มูลค่าการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตในประเทศเกาหลีใต้ปี 2021 อยู่ที่ประมาณ 886 ล้านล้านวอน จากจำนวนบัตรเครดิต 117.69 ล้านใบ หรือ ค่าเฉลี่ยที่ชาวเกาหลีใต้จะถือบัตรเครดิต 6.3 ใบต่อคน! จนกระทั่งส่งให้ประเทศเกาหลีใต้ กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้บัตรเครดิตสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก

โดยปัจจัยสำคัญที่ชาวเกาหลีใต้นิยมใช้วิธีการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต นั้น เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ได้พยายามผลักดันให้ประเทศกลายเป็น “สังคมไร้เงินสด” อย่างจริงจังนับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา จนนำไปสู่การลดเงื่อนไขปลีกย่อยต่างๆ สำหรับทำบัตรเครดิตออกไปจำนวนมาก โดยในบางปีนั้นธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ถึงกับออกบัตรเครดิตรวมกันเกินกว่า 100 ล้านใบ!

และนี่คือ...จำนวนผู้ถือบัตรเครดิตในประเทศเกาหลีใต้ 5 ปีหลังสุด...

ปี 2017 99.46 ล้านใบ
ปี 2018 105.06 ล้านใบ
ปี 2019 110.98 ล้านใบ
ปี 2020 113.73 ล้านใบ
ปี 2021 117.69 ล้านใบ

...

โดย GlobalData บริษัทที่ปรึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินระดับโลก ระบุว่า ในปี 2022 ที่ผ่านมา มากกว่า 80% ของการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศเกาหลีใต้ เป็นการชำระผ่านบัตรเครดิต อีกทั้งชาวเกาหลีใต้ ยังมีความถี่ในการใช้บัตรเครดิตที่ครอบคลุมการชำระเงินสูงกว่า ชาวฝรั่งเศส แคนาดา สหรัฐอเมริกา และ สหราชอาณาจักรอีกด้วย และหากการจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรเครดิตยังพุ่งแรงอยู่เช่นนี้ต่อไป GlobalData คาดการณ์ว่าในปี 2026 ยอดการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตในประเทศเกาหลีใต้จะพุ่งทะลุเกิน 1,060 ล้านล้านวอน!

โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 21 เป็นต้นมารัฐบาลเกาหลีใต้ ได้เดินหน้าแผนกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยการส่งเสริมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ อย่างหนักหน่วง เช่น จะได้รับเงินคืน 10% หากมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตรายเดือนสูงกว่าการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือน 3% หรือ จะได้รับสิทธิในการขอลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุด 1 ล้านวอน หากมีการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนหน้าเป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้...จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ “ตลาดบัตรเครดิตในประเทศเกาหลีใต้” จึงยิ่งโตวันโตคืน

ปัจจุบันใครคือผู้ครอง Market Share ตลาดบัตรเครดิตในประเทศเกาหลีใต้ :

อันดับที่ 1 : Shinhan Card ครองส่วนแบ่งการตลาด 21.45% อันดับที่ 2 : Samsung Card : ครองส่วนแบ่งการตลาด 18.96% อันดับที่ 3 : KB Kookmin Card ครองส่วนแบ่งการตลาด 17.59% อันดับที่ 4 : Hyundai Card ครองส่วนแบ่งการตลาด 16.51% อันดับที่ 5 : Lotte Card ครองส่วนแบ่งการตลาด 9.34% อันดับที่ 6 : Woori Card ครองส่วนแบ่งการตลาด 8.89% อันดับที่ 7 : Hana Card : ครองส่วนแบ่งการตลาด 7.26%

ทั้งหมดนั้นคือ “ข้อมูลเบื้องต้น” สำหรับตลาดบัตรเครดิตในประเทศผู้ส่งออกวัฒนธรรม POP อันทรงอิทธิพลและร้อนแรงที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน แต่ใดๆ ในโลกเมื่อมี “ระดับปกติ” ย่อมต้องมี “เหนือระดับ” และนี่ความเหนือระดับของบัตรเครดิต สำหรับ VVIP ในประเทศเกาหลีใต้

...

บัตรเครดิตสำหรับ VVIP เกาหลีใต้ :

ตลาดบัตรเครดิตของเกาหลีใต้ มีบัตรสำหรับ VVIP ที่มีค่าธรรมเนียมรายปีสูงถึง 2-2.5 ล้านวอนต่อปี ประกอบด้วย 1.บัตร The Black ของ Hyundai Card 2.บัตร Raume O ของ Samsung 3.บัตร Club 1 ของ Hana Card และ 4.บัตร TanTum ของ KB Kookmin Card

โดยบัตรเหล่านี้ จะกำหนดคุณสมบัติเบื้องต้นสำหรับลูกค้าผู้ทรงอิทธิพล เอาไว้ดังต่อไปนี้ 1.มีการใช้จ่ายขั้นต่ำ 10 ล้านวอนต่อเดือน 2.มีสินทรัพย์ขั้นต่ำ 10,000 ล้านวอน และ 3.มีรายได้อย่างน้อย 200 ล้านวอนต่อปี สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาสำหรับ VVIP ที่จะได้ถือบัตรเหล่านี้นั้น คือ ต้องผ่านการประเมินเรื่องความสามารถในการบริหารจัดการเงินและแน่นอนเป็นผู้มีอิทธิพลทางสังคม (ในระดับสูง)

อย่างไรก็ดีในกรณีบัตร The Black ของ Hyundai Card นั้น มีเงื่อนไขสำหรับการเฟ้นหา VVIP ที่เข้มงวดและพิถีพิถันมากกว่าของบริษัทอื่นๆ มาก เนื่องจากเมื่อผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว VVIP เหล่านั้น จะต้องถูกนำชื่อเข้าสู่การพิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายจากคณะกรรมการของบริษัท 8 คน และต้องผ่านการพิจารณาด้วยมติที่เป็นเอกฉันท์เท่านั้นอีกด้วย!

...

และจากความเข้มงวดในการพิจารณานี้เอง เหล่า VVIP ทายาทตระกูลแชโบลที่อายุยังน้อยในวัย 20 ต้นๆ หลายต่อหลายคนจึงไม่ผ่านการพิจารณาให้ถือบัตร The Black ตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนในเกาหลีใต้ เป็นผลให้นับตั้งแต่ Hyundai Card เปิดให้บริการบัตร The Black ในปี 2005 เป็นต้นมา จำนวนผู้ที่มีสิทธิถือบัตรใบนี้ได้ จะมีจำนวนไม่เกิน 1,000 คน หรือ คิดเป็นเพียง 0.1% เท่านั้นในแต่ละปี หากอ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ ของ “ชอง แท ยอง” (Chung Tae Young) รองประธาน Hyundai Card ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Hyundai Motor Group ผู้นำธุรกิจยานยนต์อันดับหนึ่งของเกาหลีใต้

...

สิทธิประโยชน์ที่ VVIP จะได้รับจากการถือบัตรเหนือระดับ :

ในเมื่อต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่สุดแสนแพงและมีข้อกำหนดอะไรต่อมิอะไรมากมาย “สิทธิพิเศษ” ที่จะได้รับเมื่อได้ถือบัตรเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมต้อง “เหนือระดับ” ตามไปด้วย เช่น สิทธิประโยชน์ยอดนิยม เช่น การอัปเกรดตั๋วเครื่องบินเป็นชั้นเฟิร์สคลาสฟรี หากใช้บัตรซื้อตั๋วเครื่องบินตามจำนวนครั้งที่กำหนด หรือ บัตรกำนัลที่พักโรงแรมหรือสปาระดับไฮเอนด์, บัตรกำนัลหรือบัตรส่วนลดสำหรับช็อปปิ้งแบรนด์หรูต่างๆ หรือ บริการนำรถไปจอด ในที่จอดรถพิเศษตามร้านค้าชั้นนำ หรือ ห้างสรรพสินค้าชื่อดังทั้งหลายทั่วประเทศเกาหลีใต้

ทั้งหมดนั้น หากอ่านคร่าวๆ “คุณ” อาจจะรู้สึกว่า “ก็ไม่เห็นจะเหนือระดับอะไรมากใช่ไหม?” แต่เดี๋ยวก่อน ความเหนือระดับยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะที่ “สุดพิเศษจริงๆ” สำหรับการถือบัตรเหล่านี้ก็คือ การบริการที่เรียกว่า “Concierge Service” หรือ การดูแลและอำนวยความสะดวกในการให้บริการส่วนบุคคลเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง! หรือ หากจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ มีผู้ช่วยที่คอยทำธุระส่วนตัวให้กับผู้ถือบัตรเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นทั้ง การจองตั๋วเครื่องบิน จองร้านอาหาร วางแผนการเดินทาง หรือ แม้กระทั่ง การเดินทางไปรับผลิตภัณฑ์แบรนด์หรูหรารุ่นลิมิเต็ดต่างๆ ที่กำลังเดินทางมาจากต่างประเทศให้ ก็ยังสามารถเรียกใช้บริการนี้ได้ด้วย!

ธุรกิจทำกำไรน้อย กับ VVIP ที่ไม่ใส่ใจเรื่องความคุ้มค่า :

ธุรกิจบัตรเครดิต VVIP นี้ ได้ชื่อว่า “เป็นธุรกิจที่สามารถทำกำไรได้เพียงเล็กน้อย” หากมองในแง่ของการลงทุนเนื่องจากจะมีผู้ใช้บริการเพียงไม่ถึง 1% เท่านั้น แต่หัวใจสำคัญที่ทำแบรนด์ต่างๆ ต้องกระโดดเข้ามาแก่งแย่งลูกค้าเพียงไม่ถึง 1% นี้ เป็นเพราะ “พลังที่จะได้รับ” นั้น “มีคุณค่าในการสร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์อย่างชนิดประเมินค่าไม่ได้”

ขณะเดียวกัน สิ่งที่บรรดาลูกค้า VVIP เหล่านี้ “ปรารถนา” นั้น ก็ไม่ใช่ “ความคุ้มค่าหรือผลตอบแทนจากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่บัตรเครดิตเหล่านี้มอบให้" เพราะสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งในระดับนี้ “ย่อมไม่ใส่ใจราคาที่ต้องจ่ายอยู่แล้วไม่ว่าสินค้าหรือบริการเหล่านั้นจะมีมูลค่าแพงแสนแพงมากแค่ไหนก็ตาม” เพราะสิ่งที่ VVIP เหล่านี้ “ปรารถนามากที่สุด” ก็คือ “การให้บริการสุดพิเศษเฉพาะบุคคล” ที่แม้แต่คนในระนาบเดียวกันก็ยังไม่สามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านั้นได้นั่นคือ “การให้บริการเหนือระดับที่แม้แต่เงินก็ซื้อไม่ได้” เพื่อแสดงความเหนือชั้นกว่าบุคคลทั่วไป

และด้วยเหตุนี้เอง...ในปัจจุบันจึงทำให้จำนวนบัตรสำหรับ VVIP จากทั้ง 4 บริษัทที่กล่าวไป มีจำนวนรวมกันเพียงไม่เกิน 2,000 ใบเท่านั้น สำหรับผู้ที่มีโอกาสจะได้ครอบครอง จากการรายงานของสื่อในประเทศเกาหลีใต้!

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรับออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Theerapong C.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง