ความมั่งคั่งสุทธิของ “คานเย เวสต์” (Kanye West) หรือ “Ye” ผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการดนตรีและแฟชั่นโลก ถูกปรับลดลงจาก 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สู่ตัวเลข 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการประเมินของ "ฟอร์บส์ (Forbes)" ทันที หลัง Adidas แบรนด์สปอร์ตแวร์ชื่อดังสัญชาติเยอรมัน ประกาศตัดความสัมพันธ์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2013 กับ “แฟชั่นไอคอนแห่งยุคผู้นี้” หลังการแสดงพฤติกรรมขบถต่อแคมเปญ “BLACK LIVES MATTER” และการพูดจาที่เป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านชาวยิวหลายต่อหลายครั้ง ได้สร้างผลลัพธ์ในทาง “เลวร้าย” และเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

“Adidas ไม่ขออดทนต่อการต่อต้านชาวยิว รวมถึงคำพูดที่แสดงออกถึงความเกลียดชังอื่นๆ โดยทั้งการออกมาแสดงทัศนะและพฤติกรรมของ Ye (คานเย เวสต์) เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ เพราะมันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและอันตราย รวมถึงยังเป็นการละเมิดต่อค่านิยมของบริษัท ในด้านความหลากหลาย ยุติธรรม ไม่แบ่งแยก และให้เกียรติซึ่งกันและกัน” แถลงการณ์อย่างเป็นทางการของแบรนด์กีฬาชื่อดังระดับโลกต่อการตัดสินใจครั้งสำคัญ พร้อมๆ กับการยุติการผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ Yeezy รวมถึงหยุดจ่ายเงินส่วนแบ่งให้กับ คานเย เวสต์ ที่มีผลทันที! (สัญญากับ Adidas จะหมดลงในปี 2026) ขณะเดียวกันยังมีการนำชื่อ “คานเย เวสต์” และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Yeezy ออกจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการด้วย ถึงแม้ว่า...จะเพิ่งมีการเปิดตัวสนีกเกอร์ยอดขายถล่มทลาย Yeezy Boost 350 v2 คอลเลคชั่นใหม่ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ตาม

...

พฤติกรรมที่นำไปสู่การถูกตัดสัมพันธ์ :

WHITE LIVES MATTER :

ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อ “คานเย เวสต์” สวมเสื้อที่มีข้อความว่า “WHITE LIVES MATTER” ไปปรากฏตัวในงาน “ปารีส แฟชั่นวีก” เป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นทันที โดยมีเซเลปส่วนหนึ่งถึงกับเดินออกจากงานเพื่อเป็นการแสดงการคว่ำบาตรต่อ "Ye" อีกด้วย โดย "Gabriella Karefa-Johnson" บก.ผู้มากอิทธิพลในวงการแฟชั่นของ Vogue ที่เข้าร่วมงานดังกล่าวด้วย ถึงกับอดรนทนไม่ได้ วิพากษ์วิจารณ์การกระทำในครั้งนี้ลงบนอินสตาแกรม โดยเรียกมันว่า “เป็นพฤติกรรมส่วนบุคคลที่เลวร้ายเกินกว่าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ใดๆได้”

Bully :

หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงจากการกระทำดังกล่าว “คานเย เวสต์” กลับเลือกที่จะตอบโต้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์เขากลับไปอย่างดุเดือดเช่นกัน มิหนำซ้ำยังเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการ Bully เพื่อเปิดทางให้บรรดาผู้ให้การสนับสนุนโจมตีบุคคลนั้นๆด้วย โดย Gabriella Karefa-Johnson ถูก "Ye" นำรูปมาโพสต์บน IG พร้อมแคปชั่นที่ว่า “นี่ไม่ใช่คนในวงการแฟชั่น” พร้อมกับล้อเลียนเรื่องแฟชั่นรองเท้าที่เธอสวมใส่ เป็นเหตุ Vogue อดรนทนไม่ได้ ต้องออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่าพร้อมยืนหยัดอยู่เคียงข้างและให้การสนับสนุน Gabriella Karefa-Johnson อย่างเต็มที่ทันที ท่ามกลางการสนับสนุนของคนส่วนใหญ่ในฮอลลีวูด และนี่เองคือการประกาศตัดสัมพันธ์ระหว่าง Vogue และ คานเย เวสต์!

และแม้ต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบในเวลานั้น “Ye” กลับทำให้สถานการณ์ทุกอย่างเลวร้ายลงมากกว่าเก่า เมื่อเขาโพสต์ IG กล่าวหาอดีตภรรยา “คิม คาร์เดเชียน” และครอบครัว ว่า “ลักพาตัวลูกของเขาไป” และปฏิเสธที่จะให้มีโอกาสได้พบหน้าลูกในงานเลี้ยงวันเกิดด้วย ทั้งๆ ที่ “คิม คาร์เดเชียน” เคยออกมาปฏิเสธข้อหานี้มาแล้ว พร้อมๆ กับกล่าวถึงผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์กรณีเสื้อ “WHITE LIVES MATTER” ว่า “เหตุใดทุกคนจึงมีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์เขาในประเด็นนี้ แล้วคนพวกนี้ไปอยู่ที่ไหนในตอนที่เขาไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูก?” (เกี่ยวกันได้ยังไง?)

...

ต่อต้านชาวยิว :

ท่ามกลางกระแสดราม่าที่กำลังเกิดขึ้นจาก “WHITE LIVES MATTER” สถานการณ์ของ "Ye" ได้ยกระดับความเลวร้ายลงขึ้นไปอีกขั้น เมื่อมีการโพสต์โซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น ทวิตเตอร์ หรือ IG ที่มีการแสดงออกถึงการต่อต้านชาวยิวหลายต่อหลายครั้งอย่างเปิดเผย จนกระทั่งทำให้บัญชีของเขาถูกระงับการใช้ชั่วคราวในข้อหาละเมิดกฎเกณฑ์การเหยียดเชื้อชาติ หากแต่ “คานเย เวสต์” กลับไม่ยอมหยุดการกระทำในลักษณะดังกล่าว เพราะเมื่อใดก็ตามที่ออกไปให้สัมภาษณ์กับรายการโทรทัศน์ หรือ รายการพอดแคสต์ คำพูดในลักษณะแสดงความเกลียดชังชาวยิวก็มักจะปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง ซ้ำร้ายไปกว่านั้น "Ye" ยังได้ประกาศเข้าซื้อกิจการ Parler แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมจากปีกอนุรักษ์ในสหรัฐฯ เพื่อแสดงการต่อต้านกรณีที่ถูก ทวิตเตอร์ และ อินสตาแกรม “แบน” อีกด้วย

คานเย เวสต์ กับการถูกทอดทิ้ง :

...

สถานการณ์ที่เลวร้ายลงไปเรื่อยๆ เป็นเหตุให้แบรนด์ต่างๆ เริ่มแสดงอาการ “หมางเมิน” กับผู้ที่เรียกตัวเองว่า “King of Culture” มากขึ้นทุกทีๆ โดยนอกจาก Vogue, IG, Twitter แล้ว แบรนด์ชื่อดังอื่นๆ ก็ได้ทยอยประกาศ “ตัดความสัมพันธ์” ตามมาอีกเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น...

1. JPMorgan Chase & Co. สถาบันการเงินชื่อดังระดับโลกได้ประกาศยกเลิกบัญชีธนาคารของบริษัท Yeezy LLC โดยจะคงบัญชีเอาไว้จนถึงวันที่ 21 พ.ย. 2022 เพื่อให้มีเวลาเพียงพอสำหรับการโอนเงินไปยังบัญชีอื่น (โดยก่อนหน้านี้ Ye เคยวิพากษ์วิจารณ์ผู้บริหารของ JPMorgan Chase & Co. ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างรุนแรงมาแล้ว)

2. Gap แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าประกาศยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ "Yeezy Gap"

3. BALENCIAGA แบรนด์หรูไฮเอนด์ ประกาศยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจ ภายใต้แบรนด์ "Yeezy Gap Engineered By Balenciaga"

4. Creative Artists Agency หรือ CAA บริษัทซุปเปอร์เอเจนต์อันทรงอิทธิพลของฮอลลีวูด ประกาศตัดสัมพันธ์เรื่องการดูแลภาพลักษณ์และผลประโยชน์ต่างๆ ให้กับ “คานเย เวสต์”

5. MRC Entertainment สตูดิโอผู้ผลิตรายการชื่อดัง ประกาศยุติการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการจัดทำสารคดีให้กับ “Ye”

และ...แบรนด์ล่าสุดที่ประกาศตัดความสัมพันธ์ ก็คือ “Adidas” พันธมิตรผู้แนบแน่นทางธุรกิจที่ส่งให้ “คานเย เวสต์” กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้พยายามอย่างยิ่งยวดในการประวิงเวลาเพื่อหาทางออกให้กับเรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ทานกระแสสังคมและกลุ่มเพื่อสิทธิมนุษยชนต่างๆ ที่ดาหน้าออกมากดดันให้ยุติสัญญาไม่ไหว และต้องประกาศแยกทางกันในที่สุด

...

อนาคต Kanye West และ Yeezy ภายใต้เครื่องหมายคำถาม

อะไรคือเหตุผลของ Adidas :

การประสบปัญหายอดขายตกต่ำจากปัจจัยโควิด-19 ที่ฉุดให้รายได้ส่วนใหญ่ที่เคยได้จากยอดขายในประเทศจีนลดฮวบฮาบลง ถูก “ซ้ำเติม” ให้เลวร้ายลงเข้าไปอีกจากการกระทำของ “คานเย เวสต์” โดยหุ้นของบริษัทลดลงมากกว่า 23% ในช่วงเดือนแห่งความดราม่า โดยความเสียหายระยะสั้นจนถึงสิ้นปีนี้ จากการประเมินเอาไว้เบื้องต้นหลังจากยุติความสัมพันธ์ อยู่ที่ประมาณ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี "Adidas" ยืนยันว่าจะยังคงเป็น “เจ้าของสิทธิในผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาแล้วก่อนหน้านี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ถูกออกแบบก่อนสัญญาจะสิ้นสุดลงทั้งหมด”

ส่วนเหตุผลที่ Adidas (จำใจ) ต้องประกาศตัดสัมพันธ์กับพันธมิตรคนสำคัญในครั้งนี้ นักวิเคราะห์ทางการตลาดส่วนใหญ่มองตรงกันว่าเกิดจาก...ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า Adidas คือ แบรนด์สัญชาติเยอรมัน ที่มีผู้ก่อตั้งเป็นอดีตสมาชิกพรรคนาซีในอดีต (นานมาแล้ว) ด้วยเหตุนี้หากยังคง “โอบกอด” กับผู้ที่มีพฤติกรรมแสดงออกอย่างชัดเจนต่อสาธารณชนว่า “ต่อต้านชาวยิว” ขึ้นมาอีก บริษัทอาจประสบปัญหากับการถูกขุดคุ้ยเรื่องราวในอดีตขึ้นมาโจมตีจนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในอนาคตได้ ขณะเดียวกันกฎหมายในยุโรปและเยอรมนียังมีบทลงโทษที่รุนแรงต่อผู้ที่แสดงการต่อต้านชาวยิวในโลกออนไลน์อีกด้วย

อนาคตใหม่ของ Adidas :

นักวิเคราะห์มองตรงกันว่ามีแนวโน้มสูงที่ "Adidas" จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "Yeezy" อีกครั้ง เพียงแต่มันจะอยู่ภายใต้แบรนด์อื่น เพียงแต่คำถามใหญ่ๆ สำหรับประเด็นนี้คือ “มันจะขายดีได้เท่ากับยอดขายต่อปีมากกว่า 1,000-1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมากกว่า 4-8% ของรายรับต่อปีที่ Yeezy เคยเนรมิตให้กับ Adidas หรือไม่?” อย่างไรก็ดีมีรายงานว่าในช่วงที่กำลัง “เจียนอยู่เจียนไป” Adidas ได้พยายามค้นหาความร่วมมือใหม่ๆ กับ แบรนด์หรูไฮเอนด์ เช่น Prada และ Gucci ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทแม่อย่าง Kering ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำคัญแล้ว

อนาคตของ คานเย เวสต์ :

นักวิเคราะห์มองว่าอนาคตของ “Ye” กำลังตกอยู่ภายใต้ความสุ่มเสี่ยง เพราะปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอาจยิ่งดึงให้ “แร็ปเปอร์ชื่อดัง” ถลำลึกเข้าสู่กลุ่มปีกอนุรักษนิยมที่มีแนวคิดขวาจัดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนไม่อาจถอนตัวขึ้น ซึ่งหากถึงจุดนั้น อาจไม่มีแบรนด์ใดให้ความสนใจที่จะทำงานร่วมกับเขาอีกต่อไป เพราะจะนำไปซึ่งความสุ่มเสี่ยงต่อชื่อเสียงแบรนด์

นอกจากนี้ หาก “คานเย เวสต์” ยังดื้อดึงและไม่คิดที่จะลดระดับการแสดงพฤติกรรมที่คาดเดาได้ยากเช่นนี้ต่อไป เสียงเรียกร้องการคว่ำบาตรอาจยกระดับไปจนถึงการ “แบน” ผลงานเพลงจากแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ เพราะถึงแม้ในเวลานี้ทั้ง Spotify และ Apple Music จะยังคงพยายามอ้างว่า Hate Speech ที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะไม่เกี่ยวข้องกับผลงานเพลงของ “Ye” หากแต่เกิดเจ้าตัวยังคงแข็งขืนเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมต่อไป “บางที” คานเย เวสต์ อาจไม่เหลือที่เดินในวงการบันเทิงอีกต่อไป.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

กราฟิก : sathit chuephanngam

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง