"เอเวอร์แกรนด์" ไม่ถึงขั้น "ซับไพรม์" จับตาบททดสอบแรกจะ "ผิดนัดชำระหนี้" หรือไม่?บททดสอบแรกวิกฤติหนี้ "เอเวอร์แกรนด์"23 กันยายน 2564 นี้ จะครบกำหนดชำระดอกเบี้ย มูลค่า 83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.77 ล้านบาท ซึ่งน่าจับตาว่า "เอเวอร์แกรนด์" (Evergrande) จะสามารถชำระตามกำหนดได้หรือไม่ หรือท้ายที่สุด...จะเลือก "ผิดนัดชำระหนี้" ตามคำครหาก่อนหน้านี้ดอกเบี้ย 83 ล้านดอลลาร์ฯ มาจากไหน?ดอกเบี้ยที่ "เอเวอร์แกรนด์" ต้องจ่ายนี้ มาจากพันธบัตรอายุ 5 ปี ให้ผลตอบแทน 8.25% ที่การเสนอขายครั้งแรกมีมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.68 หมื่นล้านบาท) และตอนนี้ "ราคา" ก็ตกฮวบ!อะไรจะเกิดขึ้น...เมื่อวันครบกำหนดมาถึง?คำคาดการณ์บรรดานักวิเคราะห์และผู้ติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดล้วนมองไปทางเดียวกัน นั่นคือ มีความเป็นไปได้สูงว่า "เอเวอร์แกรนด์" จะเบี้ยวชำระดอกเบี้ยที่เป็น "บททดสอบแรก" นี้ใครจะได้รับผลกระทบจาก "เอเวอร์แกรนด์" หากสุดท้าย "เบี้ยว" จริงๆ อาจนำไปสู่ "เงื่อนไขผิดนัดไขว้"ผิดนัดไขว้เบี้ยวครั้งหนึ่ง ส่อบานปลายหาก "เอเวอร์แกรนด์" เบี้ยวรอบนี้ ก็อาจเป็นชนวนให้เกิด "เงื่อนไขผิดนัดไขว้" ลุกลามไปในวงกว้าง นั่นหมายถึงว่า หากผิดนัดชำระหนี้กับรายนี้ ก็ให้ถือว่าผิดนัดชำระหนี้กับรายอื่นๆ ด้วยคนเจ็บรายที่ 1ธนาคารอุตสาหกรรมธนาคารอาจเป็นรายแรกๆ ที่เจ็บจาก "เอเวอร์แกรนด์" หากภาคอสังหาฯ ของจีนเกิดล้มเป็นโดมิโน ซึ่งแม้ตลาดการเงินจะยังไม่มีสัญญาณเตือนชัดเจน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นคนเจ็บรายที่ 2คนซื้อบ้านและนักลงทุนในบางเมืองของจีนเริ่มเกิดความไม่สงบท่ามกลางความกังวล หลังคนที่ซื้อบ้านของ "เอเวอร์แกรนด์" ต่างออกมาประท้วงด้วยความโกรธเกรี้ยว และนักลงทุนก็เริ่มส่งเสียงไม่พอใจกันแล้ว บางรายถึงกับบุกถึงสำนักงานใหญ่คนเจ็บรายที่ 3ซัพพลายเออร์ความล้มเหลวไม่เป็นท่าของ "เอเวอร์แกรนด์" อาจสะเทือนเป็นโดมิโนไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการชำระค่าสินค้า โดยรายงาน S&P เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ประมาณการว่าจะมีใบแจ้งหนี้มากกว่า 2.4 แสนล้านหยวน (ราว 1.24 ล้านล้านบาท)แต่เป็นไปได้ว่า...หาก "เอเวอร์แกรนด์" เบี้ยวหนี้จริงๆ คนที่จะเจ็บหนักกว่าใครเพื่อน คงหนีไม่พ้นบรรดา สถาบันและนักลงทุนต่างชาติ เป็นแน่!"นักลงทุนต่างชาติ" อาจถูกทุบเป็นรายแรก! เมื่อ "รัฐบาลจีน" เลือกช่วย "หยวน" ก่อน "ดอลลาร์สหรัฐ"ความเป็นไปได้...เมื่อ "คนในชาติ" ต้องมาก่อนเหตุผลขั้นต้นที่ "รัฐบาลจีน" จะเลือกจัดลำดับความสำคัญในการช่วยเหลือแก่หุ้นและพันธบัตรสกุล "หยวน" ก่อน "ดอลลาร์สหรัฐ" นั่นเพราะพันธบัตรต่างประเทศมักถือครองโดยสถาบัน/นักลงทุนต่างชาติ ส่วนนักลงทุนรายย่อยในประเทศมักจะถือครองพันธบัตรสกุลหยวนเหตุผลข้อต่อมา...หาก "เอเวอร์แกรนด์" เบี้ยวดอกเบี้ยพันธบัตรต่างประเทศ จะไม่จุดชนวนไปยังส่วนอื่นๆ เหมือนเช่นการเบี้ยวดอกเบี้ยภายในประเทศ จะลุกลามไปส่วนอื่นๆ แบบเงื่อนไขผิดนัดไขว้ความโกรธน่ากลัวอีกเหตุผล คือ...หากปล่อยให้ "ชาวจีน" ที่ซื้อบ้านเอเวอร์แกรนด์กรุ่นโกรธ แล้วออกมาประท้วงมากๆ เข้า จะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" ที่จำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพการเมือง หนีไม่พ้นต้องแทรกแซง แล้วยิ่งช่วงนี้เสมือนอยู่ในห้วงหาเสียงที่มีผลในการต่ออายุตัวเองในปีหน้า (2565) ด้วย"เอเวอร์แกรนด์" ไม่ถึงขั้น "วิกฤติซับไพรม์" ความเจ็บ ความรุนแรง ยังเล็กเกินกว่าจะเทียบเท่าบทวิเคราะห์โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ กรณี "เอเวอร์แกรนด์" คงไม่เหมือนกรณี "วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์" หรือวิกฤติสินเชื่อด้อยค่า อย่างหลังนั้นขนาดใหญ่กว่าเยอะSubprime คือ…"วิกฤติซับไพรม์" ในสหรัฐฯ ปี 2551เกิดจากการออก CDS (สัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทสัญญาเครดิตอนุพันธ์) ซึ่งเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ หรือการเข้าไปค้ำประกันความเสี่ยงจากการล้ม ที่จุดชนวนลุกลามเป็นโดมิโน เกิดเป็น "วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์"แต่วิกฤติหนี้ "เอเวอร์แกรนด์"...รศ.ดร.สมชาย มองว่า กระทบแค่ตัวธุรกิจ และบริษัทที่เกี่ยวข้อง ผลกระทบค่อนข้างจำกัด แม้แต่ตลาดหุ้นจีนก็เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ "เอเวอร์แกรนด์"แตกต่างชัดเจน!แต่ไม่ได้น่าวางใจ..."วิกฤติซับไพรม์" หมายถึงตลาดอสังหาฯ ทั้งระบบของสหรัฐฯ โยงถึงการเงินในส่วนการประกันความเสี่ยงด้านต่างๆ ด้วย แต่ "เอเวอร์แกรนด์" ที่เกิดขึ้นในจีนยังไม่ลงลึกไปถึงกรอบนั้น แต่ก็คงต้องจับตา เพราะเข้าข่ายสถานการณ์ที่รุนแรงเช่นกันปลายทางการช่วยเหลือ เมื่อ "เอเวอร์แกรนด์" สั่นคลอนเสถียรภาพจีนไม่ช่วยน่ากลัวกว่าช่วย...ภาคอสังหาฯ มีสัดส่วน 29% ของจีดีพีจีน เมื่อถูกกระทบก็สั่นคลอนเสถียรภาพ ยิ่งเกิดในช่วงที่ "สี จิ้นผิง" หวังต่ออายุเลขาธิการพรรค ถ้าไม่มีการช่วยเหลือคงบานปลายพอสมควร ที่สำคัญ คือ กระทบความไม่พอใจของคนนับล้านถึงจุดๆ หนึ่งรัฐบาลคงต้องช่วย..."รัฐบาลจีน" เริ่มส่งสัญญาณอุ้ม ที่ไม่ได้ช่วย "เอเวอร์แกรนด์" โดยตรง แต่เพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบธนาคาร เพื่อไม่ให้แตกตื่น และน่าจะมีมาตรการบางอย่างตามมาแทรกแซงไม่ให้บานปลายจนเกินควรท้ายที่สุด!ปลายทางการช่วยเหลือ...มีความเป็นไปได้มากว่าจะมีการเลือกใช้วิธี "ปรับโครงสร้างหนี้!"เช่นว่า...อาจจะมีการยื่นมือเข้ามาจัดการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่อเข้า "เทคโอเวอร์" ในส่วนงานต่างๆ และโครงการที่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จของ "เอเวอร์แกรนด์" ซึ่งความเป็นไปได้ของ "ผู้รับผิดชอบ" ในปลายทางนี้ คือ "รัฐบาลท้องถิ่น" ในท้องที่นั้นๆ.ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงานกราฟิกโดย Varanya Phae-arayaอ้างอิง:[1] อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 22 กันยายน 2564 : 33.40 บาท[2] S&P Global Rating. Credit FAQ:Evergrande Default Contagion Risk—Ripple Or Wave? [ออนไลน์]. 2564, แหล่งที่มา : www.spglobal.com [22 ก.ย. 2564]