"AGUA" ภาษาโปรตุเกส ที่แปลว่า "น้ำเปล่า" แต่เชื่อหรือไม่ว่า "คำ" เพียง "คำเดียว" แค่นี้ จะทำให้บริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มชื่อก้องโลกอย่าง Coca Cola มูลค่าบริษัทลดลงถึงเกือบ 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (125,964 ล้านบาท)!
*หมายเหตุ: หลังเปิดตลาดในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย. 2564 หุ้นโคคา โคล่า ซื้อขายกันอยู่ที่ 56.17 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หลังโรนัลโดแสดงอิทธิฤทธิ์ราคาหุ้นปรับลดลงมาอยู่ที่ 55.22 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือลดลงถึง 1.6% และเมื่อปิดตลาดในวันอังคารที่ 15 มิ.ย. 2564 ราคาหุ้นได้ปรับลงไปอยู่ที่ 55.41 ดอลลาร์สหรัฐฯ
เหตุใดเพียงคำว่า "น้ำเปล่า" จึงทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่มูลค่า 242,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (7,620,822 ล้านบาท) แห่งนี้ ได้รับผลกระทบได้?
นั่นเป็นเพราะ...บังเอิญว่าคนที่กระชากคำพูด "น้ำเปล่า" ออกมา พร้อมกับหยิบขวด Coca Cola ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของศึกยูโร 2020 ออกไปพ้นโต๊ะแถลงข่าว นั้น ไม่ใช่คนธรรมดาๆ แต่เขา คือ เซเลบนักเตะแห่งยุคและกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ผู้มียอดผู้ติดตามในอินสตาแกรมถึง 229 ล้านคน อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ชายที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ ยกย่องในความเป็นยอดมนุษย์จอมพลังที่ว่า...
ไรอัน กิกส์ อาจถนัดยิงฟรีคิกในระยะ 18-23 หลา
ส่วนเดวิด เบคแคม เป็นเจ้าพ่อลูกนิ่ง ในระยะ 25-30 หลา
...
แต่กับโรนัลโดต่อให้ยิงฟรีคิกจากหลังดวงจันทร์ ลูกบอลมันก็ยังเข้าประตูได้อยู่ดี!
แล้วมันเป็นเพราะเหตุใด โรนัลโดจึงประกาศตั้งตนเป็นอริกับน้ำอัดลมชื่อดังรวมถึงน้ำดื่มผสมน้ำตาลในลักษณะเดียวกันอีกหลายๆ แบรนด์?
ความชัดเจนของโรนัลโดในประเด็นที่ว่านี้ เคยถูกสื่อออกมาให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาแล้ว โดยครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อปีที่ผ่านมาเอาไว้ว่า...
"ผมมีปัญหากับบรรดาลูกๆ ในบางครั้ง เมื่อเห็นพวกเขาดื่ม Coca Cola หรือ Fanta รวมถึงกินพวกมันฝรั่งทอดต่างๆ เพราะผมไม่ชอบมัน"
และคำให้สัมภาษณ์นี้ น่าจะเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนถึงความเป็น "ตัวตน" ของโรนัลโด ในฐานะผู้รักษาสถานะยอดนักเตะเบอร์ต้นๆ ของโลกเอาไว้ได้ ทั้งๆ ที่ขวบวัยเลยล่วงถึง 36 ปีเข้าให้แล้ว หนำซ้ำยังเป็นตำแหน่งกองหน้า ถือเป็นเรื่องที่แทบเกิดขึ้นได้ยากเอามากๆ โดยเฉพาะกับโลกลูกหนังยุคปัจจุบันที่กำลังอินเทรนด์กับกลยุทธ์เพรสซิ่ง ซึ่งต้องอาศัยพละกำลังของนักเตะอย่างมหาศาล ทั้งในการบีบพื้นที่และเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ ไปพร้อมๆ กับลูกบอลและฝ่ายตรงข้ามที่พุ่งเข้ามาหาเร็วราวกับรถแข่ง F1
โรนัลโดทำแบบนั้นได้อย่างไรในวัย 36 ปี?
ในแต่ละวัน นอกจากการฟิตซ้อมอย่างหนักจนร่างกายแทบจะไม่มีไขมันแม้แต่ขีดเดียวแล้ว โรนัลโดยังต้องเข้มงวดกับการ "กิน" เพื่อสุขภาพอย่างไม่มีที่ติ โดยเน้นไปที่อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนและไร้ไขมันเป็นหลัก เพื่อรองรับการฟิตซ้อมร่างกายที่บ้าคลั่งด้วย
และนี่คือ เมนูอาหารที่โรนัลโดกินในทุกๆ วัน ตามรายงานของสำนักข่าว ESPN
อาหาร 6 มื้อ สำหรับการฟิตซ้อมร่างกายของโรนัลโดในทุกๆ วัน
มื้อที่ 1 อาหารเช้า
แฮมและชีส เสิร์ฟพร้อมกับโยเกิร์ตแบบ Low-fat
มื้อที่ 2 อาหารว่าง
อะโวคาโด โทสต์
มื้อที่ 3 อาหารกลางวัน (ชุดที่ 1)
ไก่และสลัดผัก
มื้อที่ 4 อาหารกลางวัน (ชุดที่ 2)
ทูน่าพร้อมสลัดผัก ไข่และน้ำมันมะกอก
มื้อที่ 5 อาหารค่ำ (ชุดที่ 1)
เนื้อหรือปลา
มื้อที่ 6 อาหารค่ำ (ชุดที่ 2)
เนื้อหรือปลา
...
และนอกจากการกินอาหารคลีนแล้ว โรนัลโดยังทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน (Sleep Expert) อย่าง นิค ลิตเติลเฮลส์ (Nick Littlehales) ที่ให้นอนพักอย่างน้อย 5 ครั้ง ครั้งละ 90 นาที หรือรวม 7.5 ชั่วโมงต่อวันด้วย
แต่เพื่อไม่ให้พฤติกรรม "คลั่งฟิต" ตึงมากจนเกินพอดี บางเวลาโดยเฉพาะในช่วงเวลาพิเศษเช่น วันเกิด หรือช่วงพักปิดฤดูกาล ยอดนักเตะชาวโปรตุกีสผู้นี้ก็ยอมผ่อนปรนให้กับร่างกายด้วยการกินเค้ก พิซซ่า ช็อกโกแลต หรือดื่มไวน์อยู่บ้างเช่นกัน (แต่แน่นอนว่า น้อยครั้งมากๆ)
ว่าแต่...จริงๆ แล้ว CR7 สนับสนุนเรื่องการกินเพื่อสุขภาพมากน้อยเพียงใดกันนะ...แล้วก็ให้บังเอิญเหลือเกินว่า หลังเกิด "ปรากฏการณ์น้ำเปล่า" ที่ว่านี้เพียงไม่นาน สื่อจอมแฉอย่าง The Sun ของประเทศอังกฤษ ได้ลองไปทบทวน "อดีต" ปีกจอมสับสัญชาติโปรตุกีส จนกระทั่งพบว่า...
ปัดโธ่...CR7 เอง ก็เคยทำสิ่งนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?
อดีตพรีเซ็นเตอร์ โคคา โคล่า
สมัยยังเป็นนักเตะดาวรุ่ง โรนัลโดเคยรับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโคคา โคล่า มาแล้วในช่วงประมาณปี 2006 แถมในซีนหนึ่งของภาพยนตร์โฆษณา CR7 สมัยยังละอ่อน ยังต้องอ้าปากดื่มน้ำโคคา โคล่า ที่กำลังไหลลงอีกด้วย Oops!
...
อดีตพรีเซ็นเตอร์อาหารฟาสต์ฟู้ด
ปี 2013-2016 โรนัลโดรับเงินค่าพรีเซ็นเตอร์ให้กับไก่ทอดยี่ห้อดัง แลกกับโชว์ภาพหม่ำไก่ทอดด้วยใบหน้าสุดเอร็ดอร่อย รับทรัพย์ไปรวม 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 71 ล้านบาทต่อปี!
อดีตพรีเซ็นเตอร์น้ำดื่มและอาหารเสริม
ใบหน้าของ CR7 ไปปรากฏอยู่บนขวดน้ำดื่มชูกำลังไร้กาเฟอีน ที่อ้างว่าให้พลังงานธรรมชาติในชื่อ Soccerade เมื่อปี 2008
และปัจจุบัน (ปี 2021) โรนัลโดยังอยู่ในสัญญา 8 ปีของการทำหน้าที่เป็น Brand Ambassador ให้กับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม แบรนด์ Herbalife Nutrition เพื่อแลกกับเงินก้อนโตมากกว่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
...
พรีเซ็นเตอร์เบียร์สัญชาติบราซิล
โรนัลโด รับทรัพย์ 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการโปรโมตเบียร์สัญชาติบราซิลที่มีชื่อว่า ABInBev อีกด้วย Oops!
ทีนี้ไปดูการรับมือของ โคคา โคล่า หลังปรากฏการณ์ "น้ำเปล่า" กัน?
"โรนัลโดก็เหมือนกับคนทั่วๆ ไปที่มีสิทธิจะเลือกน้ำดื่มที่ตัวเองชื่นชอบ นั่นเป็นเพราะแต่ละคนย่อมมีรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกัน"
นี่คือ ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของโคคา โคล่า ต่อการกระทำของสุดยอดนักเตะสัญชาติโปรตุกีส ซึ่งมันออกดูกลางๆ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ในประเด็นที่โรนัลโดพยายามชี้เป้าในประเด็นเรื่องสุขภาพ รวมถึงไม่มีการแสดงอารณ์ขึ้งโกรธเพื่อหวังเอาคืนด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็น "ทางออก" ในยามที่แบรนด์เผชิญวิกฤติที่น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่ง
"น้ำเปล่า" ทำให้แบรนด์ได้รับผลกระทบจริงหรือไม่?
ในความเป็นจริง คือ มูลค่าหุ้นของโคคา โคล่า ที่ลดลงไม่ได้เกิดจากการแสดงความไม่พอใจของโรนัลโดแต่เพียงอย่างเดียว เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ "น้ำเปล่า" นั้น ราคาหุ้นของโคคา โคล่า ปรับตัวลดลง 0.9% ตั้งแต่ช่วงปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิ.ย. 2564 หรือก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ดราม่าในวันจันทร์ที่ 14 มิ.ย. อยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองตรงกันด้วยว่า "ความบอบช้ำ" มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญนี้ น่าจะเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ และแทบไม่น่าจะส่งผลกระทบใดๆ ต่อมูลค่าของบริษัทน้ำดำยักษ์ใหญ่ชื่อก้องโลกแห่งนี้ในระยะยาว หนำซ้ำบางทีโคคา โคล่า อาจจะได้รับ "ประโยชน์" ในแง่การประชาสัมพันธ์ "แบรนด์" จากการกระทำของโรนัลโดไปแบบไม่ต้องเสียเงินสักดอลลาร์อีกด้วย!
โคคา โคล่า กลายเป็นชื่อที่ถูกจั่วอยู่เกลื่อนตามสื่อทั่วโลก รวมทั้งยังกลายเป็นคำค้นยอดนิยมตามเครือข่ายออนไลน์ รวมถึงยังกลายเป็น Meme Stock ที่ถูกค้นหาจากบรรดาเทรดเดอร์ในเว็บไซต์อย่าง Reddit อย่างกว้างขวาง ไม่ต่างจากเมื่อครั้งเกิดปรากฏการณ์กับหุ้นของ GameStop และ AMC Entertainment หรือการเล่นบทดราม่าซ้ำไปซ้ำมาในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีของ อีลอน มัสก์ ก่อนหน้านี้
ซึ่งปรากฏการณ์แบรนด์กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างทั้งหมดนี้ ถูกนักวิเคราะห์มองว่าจะส่งผลดีต่อ ราคาหุ้นของโคคา โคล่า ในระยะยาวต่อไป นั่นเป็นเพราะปัจจุบัน โคคา โคล่า อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งสำหรับการฟื้นตัวหลังเกิดปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19
อะไรคือ สถานะอันแข็งแกร่งสำหรับการฟื้นตัว?
โคคา โคล่า รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า มีรายได้ 9,002 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 8,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 2,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถึงแม้ตัวเลขรายได้สุทธินี้จะลดลงจากตัวเลข 2,780 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงเดียวกันของเมื่อปีที่ผ่านมา แต่สัญญาณในแง่บวก คือ ปริมาณการซื้อขายในมีนาคมกลับมาเทียบเท่ากับปี 2019 แล้ว โดยได้แรงหนุนสำคัญมาจากยอดขายในประเทศจีน!
ส่วนหากถามว่า ปรากฏการณ์นำ้เปล่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างโคคา โคล่า และสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า ในฐานะผู้จัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือฟุตบอลยูโรที่เราเรียกจนติดปากหรือไม่น่ะหรือ?
หากใครยังไม่ทราบ โคคา โคล่า เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของฟุตบอลยูโรมาเป็นระยะเวลานาน 32 ปีติดต่อกัน (ครั้งแรก ปี 1988) หรือเป็นระยะเวลาเกือบครึ่งหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มมีการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโรเป็นต้นมา (จัดครั้งแรกปี 1960) เข้าให้แล้ว!
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ข่าวน่าสนใจ:
- หิวเงิน กระหายอำนาจ ผูกขาดฟุตบอล เบื้องหลังผุด "ซูเปอร์ลีก" ก่อนวิมานล่ม
- "สตีเวน เจอร์ราร์ด" กับ 3 ปี การซ่อมสร้างแชมป์ให้ "เรนเจอร์ส"
- แก่ เก๋า เขาคือ คิง คาซู (King Kazu) นักบอลผู้อึดที่สุดในปฐพี
- กลุ่มธุรกิจฟิตเนสน้ำตาตกใน ส่อเจ๊ง 50% วอนช่วย “พวกเรากำลังจมน้ำ”
- ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีน BIBP ของ "ซิโนฟาร์ม" ประสิทธิภาพ-อัตราไม่พึงประสงค์