นอกจากสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังขับเคี่ยวกันในประเด็นเรื่องเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์แล้ว ล่าสุด ความเห็นต่างระหว่างทั้งสองประเทศได้ขยายตัวแสดงให้ชาวโลกได้เห็นอย่างเด่นชัดอีกครั้งในเรื่องการแพร่ระบาดโควิด-19 หลัง “รัฐบาลจีน” ได้ประกาศผ่อนปรนมาตรการ "Zero-Covid" ซึ่งนำไปสู่การเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศจีน รวมถึงอนุญาติให้พลเมืองจีนเดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2023 เป็นต้นมา
โดยฝ่ายสหรัฐฯและชาติพันธมิตร ได้ทยอยประกาศยกระดับมาตราการตรวจสอบนักเที่ยวจากประเทศจีนเป็นพิเศษ โดยอ้างเหตุเรื่องความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เป็นผลให้ฝ่ายปักกิ่ง ประกาศว่าพร้อมที่จะใช้มาตราการในรูปแบบเดียวกันเพื่อเป็นตอบโต้การกระทำดังกล่าวของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรทันควันเช่นกัน
ข้อเท็จจริงปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯและจีน ล่าสุดเป็นอย่างไร?
WHO :
อ้างอิงจากรายงานการแพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2563 ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุว่าในห้วง 28 วันที่ผ่านมา (5ธ.ค.-1ม.ค.) มีรายงานผู้ป่วยใหม่ทั่วโลก มากกว่า 14.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 25% จาก28วันก่อน) และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 46,000 ศพ (เพิ่มขึ้น 21%จาก28วันก่อน)
...
โดยในรอบสัปดาห์ล่าสุด (26ธ.ค.-1ม.ค.) สหรัฐฯ : มีผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 393,587 คน (ลดลง 21%จากสัปดาห์ก่อน) ด้านผู้เสียชีวิตรายใหม่อยู่ที่ 2,501ศพ (ลดลง14%จากสัปดาห์ก่อน)
ส่วนจีน : มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 218,019คน (เพิ่มขึ้น45% จากสัปดาห์ก่อน) ด้านผู้เสียชีวิตรายใหม่อยู่ที่ 648 ศพ (เพิ่มขึ้น48% จากสัปดาห์ก่อน)
อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวของ WHO ยังคงเน้นย้ำว่า แนวโน้มปัจจุบันของรายงานผู้ป่วยโควิด-19 เป็นการประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่ต่ำเกินจริง เนื่องจากหลายประเทศได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธการทดสอบการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้ส่งผลให้จำนวนการทดสอบลดน้อยลง
โดยสายพันธุ์เด่นที่มีการแพร่ระบาดทั่วโลกยังคงเป็น สายพันธุ์ BA.5 โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 63.7% ของจำนวน Sequence ที่แชร์ใน GISAID ประจำสัปดาห์ที่ 50 (12-18ธ.ค.22)
ข้อมูลการแพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุดจากสหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป :
สหรัฐฯ :
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ระบุว่า สายพันธุ์เด่นที่พบการแพร่ระบาดมากที่สุดในสหรัฐฯเวลานี้ คือ "สายพันธุ์ XBB.1.5" ซึ่งเป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง โอมิครอน 2 สายพันธุ์คือ BJ.1 และ BM.1.1.1 และเป็นสายพันธุ์ที่หลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดสายพันธุ์หนึ่งในปัจจุบัน
โดยล่าสุดสายพันธุ์ XBB.1.5 ซึ่งถูกตรวจพบและได้รับการยืนยันครั้งแรกในโลกเมื่อวันที่ 17ธ.ค.22 และส่วนใหญ่พบการแพร่ระบาดในอเมริกาเหนือและยุโรป คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 44.1% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งๆที่ เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ในสหรัฐฯมีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XBB.1.5 เพียง 4% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯเท่านั้น และจากคาดคำนวณล่าสุดพบว่า จำนวนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XBB.1.5 ในสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในทุกๆ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้อัตราการแพร่ระบาดจะยิ่งเร็วขึ้นไปอีกในพื้นที่ ที่ยังคงมีอัตราการฉีดวัคซีนต่อประชากรในระดับต่ำด้วย
อย่างไรก็ดีจากรายงานล่าสุด ยังไม่พบการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันอย่างมีนัยยะสำคัญจาก สายพันธุ์ XBB.1.5 แต่อย่างใด
...
จีน :
ในการประชุม The Technical Advisory Group on Virus Evolution หรือ TAG-VE ซึ่งเป็นการประชุมเพื่อทบทวนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัส SARS-CoV-2 เมื่อวันที่ 3ม.ค.23 ที่ผ่านมา ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของจีน หรือ China CDC ได้ส่งรายงานล่าสุดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดในประเทศจีนว่า การติดเชื้อในประเทศจีน มากถึง 97.5% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นการติดเชื้อ "สายพันธุ์ BA.5.2 และ สายพันธุ์ BF.5.2" ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่ระบาดอยู่ในหลายๆประเทศในปัจจุบัน
สำหรับ สายพันธุ์ BA.5.2 ถูกตรวจพบและได้รับการยืนยันครั้งแรกในโลก เมื่อวันที่ 11ก.ค.2020 โดยส่วนใหญ่พบการแพร่ระบาดในประเทศแอฟริกาใต้ , อังกฤษ , สหรัฐอเมริกา
ส่วน สายพันธุ์ BF.7 ซึ่งเป็นลูกหลานของสายพันธุ์ BA.5.2.1 จากการคำนวณทางสถิติพบว่า มี Growth rate มากกว่า สายพันธุ์ BA.5 ประมาณ 17.95% ถูกตรวจพบและได้รับการยืนยันครั้งแรกในโลก เมื่อวันที่ 24ม.ค.2022 โดยส่วนใหญ่พบการแพร่ระบาดในประเทศเบลเยี่ยม , อังกฤษ , เดนมาร์ก
อย่างไรก็ดีจากรายงานล่าสุด ยังไม่พบการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันอย่างมีนัยยะสำคัญจากทั้ง สายพันธุ์ BA.5.2 และ สายพันธุ์ BF.7 แต่อย่างใด
...
สหภาพยุโรป :
รายงานล่าสุด ของ ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรป (European Center for Disease Control) หรือ ECDC ระบุในรายงาน ผลกระทบของการเพิ่มจำนวนผู้ป่วย Covid-19 ในประเทศจีนต่อสถานการณ์ทางระบาดวิทยาในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรป เมื่อวันที่ 3 ม.ค.23 ที่ผ่านมาว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 1-30 ธ.ค.22 ประเทศจีนมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.22 แต่ในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุดนี้มีจำนวนการแพร่ระบาดลดลง ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการตรวจที่น้อยลง จนส่งผลให้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อลดลง
โดยสายพันธุ์เด่นที่มีการแพร่ระบาดในประเทศจีน คือ สายพันธุ์ BA.5 โดยคิดเป็นสัดส่วน 35% ของจำนวน Sequence ที่แชร์ใน GISAID, ส่วนสายพันธุ์ BF.7 (24%) , สายพันธุ์ BQ.1 (18%) , BA.2.75 (5%) , XBB (4%) , BA.2 (2%)
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดของสายพันธุ์ดังกล่าวทั้งหมดในประเทศจีนมีการแพร่ระบาดอยู่แล้วในสหภาพยุโรป และยังไม่พบการกลายพันธุ์ของไวรัสแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้จึงไม่ถือเป็นความท้าทายต่อการตอบสนองทางด้านภูมิคุ้มกันของพลเมืองในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรป
...
เนื่องจากพลเมืองของสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรปมีระดับของภูมิคุ้มกันและการฉีดวัคซีนในสัดส่วนต่อจำนวนประชากรที่ค่อนข้างสูงอีกด้วย และคาดว่า จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางด้านระบาดวิทยาในสหภาพยุโรปและเขตเศรษฐกิจยุโรปแต่อย่างใด
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟฟิก Anon Chantanant
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง