หลังบรรดาบริษัทยาส่วนหนึ่งสามารถทำเงินได้อย่างมหาศาลจากการขายวัคซีนโควิด-19 ในช่วงการแพร่ระบาดทั่วโลก 2 ปีกว่าที่ผ่านมา แต่ในเมื่อมีการกระจายฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วโลกจำนวนมาก จนกระทั่งเริ่มสามารถบรรเทาปัญหาผู้ป่วยหนักจากโควิด-19 และนำไปสู่การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศแล้ว “ความจำเป็นเรื่องการจัดหาวัคซีนแบบเร่งด่วนในปริมาณมากๆ และไม่เกี่ยงงอนราคา” จึงค่อยๆ ทุเลาเบาบางลงทุกขณะ และนี่เองน่าจะเป็น “จุดเริ่มต้น” ที่ทำให้บริษัทยาต่างๆ จำเป็นต้องเริ่มปรับตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ “รายได้ที่ลดลงฮวบฮาบในแบบที่นักวิเคราะห์เรียกว่า "COVID cliff” ในปี 2023 นี้

1.บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) :

ปี 2022 ที่ผ่านมา “ไฟเซอร์” ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดบริษัทเป็นต้นมา โดยทำรายได้รวมไปถึง 100,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ! (ประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 23) โดยตัวเลข 100,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัวเลขที่สูงกว่า รายได้เมื่อ ปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ 81,288 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึง 23%! (ปี 2020 ทำรายได้ 41,651 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่กำไรต่อหุ้น อยู่ที่ 5.47 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 42% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี

...

ส่วนตัวเลขผลกำไรสุทธิของบริษัทในปี 2022 อยู่ที่ 31,372 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.05 ล้านล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 23) ซึ่งสูงกว่ากำไรสุทธิเมื่อปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ 21,979 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.3 แสนล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 23) ถึง 43%!

อย่างไรก็ดี สำหรับปี 2023 นี้ บริษัทไฟเซอร์ มีการปรับลดการคาดการณ์ตัวเลขรายได้ของบริษัทลง เหลือเพียงประมาณ 67,000-71,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ลดลง 33-29%

** อ้างอิงข้อมูลจาก Pfizer Reports Record Full Year 2022 **

2.บริษัทโมเดอร์นา (Moderna) :

อีกหนึ่งบริษัทที่สร้างรายได้อย่างมากมายในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 จาก วัคซีนสูตร mRNA นั้น เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา "บริษัทโมเดอร์นา" ได้มีการคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปี 2022 ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 18,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.1 แสนล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 23)

โดยหากบริษัทสามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายนั้นได้จริง จะถือเป็นตัวเลขรายได้ที่ลดลงจากปี 2021 ซึ่งทำรายได้เอาไว้ที่ 18,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 0.54%

สำหรับการคาดการณ์รายได้ในปี 2023 ของ บริษัทโมเดอร์นา นั้น บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์เอาไว้ว่า รายได้ของบริษัทน่าจะลดเหลือเพียง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (2.3 แสนล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 23) หรือ ลดลงมากถึง 61%

** หมายเหตุ บริษัทโมเดอร์นา มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 และสรุปผลการดำเนินงานปี 2022 ในวันที่ 23 ก.พ. 23 ที่จะถึงนี้ **

3.บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)

สำหรับรายได้ของ "บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" เจ้าของวัคซีนโควิด-19 สูตร 1 เข็ม ทำรายได้ตลอดทั้งปี 2022 อยู่ที่ 94,943 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 7 ก.พ. 23)

โดยตัวเลขรายได้ 94,943 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัวเลขที่สูงกว่า รายได้เมื่อปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ 93,775 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 1.3%! ขณะที่กำไรต่อหุ้น อยู่ที่ 6.73 ดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลง 13.8% เมื่อเปรียบเทียบแบบปีต่อปี

...

สำหรับการคาดการณ์รายได้ในปี 2023 ของ บริษัท Johnson & Johnson นั้น เบื้องต้นบริษัทคาดการณ์ว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์และบริการไม่รวมวัคซีนโควิด-19 จะเติบโตอย่างน้อย 4% อย่างไรก็ดี บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า ยอดขายวัคซีนของบริษัทน่าจะลดลงถึง 80%!

** อ้างอิง Johnson & Johnson Reports Q4 and Full Year 2022 Results **

เหตุใดจึงต้องปรับลดการคาดการณ์รายได้ในปี 2023 :

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ยอดขายวัคซีนโควิด-19 ในปี 2023 น่าจะลดลงเกือบถึง 2 ใน 3 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยังคงมีวัคซีนคงคลังจำนวนมาก อีกทั้ง ภูมิคุ้มกันหมู่ของประชาชนทั้งที่ได้จากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงการระดมฉีดยา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ซึ่งนั่นหมายถึง “ความต้องการวัคซีนได้เข้าสู่ขาลงแล้ว”

...

เมื่อยอดขายวัคซีนน่าจะลดลงในปีนี้อย่างชนิดฮวบฮาบ บริษัทยาที่เคยได้รายได้สูงลิบลิ่วตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา จึงมีการปรับแผนธุรกิจเพื่อรองรับ “รายได้ที่จะหายไป” ทันที ดังจะเห็นได้จากการที่บริษัทไฟเซอร์ได้ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Global Blood Therapeutics ซึ่งเป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ ที่มีชื่อเสียงเรื่องเทคโนโลยีการรักษาโรคโลหิตจางมายาวนาน ด้วยมูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ บริษัท Biohaven Pharmaceutical ที่มีชื่อเสียงเรื่องนวัตกรรมการบำบัดโรคไมเกรน ด้วยมูลค่าที่สูงถึง 11,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ด้านการคาดการณ์ของบริษัทไฟเซอร์ ที่มีการปรับลดตัวเลขรายได้ของบริษัทในปี 2023 เหลือเพียงประมาณ 67,000-71,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ลดลง 33-29% นั้น นักวิเคราะห์ก็ยังคงมองว่า เป็นการคาดการณ์ในแง่ดีมากเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสูตรแล้วในปัจจุบัน

สำหรับกรณี “บริษัทโมเดอร์นา” นั้น ในสายตาของบรรดานักวิเคราะห์นั้นถือว่าค่อนข้างน่าเป็นกังวล นั่นเป็นเพราะรายได้เกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากวัคซีนโควิด-19 แต่ในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทโมเดอร์นา กลับขยับตัวน้อยมากสำหรับเตรียมหารายได้ใหม่ๆ เพื่อรองรับรายได้จากการขายวัคซีนที่อาจจะลดลงในปี 2023 หรืออาจลากยาวไปถึงปี 2024

...

และถึงแม้ว่า บริษัทจะคาดการณ์ยอดขายวัคซีนขั้นต่ำในปี 2023 เอาไว้ที่ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้าที่ได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้ ซึ่งไม่รวมยอดขายในสหรัฐฯ หรือสัญญาซื้อใหม่จากยุโรป ญี่ปุ่น หรือ ตลาดสำคัญอื่นๆ รวมถึงเปิดเผยถึงความคืบหน้าในการทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Merck ในเรื่องการพัฒนาวัคซีนรักษาโรคมะเร็งก็ตาม แต่โดยรวมแล้ว ในสายตานักวิเคราะห์ "บริษัทโมเดอร์นา" ยังคงมุ่งเน้นรายได้ที่มาจากวัคซีนโควิด-19 เป็นหลักอยู่ต่อไปเช่นเดิม

ส่วนกรณี "บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" นั้น ในสายตานักวิเคราะห์น่าจะได้รับผลกระทบจากยอดขายวัคซีนโควิด-19 ตกต่ำในปี 2023 มากกว่าทั้ง "บริษัทไฟเซอร์" และ "บริษัทโมเดอร์นา" เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า ยอดขายวัคซีนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน น่าจะลดลงมากถึง 80% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2022 ซึ่งสอดคล้องกับการที่เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศชะลอการผลิตวัคซีนโควิด-19 ลงหลังยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 4 ไม่เป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Anon Chantanant

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง