไป 16 เดือน เมื่อคนไม่เชื่ออาจมีคำถามมากขึ้น ส่วนความรู้สึกของคนรัสเซีย เป็นอย่างไรไม่มีใครรู้แน่ แต่พออนุมานได้ว่าไม่มีกลุ่มใดที่ออกมาเปิดเผย นอกจากกลุ่มวากเนอร์ และในหมู่ทหารที่อาจไม่เป็นเอกภาพหรือไม่ ขณะเดียวกันชนชั้นนำยังคงสนับสนุนปูตินอยู่ หรืออาจไม่มีตัวเลือก แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร เพราะสื่อถูกปิด และคนต่อต้านปูติน ก็ถูกจับไปหมด”

...

ปูติน-ปริโกซิน ต่างมีผลประโยชน์ร่วม สู่แผนสมคบคิด

แม้ข้อมูลในรัสเซียไม่ครบถ้วน แต่การสมคบคิดจัดฉาก ก็เป็นการวิเคราะห์อีกแนวหนึ่ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นดูทะแม่งๆ โดยเฉพาะการเคลื่อนกองกำลังของกลุ่มวากเนอร์ไปมอสโก เพราะใกล้ถึงจุดหมายจะเผชิญหน้า กลับไม่มีการขัดขวางและปูติน คงยอมไม่ได้ กระทั่งยุติลงแบบหักมุม

ยิ่งมีการเข้ายึดเมืองรอสตอฟ ออน ดอน ทำได้อย่างง่ายดาย ไม่มีการระงับกองกำลังวากเนอร์ เหมือนมีการสนับสนุนและเห็นด้วย จนน่าสงสัยว่าทหารบางส่วน อาจเห็นด้วยว่าสงครามยูเครนไม่น่าจะเดินหน้าต่อ จากเสียงที่มีน้ำหนักของปริโกซิน มาหักล้างเหตุผลของปูติน ว่าเป็นการโกหก เหมือนอย่างก่อนหน้าที่มีหลายคนออกมาบอกว่ารัสเซีย ต้องการโจมตียูเครนมากกว่า

อีกทั้งก่อนที่ปริโกซิน จะออกมาเคลื่อนไหว มีการตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่มีการเจรจากันภายใน กระทั่งออกมาเปิดเผยว่ามีทหารเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สอดคล้องกับข้อมูลของอดีตทหารชั้นผู้น้อยที่หนีทัพออกมาเปิดเผยว่าหน่วยงานของเขาไม่ได้รับการดูแลจากกองทัพรัสเซีย และอธิบายว่าทำไมต่อต้านสงครามยูเครน เพราะรู้สึกว่าสงครามครั้งนี้มีคนถูกหลอก จนมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าที่ผ่านมา 16 เดือน ไม่ได้ทำสงครามเพื่อป้องปราม แต่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ มีทหารตายไป 2 แสนนาย มีการทำลายคนบริสุทธิ์ที่ไม่เคยก้าวร้าวกับรัสเซียมาก่อน

“คิดว่าคนรัสเซียจะเริ่มคิดว่าจะมีความมั่นคง แต่กลับน้อยลงกว่าเดิม และประเทศในตะวันตก ก็ร่วมกับนาโต เพิ่มขึ้น จะมีความมั่นคงอย่างไร เพราะสมาชิกนาโต อยู่รายล้อมยูเครน ไม่จำเป็นต้องตั้งฐานทัพ หากต้องการรุกรานรัสเซียจริง และปูติน อาจคิดว่าจะเผด็จศึกได้เร็ว เป็นการไปตามแผน คิดว่าเหมือนยึดไครเมีย แต่ประเมินผิด ประเมินสูงเกินไป และกลุ่มวากเนอร์ของปริโกซิน ก็กู้หน้าให้กับรัสเซียในการยึดบักห์มุต เพราะกองทัพรัสเซียไม่เอาไหน ต้องเอานักโทษมาเป็นนักรบ มาช่วยกู้หน้าได้ระดับหนึ่ง”

...

เมื่อมาถึงวันนี้ปูติน จะถอยไปไม่ได้ แม้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอาทหารไปตายร่วม 2 แสน จนปูติน ถูกมองว่าเป็นเผด็จการที่โง่ที่สุดในโลก ไม่มีใครนอกจากปูตินไปติดบ่วงอยู่กับสงครามยูเครน เพราะคิดไม่รอบคอบ และสุดท้ายแล้วไม่รู้ว่าการก่อกบฏในรัสเซีย มีเบื้องหลังที่แท้จริงอย่างไร หรือปริโกซิน อาจเริ่มคิดได้ เพราะอาจถูกตอบโต้ขณะบุกกรุงมอสโค หรืออาจมีการสมคบคิดก็มีความเป็นไปได้ เพราะปูตินและปริโกซิน ต่างพึ่งพาต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน เคยสมรู้ร่วมคิดกันมาก่อน และครั้งนี้อาจเลยเถิดมากไป

“ท้ายสุดกลายเป็นสิ่งไม่ดีต่อปูติน หากไม่มีอะไรจริงๆ กองกำลังวากเนอร์ คงไม่สามารถข้ามมาจากยูเครน เข้ามารัสเซียได้อย่างง่ายดาย หรือทหารรัสเซียอาจเห็นด้วย เลยยอมปล่อยเข้ามา ส่วนหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ก็ออกมาระบุจะยุติดำเนินคดีกับกลุ่มวากเนอร์ ทำให้คิดได้หลายอย่างว่าน่าจะมีอะไรเบื้องหลังระหว่างปูตินกับปริโกซิน ต้องติดตามดูอะไรจะเกิดขึ้นอีกหลังจากนี้”