สถานการณ์การแพร่ระบาด "โรคโควิด-19" ทั่วโลก ณ สิ้นปี 2022 เป็นอย่างไร? จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นแค่ไหน วันนี้ “เรา” ไปสรุปสถานการณ์ทั่วโลก เพื่อเตรียมข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้สำหรับการรับมือการแพร่ระบาดที่กำลังเหยียบย่างเข้าสู่ปีที่ 4 กันดีกว่า

สรุปสถานการณ์ COVID-19 สิ้นปี 2022 : 

จำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก 663,375,027 คน : จำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก 6,691,532 ศพ Active Cases : 21,025,785 คน : จำนวนผู้ป่วยหนัก : 40,037 คน (0.19% ของจำนวนผู้ป่วย) สัดส่วนผู้ติดเชื้อต่อประชากร 1 ล้านคน 85,105 (8.51%) : สัดส่วนผู้เสียชีวิตต่อประชากร 1 ล้านคน 858.5 (0.09%)

5 อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงสุด :

1. สหรัฐฯ ติดเชื้อรวม 102,407,740 คน หรือ 15.44% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก
เสียชีวิตรวม 1,117,194 ศพ หรือ 16.70% ของจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก

...

2. อินเดีย ติดเชื้อรวม 44,678,937 คน หรือ 6.74% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก
เสียชีวิตรวม 530,696 ศพ หรือ 7.93% ของจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก

3. ฝรั่งเศส ติดเชื้อรวม 39,245,937 คน หรือ 5.92% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก
เสียชีวิตรวม 161,715 ศพ หรือ 2.42% ของจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก

4. เยอรมนี ติดเชื้อรวม 37,313,240 คน หรือ 5.62% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก
เสียชีวิตรวม 161,133 ศพ หรือ 2.41% ของจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก

5. บราซิล ติดเชื้อรวม 36,275,146 คน หรือ 5.47% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก
เสียชีวิตรวม 693,604 ศพ หรือ 10.37% ของจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก

ส่วนประเทศจีน ซึ่งเพิ่งประกาศผ่อนปรนมาตรการ "Zero-COVID" ที่ดำเนินมาอย่างแข็งขันเกือบ 3 ปี ที่จะนำไปสู่การเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศและการเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดนของพลเมืองจีน ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 8 มกราคม 2023 นั้น มีติดเชื้อรวม 417,615 คน หรือ 0.06% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรวมทั่วโลก และมีเสียชีวิตรวม 5,102 ศพ หรือ 0.08% ของจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลก

** หมายเหตุ อ้างอิงข้อมูล worldometers สิ้นสุดวันที่ 28 ธ.ค. 22 **

รายงานการแพร่ระบาดโควิด-19 ล่าสุดจาก WHO :

ด้านรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO (สิ้นสุดวันที่ 21ธ.ค.22) ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยใหม่รายสัปดาห์ทั่วโลกระหว่างวันที่ 12-18 ธ.ค. 22 อยู่ที่ 3.7 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรายสัปดาห์ทั่วโลก อยู่ที่ 10,400 ศพ ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 6% อย่างไรก็ดีจากข้อมูลดังกล่าวหากแยกย่อยออกเป็น 5 ภูมิภาคตามแนวทางของ WHO จะพบว่า...

1. ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยรวม 15,680 คนนั้น เป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน ถึง 36% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 309 ศพนั้น เป็นการลดลงจากสัปดาห์ก่อน 20%

2. ภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยรวม 5,094 คน นั้นเป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน 29% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 5 ศพนั้น เป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน 95%

3. ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยรวม 5,690 คนนั้น เป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน 26% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพนั้น เป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน 39%

...

4. ภูมิภาคยุโรป ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยรวม 952,783 คนนั้น เป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน 16% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 2,853 ศพนั้น เป็นการ "ลดลง" จากสัปดาห์ก่อน 22%

5. ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยรวม 1,735,536 คนนั้น เป็นการ "เพิ่มขึ้น" จากสัปดาห์ก่อน 8% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 2,647 ศพนั้น เป็นการ "เพิ่มขึ้น" จากสัปดาห์ก่อน 7%

6. ภูมิภาคอเมริกา ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยรวม 1,022,218 คนนั้น เป็นการ "เพิ่มขึ้น" จากสัปดาห์ก่อน 18% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวม 4,637 ศพนั้น เป็นการ "เพิ่มขึ้น" จากสัปดาห์ก่อน 3%

ส่วนในห้วง 28 วันที่ผ่านมา มีจำนวนรวมของผู้ป่วยทั่วโลก 13.7 ล้านคน และเสียชีวิตรวมมากกว่า 40,744 ศพ โดยภูมิภาคอเมริกา เป็นภูมิภาคที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด 16,192 ศพ หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนรวมผู้เสียชีวิตทั่วโลกในห้วง 28 วัน

...

อย่างไรก็ดี ตามรายงานดังกล่าวของ WHO ได้มีการระบุไว้ในรายงานว่า “การประเมินจำนวนผู้ติดเชื้อและจำนวนผู้ติดเชื้อซ้ำทั่วโลก" นั้น มีแนวโน้มว่าน่าจะ “ต่ำเกินจริง” ดังนั้นจึงควรพิจารณาข้อมูลดังกล่าวด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีหลายประเทศได้เปลี่ยนกลยุทธ์ด้วยการ “ลดการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19” จนกระทั่งเป็นผลให้ “การพบจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงตามไปด้วย”

ขณะเดียวกันจากรายงานของ "GISAID" ระบุว่า ในห้วง 30 วันที่ผ่านมา (19 พ.ย.-19 ธ.ค. 22) สายพันธ์ุ SARS-CoV-2 ที่มีการแพร่ระบาดมากที่สุด ยังเป็น “สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron)” โดยคิดเป็น 99.7% ของการแพร่ระบาดทั่วโลก

โดยโอมิครอนสายพันธุ์ BA.5 คือสายพันธุ์เด่น คิดเป็น 68.4% ส่วน สายพันธุ์ BA.2 และสายพันธุ์ BA.2.75 คิดเป็น 12.6% ส่วน สายพันธุ์ BA.4 คิดเป็น 1.2% ส่วนสายพันธุ์อื่นๆ อยู่ที่ 5.9%

...

จำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 100 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา :

"สหรัฐอเมริกา" กลายเป็นชาติแรกในโลกที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเป็นทางการเกิน 100 ล้านคน นอกจากนี้ จากรายงานของ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ยังระบุด้วยว่าในปัจจุบัน ตัวเลขผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลรวมถึงจำนวนผู้เสียชีวิตต่อวันยังคงอยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าเฉลี่ยผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 400 คนต่อวัน และอีกประมาณ 5,000 คนต่อวัน ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล

โดย ดร.ทอม ฟรีดเดน (Tom Frieden) อดีตผู้อำนวยการ CDC ในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ประเมินว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เกิน 100 ล้านคนที่ว่านี้ “น่าจะเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมากกว่าครึ่ง”

นั่นเป็นเพราะ...ยังไม่ได้มีการตรวจกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ รวมถึงยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจการติดเชื้อแม้แต่ครั้งเดียว ขณะเดียวกันจากการประเมินข้อมูลในห้องปฏิบัติการยังพบว่า มากกว่า 58% ของชาวอเมริกันที่มีภูมิคุ้มกันนั้น เป็นผลมาจากการติดเชื้อโควิด-19 ด้วย

รายงานจำนวนการติดเชื้อและเสียชีวิตล่าสุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 23-28 ธ.ค. 22

23 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 44,544 คน เสียชีวิต 275 ศพ
24 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 35,885 คน เสียชีวิต 125 ศพ
25 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 27,032 คน เสียชีวิต 93 ศพ
26 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 24,703 คน เสียชีวิต 107 ศพ
27 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 26,798 คน เสียชีวิต 121 ศพ
28 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 36,881 คน เสียชีวิต 296 ศพ

** หมายเหตุ อ้างอิงข้อมูล worldometers สิ้นสุดวันที่ 28 ธ.ค. 22 **

การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศจีน :

สำนักข่าวไชนา เดลี (Chinadaily) ของประเทศจีน รายงานโดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของ นายแพทย์กัว ซูปิง (Guo Shubin) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลปักกิ่งเชาหยาง (Beijing Chao-Yang Hospital) ซึ่งระบุว่า ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ ที่มีอาการวิกฤติเดินทางมาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก โดยผู้ป่วยมากกว่า 1,763 คน ต้องเข้ารับการรักษาที่แผนกฉุกเฉิน โดยตัวเลขผู้ป่วยนี้สูงกว่าช่วงเวลาปกติหลายเท่าตัว

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวของไชนา เดลี ยังระบุเพิ่มเติมอีกด้วยว่า คณะกรรมาธิการสาธารณสุขปักกิ่ง ได้สั่งการให้โรงพยาบาลต่างๆเตรียมความพร้อมเรื่องการเพิ่มกำลังคน ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเร็ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือผู้ป่วยหนัก หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในกรุงปักกิ่ง พร้อมกันนี้ คณะกรรมาธิการสาธารณสุขปักกิ่ง ยังได้มีคำสั่งให้มีการออกสำรวจสุขภาพของกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางเพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีที่ต้องถูกส่งเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกด้วย

แนวโน้มการออกไปท่องเที่ยวของชาวจีน :

Oliver Wyman บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนระดับโลก ได้เปิดเผยผลสำรวจที่จัดทำขึ้นจากกลุ่มตัวอย่าง 4,500 คนทั่วประเทศจีนที่มีอายุมากกว่า 16 ปีขึ้นไป พบว่า มากกว่า 90% ของกลุ่มตัวอย่างให้คำตอบว่า “พยายามหลีกเลี่ยง” การออกจากที่พักอาศัย ในขณะที่เกือบ 60% ระบุว่า รู้สึกไม่สบายใจที่จะออกไปยังสถานที่สาธารณะต่างๆ เป็นเวลาอย่างน้อยอีก 2-3 เดือนข้างหน้า หลังมีรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในเขตเมืองหลวง และเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยมีเพียง 8% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่ระบุว่า “รู้สึกสบายใจ” ที่จะออกจากบ้านพักของตัวเอง

*** หมายเหตุ ผลสำรวจดังกล่าวถูกจัดทำขึ้น ก่อนหน้าที่ทางการจีนจะมีการประกาศลดระดับมาตรการ Zero-COVID ที่นำไปสู่การเปิดรับนักท่องเที่ยวรวมถึงอนุญาตให้พลเมืองจีนเดินทางไปท่องเที่ยวในต่างแดนได้ตั้งแต่วันที่ 8ม.ค. 66 เป็นต้นไป ***

รายงานจำนวนการติดเชื้อและเสียชีวิตล่าสุดในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 24-29 ธ.ค. 22

24 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 4,128 คน
25 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 2,983 คน
26 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 2,668 คน
27 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 4,436 คน เสียชีวิต 1 ศพ
28 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 5,231 คน เสียชีวิต 3 ศพ
29 ธ.ค. 22 มีผู้ติดเชื้อ 5,102 คน เสียชีวิต 1 ศพ

** หมายเหตุ อ้างอิงข้อมูล worldometers สิ้นสุดวันที่ 29 ธ.ค. 22 **

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก Theerapong C.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง