"ลิโอเนล เมสซี" กับความท้าทายครั้งใหม่ และคำถามถึง Passion ที่จะมีต่อ "อินเตอร์ ไมอามี" และ MLS
ไม่ใช่แคว้นคาตาลัน ที่เปรียบเสมือน “บ้าน” หรือ “กรุงริยาด” ที่เต็มไปด้วย “กองธนบัตร 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี” หรือประมาณ 15,206 ล้านบาท แต่เป็น “เมืองไมอามี!” และนี่คือ...การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของอัจฉริยะนักเตะวัย 35 ปี ที่กวาดความสำเร็จบนโลกลูกหนังมาไว้ในกำมือแล้วอย่าง “ลิโอเนล เมสซี”
“หากเป็นเรื่องเงิน ผมคงเลือกไปซาอุดีอาระเบียหรือที่อื่นๆ ที่เสนอเงินจำนวนมากให้กับผม เป็นความจริงที่ผมได้รับข้อเสนอจากทีมในยุโรป แต่ผมไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะหากเป็นยุโรป ในความคิดผมมีเพียงบาร์เซโลนาเท่านั้น หลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และไม่สามารถกลับไปยังบาร์เซโลนาได้ ก็ถึงเวลาที่ต้องไป “เมเจอร์ลีก ซ็อกเกอร์” (Major League Soccer) หรือ MLS เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับฟุตบอลในแบบที่แตกต่างออกไป และสนุกกับชีวิตประจำวันของผมให้มากขึ้น”
...
และนี่คือ...การยืนยันถึงการผจญภัยครั้งใหม่และครั้งแรกนอกแผ่นดินยุโรปของ (ว่าที่) เจ้าของ “บัลลงดอร์ 2023” จากผลงานพาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ เมสซี เลือก MLS :
ข้อที่ 1 การแยกทาง กับ เปแอสเช :
สัญญา 2 ปี กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ของ “ลิโอเนล เมสซี” กำลังจะสิ้นสุดลงในซัมเมอร์นี้ และทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะแยกทางกันด้วยดี
ข้อที่ 2 ปัญหาเงินๆ ทองๆ ของ บาร์ซา :
ปัญหายุ่งๆ เรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ บาร์เซโลนา ยังคงขวางกั้นการกลับคืนถิ่นเก่าของ “เมสซี” อยู่เช่นเดิม และมีความเป็นไปได้น้อยมากที่ “การคืนถิ่นของราชัน” ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมาพร้อมกับค่าเหนื่อยก้อนโตนั้นจะเกิดขึ้นได้ โดยไม่ไปทำผิด “กฎไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์” (Financial Fair Play)
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : เมื่อกฎไฟแนนเชียล แฟร์ เพลย์ ทำฟ้าผ่าซ้ำที่ แมนฯ ซิตี้
ข้อที่ 3 ข้อเสนอที่ดีกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี :
สัญญาค่าเหนื่อยที่ว่ากันว่าสูงถึง 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จาก “สโมสรอัล ฮิลาล” ในประเทศซาอุดีอาระเบีย ถูกส่งให้ “เมสซี” พิจารณา เพื่อหวังดึงตัวไปร่วมกับ “โรนัลโด” (สโมสรอัล นาสเซอร์) และ “คาริม เบนเซมา” (สโมสรอัล อิตติฮัด) ก่อร่างสร้างลีก Saudi Pro League หรือ SPL ให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก เพื่อเป้าหมายการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2030
...
ก่อนหน้าข้อเสนอจาก “สโมสรอินเตอร์ ไมอามี” (Inter Miami) ของ “เดวิด เบคแคม” อดีตนักเตะชื่อดัง และสองพี่น้อง “Jorge และ Jose Mas” เสียอีก
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :
หากแต่...รายได้สำหรับการย้ายไป MLS ของ “เมสซี” ในครั้งนี้ อาจไม่ได้มีเพียงค่าเหนื่อยจาก “สโมสรอินเตอร์ ไมอามี” แต่เพียงอย่างเดียว! เพราะตามรายงานของสื่อในสหรัฐฯ ระบุว่า MLS และ Apple บริษัท Big Tech ทุนมหาศาล มีการเปิดการเจรจาถึงส่วนแบ่งรายได้จากการสมัครสมาชิก MLS Season Pass ซึ่งเป็นแพ็กเกจสตรีมมิงถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีก MLS บนแพลตฟอร์ม “Apple TV+” กับ ดาวเตะวัย 35 ปีแล้ว เนื่องจากทั้ง MLS และ Apple เชื่อว่าการมาถึงของสตาร์ลูกหนังรายนี้ จะสามารถเรียกความสนใจจากทั้งแฟนบอลอเมริกันและทั่วโลกให้มาสนใจ MLS ได้อย่างแน่นอน
...
ทั้งนี้ Apple และ MLS เพิ่งลงนามในสัญญา 10 ปี ที่มีมูลค่าสูงถึง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 86,400 ล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา หรือก่อนหน้าที่ “เมสซี” จะออกปากตัดสินใจเลือก “สโมสรอินเตอร์ ไมอามี” เพียงไม่กี่วัน และอีกหนึ่งสัญญาณที่น่าจะสนับสนุนในประเด็นดังกล่าวคือ การที่ Apple TV+ เปิดตัวซีรีส์สารคดีการโลดแล่นในฟุตบอลโลกทั้ง 5 ครั้ง ของ “สตาร์คนใหม่ของสโมสรอินเตอร์ ไมอามี”
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า “อาดิดาส” (Adidas) ซึ่งเป็นสปอนเซอร์หลักของทั้ง “เมสซี” มาตั้งแต่ปี 2006 และได้รับสัญญาตลอดชีพเมื่อปี 2017 รวมถึง MLS มาตั้งแต่ก่อตั้งลีกเมื่อปี 1996 และเพิ่งขยายสัญญาการสนับสนุนชุดแข่งให้กับทุกทีมในลีก ออกไปอีก 6 ปี (ถึงปี 2030) ด้วยมูลค่ารวมถึง 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! หรือประมาณ 28,734 ล้านบาท น่าจะมีส่วนสำคัญในการโน้มน้าวให้นักเตะอัจฉริยะผู้นี้ ตัดสินใจเดินทางมายังสหรัฐอเมริกาด้วย โดยอาจเป็นข้อเสนอเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์กีฬาในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะขายดิบขายดีทันที เมื่อ...หมายเลข 10 แห่งอาร์เจนตินา เดินทางถึงเมืองลุงแซม
...
ข้อที่ 4 กระตุ้นกระแสฟุตบอล ก่อนเป็นเจ้าภาพบอลโลก 2026 :
ฟุตบอลโลก 2026 ซึ่ง แคนาดา, เม็กซิโก, สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วมนั้น หากไม่นับเม็กซิโกที่ฮิตฟุตบอลเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว ทั้ง สหรัฐฯ และ แคนาดา ดูจะเป็นสิ่งที่ดูตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง และถึงแม้ว่าในฟุตบอลโลก 1994 ชาวอเมริกันจะแสดงพลังให้เห็นกันแล้วว่า ต่อให้พวกเขาเรียกกีฬาชนิดว่า “ซ็อกเกอร์” และแถมไม่รู้จักกีฬาชนิดนี้มากเท่าใดนัก แต่หากเป็นมหกรรมกีฬาระดับโลก พวกเขาก็พร้อมจะเข้าไปดูและเชียร์ทีมชาติของตัวเองจนเต็มสนามได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี...เพื่อเป็นการ “อุ่นเครื่อง” เลี้ยงกระแสเอาไว้ก่อน...หากได้ “มนุษย์ที่เล่นฟุตบอลได้เก่งที่สุดในโลก” มาเล่นตัวเป็นๆ ให้เห็นกับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างกระแสฟีเวอร์หล่อเลี้ยงก่อนถึงปี 2026 มันก็ย่อมเป็นการดีกว่า
โดยล่าสุดตามรายงานของ Forbes ระบุว่า ตั๋วเข้าชมการแข่งขันที่คาดว่าน่าจะเป็นนัดประเดิมสนามของ “เมสซี” บนแผ่นดินอเมริกาในวันที่ 21 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ถูกปั่นราคาจาก 29 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นราคาที่ถูกที่สุด ไปเป็น 459 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วก็ตาม รวมถึงมีกระแสข่าวว่า บรรดาทีมในลีก MLS เตรียมย้ายสนามเหย้าไปยังสนามที่ใหญ่กว่าเวลาลงฟาดแข้งกับ “อินเตอร์ ไมอามี” เพื่อรองรับจำนวนแฟนบอลที่คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้น หลังการปรากฏตัวของ “เมสซี” เอาไว้แล้ว
เพียงแต่...คำถามที่ท้าทายกว่านั้น คือ “เมสซี” จะยังมี Passion มากพอในการวาดศิลปะบนผืนหญ้า เพื่อเรียกกระแสฟีเวอร์ในดินแดนที่เรียกฟุตบอลว่า “ซ็อกเกอร์” ได้เหมือนกับที่สามารถ “สร้างปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์” บนผืนแผ่นดินยุโรปอยู่หรือไม่? ในเมื่อ...ชายผู้นี้ประสบความสำเร็จทุกอย่างในวงการฟุตบอลมาเสียจนหมดแล้ว
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง