"คานเย เวสต์" (Kanye West) หรือ เย (Ye) แร็ปเปอร์และหนึ่งในแฟชั่นไอคอนแห่งยุค กำลังเผชิญความเสี่ยงที่อาจจะสูญเสีย “ความมั่งคั่ง” ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลัง “ความชุลมุนฝุ่นตลบ” อันเกิดจากการสร้างดราม่าไม่หยุดหย่อน กำลังทำให้เขาสูญเสียพันธมิตรทางธุรกิจ และมูลค่าทางการตลาดที่เคยเฟื่องฟูลงไปเรื่อยๆ อะไรคือต้นเหตุที่นำไปสู่ “ความเสี่ยง” ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่งคั่งที่ว่านั้น วันนี้ “เรา” ไปวิเคราะห์กันทีละประเด็น

คานเย เวสต์ (Kanye West) หรือ เย (Ye) แฟชั่นไอคอนแห่งยุค
คานเย เวสต์ (Kanye West) หรือ เย (Ye) แฟชั่นไอคอนแห่งยุค

ความมั่งคั่งของ คานเย เวสต์ :

จากการประเมินล่าสุดของ ฟอร์บส์ (Forbes) ความมั่งคั่งสุทธิของ คานเย เวสต์ อยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ฝ่าย “เย” จะตอบโต้ฟอร์บส์ โดยอ้างว่า จากการประเมินของตัวเองจะมีความมั่งคั่งถึง 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็ตาม

...

โดยแหล่งรายได้หลักนอกจากผลงานเพลงต่างๆ แล้ว ยังมาจากการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับ Adidas เพื่อออกแบบสนิกเกอร์และเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ Yeezy ซึ่ง ฟอร์บส์ ประเมินว่า น่าจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ คานเย เวสต์ ยังเคยทำเงินก้อนโตจากการเป็นพันธมิตรกับแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าชั้นนำอย่าง Gap ในการออกแบบเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ Yeezy Gap ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2020 ซึ่งมีการประเมินเบื้องต้นว่าน่าจะสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี อย่างไรก็ดีทั้งสองฝ่ายได้ประกาศแยกทางกันไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาแล้ว นอกจากนี้ Ye ยังมีหุ้นในแบรนด์แฟชั่นชุดชั้นใน Skims ของอดีตภรรยา "คิม คาร์เดเชียน" ซึ่งเคยถูกประเมินว่ามีมูลค่าสูงถึง 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วย

หมายเหตุ จากการประเมินของ บลูมเบิร์ก (Bloomberg) มูลค่ากับการทำธุรกิจระหว่าง "คานเย เวสต์" Adidas และ Gap อยู่ที่ประมาณ 3,200-4,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัญหา ปัญหา และปัญหา :

Gap :

"คานเย เวสต์" และ Gap ประกาศยุติสัญญาที่คาดว่าน่าจะกินระยะเวลายาวนานถึง 10 ปี (ปี 2030) หลังแร็ปเปอร์ชื่อดังอ้างว่า Gap “ละเมิดสัญญา” ในการกระจายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Yeezy Gap ไปขายตามสโตร์ต่างๆ และการเปิดสโตร์เฉพาะสำหรับ แบรนด์ Yeezy Gap ไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันเอาไว้ รวมถึงยังไม่สามารถกำหนดราคาขาย หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ตามที่ต้องการด้วย นอกจากนี้ คานเย เวสต์ ยังเคยกล่าวหาด้วยว่า Gap ก๊อบปี้แบบร่าง ที่ได้ออกแบบไว้ให้กับแบรนด์ Yeezy Gap Engineered By Balenciaga ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างตัวเขา Gap และแบรนด์หรูไฮเอนด์อย่าง Balenciaga ด้วย

ขณะที่ฝ่าย Gap ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้เพียงว่า “ทั้งสองฝ่ายมีวิสัยทัศน์ในการทำงานที่ไม่สอดคล้องกัน” อย่างไรก็ดี ตามรายงานของสื่อมวลชนในสหรัฐฯ ระบุว่า หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ “Ye” รู้สึกไม่พอใจ Gap และเริ่มออกมาให้ข่าวถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นนั้น เป็นเพราะ Gap ได้พยายามเร่งเร้าเรื่องการเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ หลังคอลเลกชันแรกที่ออกมาเมื่อปี 2021 ขายหมดอย่างรวดเร็วและทำสถิติยอดขายสูงสุดในหนึ่งวันของ Gap จนเป็นเหตุให้สร้างความขุ่นเคืองใจกับ “คานเย เวสต์” เป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ คือ การที่ Gap ประสบปัญหารุมเร้าภายในมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการหา CEO คนใหม่แทน Sonia Syngal ผู้ดูแลข้อตกลง Yeezy Gap ที่ลาออกไปเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม หลังเผชิญภาวะยอดขายตกต่ำจากวิกฤติ Supply Chain จนทำให้องค์กรต้องมีการประกาศรัดเข็มขัดครั้งใหญ่ด้วย

...

Adidas :

ไม่เพียงแต่ Gap แม้พันธมิตรทางธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์อันดีมายาวนานตั้งแต่ปี 2013 อย่าง Adidas ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในการจับมือทำธุรกิจที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมแฟชั่น จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Kanye Effect โดยเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา มีรายงานว่า สามารถสร้างรายได้ก้อนโตถึง 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็ส่อแววว่า “อาจจะไม่ได้ไปด้วยกันต่ออีกแล้ว” ถึงแม้ว่าสัญญาฉบับปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในปี 2026 ก็ตาม

ที่ผ่านมา Ye เคยออกมาโจมตีแบรนด์สปอร์ตแวร์สัญชาติเยอรมนีต่อสาธารณะผ่านโซเชียลมีเดียบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาที่ว่า ไม่ให้เขามีบทบาทมากพอในการควบคุมสายงานการออกแบบผลิตภัณฑ์เรื่อยไปจนกระทั่งถึงการกล่าวหาเรื่องการก๊อบปี้ไอเดียการออกแบบ (เช่นเดียวกับกรณี Gap) หรือแม้กระทั่งเลยเถิดไปถึงการกล่าวโจมตีผู้บริหารระดับสูงของ Adidas

หากแต่ทุกครั้งที่ผ่านมา Adidas ยังคงสามารถประนีประนอมและประคับประคองความเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีกับ คานเย เวสต์ เอาไว้ได้เสมอมา ซึ่งปัจจัยสำคัญๆ ก็น่าจะมาจาก แบรนด์ Yeezy สามารถสร้างรายได้อย่างน้อย 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือ คิดเป็นเกือบ 10% ของรายรับประจำปีของ Adidas หากแต่กับพฤติกรรมล่าสุด...บางทีมันอาจไม่เป็นเช่นนั้น

...

WHITE LIVES MATTER :

ข้อความบนเสื้อของ คานเย เวสต์ ที่สวมใส่ไปในงาน Paris Fashion Week เมื่อเร็วๆ นี้ ได้สร้างกระแสความโกรธกริ้วให้กับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ที่เพียรพยายามเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมทางสังคมผ่าน BLACK LIVES MATTER ขึ้นมาทันที ซึ่งในกรณีนี้ไม่เว้นแม้แต่ผู้คนในฮอลลีวูดที่สนิทสนมกับเจ้าตัวเอง ก็ยังออกอาการ “รับไม่ได้” กับการกระทำในครั้งนี้เช่นกัน

มิหนำซ้ำเมื่อถูกเสียงวิพากษ์วิจารณ์เข้าถาโถม นอกจากแร็ปเปอร์เจ้าของ 24 รางวัลแกรมมี่ จะยักไหล่แสดงอาการไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว “Ye” ยังได้ไปให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Fox News ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีแนวทางสนับสนุนปีกอนุรักษนิยมในสหรัฐฯ แบบหน้าตาเฉย หากแต่ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ เจ้าตัวดันมีการพูดถึง “การแสดงออกที่สื่อถึงการต่อต้านชาวยิว” จนทำให้สถานการณ์ที่กำลังร้อนแรงอยู่แล้วพุ่งทะลุถึงจุดเดือดในที่สุด

...

นอกจากนี้ "คานเย เวสต์" ยังได้โพสต์การแสดงออกต่อต้านชาวยิวแชร์ลงไปในโลกโซเชียลมีเดีย จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง และเป็นเหตุให้ทั้ง ทวิตเตอร์ (Twitter) และ เมตา (Facebook และ IG) สั่งแบนบัญชีของ "คานเย เวสต์" ชั่วคราว ในข้อหาละเมิดมาตรฐานชุมชนเรื่องการเหยียดเชื้อชาติทันที

ซึ่งการแสดงออกที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบอย่างกว้างขวางนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อ ชื่อเสียงของแบรนด์ Adidas อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนั่นจึงนำมาสู่การออกมายอมรับต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการว่า Adidas กำลังทบทวนเรื่องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับชายผู้เรียกขานตัวเองว่า “King of Culture”

การตอบโต้ของ คานเย เวสต์ :

แม้จะถูกกระหน่ำจากสังคมอย่างหนักหน่วง แต่ดูเหมือนแร็ปเปอร์ผู้นี้จะไม่ได้มีความยี่หระใดๆ จากการถูกแบนจากโซเชียลมีเดีย เพราะสิ่งที่เขาตอบโต้กลับมา คือ การประกาศซื้อ Parler แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มปีกอนุรักษนิยมในสหรัฐฯ พร้อมกับกล่าวอ้างว่า “ทุกคนย่อมมีสิทธิในการแสดงออกอย่างอิสระ”

ส่วนการที่ส่อว่าอาจจะสูญเสียพันธมิตรทางธุรกิจสำคัญอย่าง Adidas นั้น “คานเย เวสต์” เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้วิตกอะไรมากนัก เพราะในช่วงที่ระหองระแหงกับ Gap หรือ Adidas ก่อนหน้านี้ Ye ได้เคยพูดจาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า...“ทุกคนย่อมรู้ดีว่า ผมคือผู้นำ ผมคือราชา และราชาย่อมไม่อยู่ในปราสาทของคนอื่น เพราะราชาย่อมต้องอยู่ในปราสาทของตัวเอง” ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นการประกาศอย่างตรงไปตรงมาว่า แฟชั่นไอคอนผู้นี้พร้อมแล้วสำหรับการทำแบรนด์ Yeezy ด้วยตัวเอง

ความเป็นไปได้ที่ Adidas จะแยกทางกับ คานเย เวสต์ :

แม้จะประกาศว่า กำลังทบทวนเรื่องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ คานเย เวสต์ หากแต่ในความเป็นจริงคือ Adidas กำลังประสบปัญหาเรื่องยอดขายที่ลดลง โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนที่เคยสร้างผลกำไรให้กับบริษัทได้มากที่สุด จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมากกว่า 60% ขณะเดียวกันภายในบริษัทกำลังจะมีการเปลี่ยน CEO คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ในปีหน้า (2023) มันจึงทำให้มีความเป็นไปได้ที่ Adidas อาจจะยังไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางการตลาดใดๆ จนกว่าจะได้ผู้นำคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ก็เป็นได้ เพียงแต่...ราคาที่ต้องจ่ายให้กับพฤติกรรมที่คาดเดาได้ยากของ คานเย เวสต์ จนถึงตอนนั้น จะคุ้มค่ากับภาพลักษณ์แบรนด์ที่อาจเสื่อมถอยมากน้อยแค่ไหน?

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารในภาวะวิกฤติ วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาเรื่องพฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับ "คานเย เวสต์" หากแต่ที่ผ่านมาเขาสามารถเอาตัวรอดได้ เนื่องจากมีฐานแฟนคลับที่ให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น อีกทั้งยังรับรู้ว่าอาการแปรปรวนทางด้านอารมณ์ของ "Ye" เกิดจากโรคซึมเศร้า (Bipolar) มันจึงทำให้ที่ผ่านมา ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงมีไม่มากนัก

อย่างไรก็ดี สิ่งเหล่านี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป เพราะเมื่อใดก็ตามที่กลุ่มฐานแฟนคลับเหล่านั้นเริ่มมองว่า ไอดอลของพวกเขากำลัง “ล้ำเส้นมากเกินไป” จนไม่อยากจะเสียเงินให้กับคนคนนี้อีกต่อไปแล้ว รวมไปจนกระทั่งถึง เมื่อใดก็ตามที่คอลเลกชันใหม่ๆ ที่ออกมาเริ่มไม่สามารถสร้างแรงดึงดูด หรือเรียกเสียง WOW ดังๆ ได้เหมือนเดิม เมื่อนั้น “การให้อภัย” ก็จะเริ่มลดน้อยลง ซึ่งนั่นย่อมแปลว่า “การเดินทางสู่ขาลง” กำลังคืบคลานเข้าไปทุกขณะ.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :