นายทุนงาบสวนป่า "ไร่ภูนับดาว" ป.ป.ท. เปิดไทม์ไลน์เช็กบิลราชการนอกรีต หมกเม็ดออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อนในพื้นที่เดิมให้นายทุนที่ถูกศาลตัดสินครอบครองพื้นที่เดิม ก่อนขายให้รีสอร์ทหรู โยงเส้นเงินหวานใจ "บิ๊กการเมือง" ชี้กำลังตรวจสอบอีก 700 ไร่ พบมีชื่อเครือญาติคนมีสีถือครอง
นายกฤศกร สนิทศักดิ์ดี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 1 (ผอ. ป.ป.ท. เขต 1) กล่าวว่า คดีรุกที่ดิน ส.ป.ก. ของไร่ภูนับดาว อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ท่านเลขาฯ ปปท. รวมทั้งกรมป่าไม้ ร่วมกันเข้าไปตรวจสอบเป็นครั้งแรก หลังมีการแจ้งว่า มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเข้าไปบุกรุกพื้นที่สวนป่าปางหัวช้าง คลองไทร อ.มวกเหล็ก
จากนั้นได้ดำเนินคดี โดยศาล จ.สระบุรี มีคำพิพากษาจำคุกผู้บุกรุกทั้งหมดจำนวน 5 คน แต่มี 1 ราย เป็นภรรยาปลัด อบต. ท่านหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งมีการต่อสู้คดีถึงศาลฎีกา จนมีคำพิพากษาจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
แต่หลังศาลสั่งจำคุก กลับมีคณะกรรมการระดับอำเภอทำการพิจารณาเพื่อออกเอกสาร ส.ป.ก. ในพื้นที่เดิมอีกครั้ง ซึ่งการพิจารณาต้องผ่านระดับอำเภอก่อน ซึ่งตอนนั้นนายอำเภอที่เป็นประธานที่ประชุม ปี 2560 กลับบอกว่า คำสั่งที่ศาลจำคุกเป็นเรื่องที่ว่ากันไป ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาออกเอกสาร ส.ป.ก. ในรอบใหม่ ทั้งที่กรมป่าไม้ ซึ่งเป็นคณะกรรมการในที่ประชุมคัดค้านว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นสวนป่า ไม่สามารถออกเอกสารซ้อนอีกได้
...
“การพิจารณาเพื่อออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อน ทั้งที่ศาลมีคำสั่งไปแล้วในคำตัดสินรอบแรก แต่นายอำเภอท่านนั้นยังมีการให้ประชุมเพื่อออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อนอีก ที่น่าตกใจคือ การออกเอกสารสิทธิพื้นที่ ส.ป.ก. ครั้งนั้น กลับออกให้กับคนที่ศาลพิจารณาให้ถูกจำคุกไปแล้ว และพื้นที่ดังกล่าวก็เป็นพื้นที่ที่ศาลพิพากษาแล้ว”
หลังออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อนในพื้นที่เก่าให้กับคนที่ถูกศาลตัดสินจำคุกทั้ง 5 ราย มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งหมดให้กับบริษัทแห่งหนึ่งสร้างรีสอร์ท ขณะเดียวกันพบว่า ก่อนมีการโอนสิทธิ์ให้กับรีสอร์ท มีการสร้างสิ่งปลูกสร้างมาแล้ว 1 ปี แสดงให้เห็นว่ามีการคุยกันมาก่อนหน้าจะโอนสิทธิ์ในปี 2565
"จากนั้นมีชาวบ้านเข้ามาร้องเรียน ทำให้ต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบอีกครั้ง และได้สอบถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งยืนยันว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการดำเนินคดีแล้ว แต่กลับมีการออกเอกสาร ส.ป.ก. ให้ซ้ำอีก ด้านเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะป่าไม้ไม่สามารถจับกุมได้ เนื่องจากมีการออกเอกสาร ส.ป.ก. แล้ว ผมเลยต้องพยายามรื้อเอกสารเพื่อยืนยันว่าเป็นการออกเอกสาร ส.ป.ก. โดยมิชอบ และดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่ร่วมกันออกเอกสารทั้งหมด"
รื้อเอกสาร ส.ป.ก. ดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต
การรื้อเอกสาร ส.ป.ก. เพื่อดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่รัฐ "กฤศกร" เล่าว่า เมื่อได้ปรึกษากับผู้ใหญ่ ป.ป.ท. จากส่วนกลาง ได้แนะนำให้ส่งข้อมูลไปยัง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อ หลังจากนั้นได้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่ามีผู้กระทำผิดเพิ่มอีก 6 ราย ที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีในรอบแรก แต่มีการออกเอกสาร ส.ป.ก. ในพื้นที่ จึงมีการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ ป.ป.ช. ตอนนี้เรื่องทั้งหมดอยู่ในขั้นดำเนินการของ ป.ป.ช.
...
คดีนี้มีราชการที่กระทำความผิด ตั้งแต่นายอำเภอท่านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ช่างวัด ส.ป.ก. ฝ่ายกฎหมาย ส.ป.ก. จ.สระบุรี
ขบวนการในการออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อน มีเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิดประมาณ 4 – 5 คน ไม่รวมกับชาวบ้านที่ร่วมด้วย ถือเป็นการออกเอกสาร ส.ป.ก. โดยมิชอบ เพราะออกในพื้นที่สวนป่าของกรมป่าไม้ โดยช่วงปี 2520 มีงบประมาณในการปลูกสวนป่า และมีการจัดสรรงบประมาณในการปลูกสวนป่าประมาณพันกว่าไร่ ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท งบส่วนนี้มีการปลูกจริง จนปัจจุบันมีพื้นที่ป่าสมบูรณ์
“ปกติพื้นที่ส่วนนี้ที่เป็นสวนป่า แล้วออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อนได้ ต้องมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ ด้วยความที่ทำเลตรงนี้มันสวย มองเห็นได้รอบทิวทัศน์ 360 องศา หลังจากพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ถ้านักท่องเที่ยวจะเข้าไป ต้องจ่ายค่าเข้า 50 บาท ส่วนเรื่องเส้นเงินต่างๆ ทาง ป.ป.ท. ไม่ได้ดูเรื่องนี้ ซึ่งจะมีหน่วยงานตรวจสอบอีกครั้ง”
ขณะนี้ ป.ป.ท. มีการตรวจสอบเพิ่มเติม กรณีพื้นที่ด้านล่างของที่ดินแปลงนี้อีก 600 ไร่ ซึ่งเป็นของนายทุนรายอื่น และมีความเกี่ยวโยงกับนายอำเภอคนดังกล่าว ที่ออกเอกสาร ส.ป.ก. ซ้อน และที่ดินด้านล่างนี้มีชื่อของคนในครอบครัวครอบครองพื้นที่ ส.ป.ก.
...
“คาดว่ามีการออกเอกสาร ส.ป.ก. ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่ประมาณ 700 ไร่ ถ้าเราไม่ทำการตรวจสอบ อาจมีการเข้าไปยึดครองในพื้นที่เป็นพันไร่ จากทั้งหมด 6,000 ไร่.