ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำ ชี้เหตุทำภาคเหนืออ่วม เผยตอนนี้ภาคกลางยังรอด ไม่เหมือนปี 54 แต่ปลาย ก.ย. จับตาพายุจร เสี่ยงทำฝนเพิ่ม จัดการน้ำยาก เขื่อนเล็กต้องระวัง!
ช่วงที่ผ่านมามีฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ ทำประชาชนเดือดร้อน ทรัพย์สินและที่อยู่เสียหาย หลายหลังคาเรือนกลายเป็นผู้ประสบภัยไม่ทันตั้งตัว เช่น ประชาชนคนน่าน ถึงกับบอกว่านี่คือน้ำท่วมหนักในรอบ 100 ปี
อ่านเพิ่มเติม : 3 สาเหตุหลัก จ.น่าน น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 100 ปี
สถานการณ์น้ำยังสร้างความกังวลอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ภาคกลาง ปริมณฑล และกรุงเทพฯ มีความรู้สึกไม่มั่นใจกับมวลน้ำจากตอนเหนือ เพราะมันอาจทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งประชาชนบางส่วนกังวลว่า นี่อาจเดินซ้ำรอย 'อุทกภัย 2554'
อย่างไรก็ดี ทีมข่าวฯ ได้ชวน 'อาจารย์อวิรุทธ์ สุขสมอรรถ' ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำ จากทีมกรุ๊ป มาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์นี้ เพื่อไขคำตอบให้คุณผู้อ่านทุกคน!
...
เหตุทำภาคเหนืออ่วม :
ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำ อธิบายว่า ปี 2554 พายุมาจากฟิลิปปินส์และทะเลจีนใต้ เป็นไต้ฝุ่นที่กลายเป็นพายุโซนร้อนและเข้าไทยมาติดกัน โดยช่วงพฤษภาคมถึงสิงหาคมมีพายุเข้ามา 3 ลูก พอช่วงกันยายนและตุลาคมก็เข้ามาอีก 2 ลูก เมื่อเป็นแบบนั้น จากเดิมที่มีน้ำค้างจากพายุ 3 ลูกแรก ทำให้ช่วงตอนเหนือน้ำเต็ม พอมีพายุเข้ามาอีกเลยทำให้ปริมาณน้ำเยอะผิดปกติ
หากกลับมามองปีนี้ต้องบอกว่าเป็นฤดูฝนปกติ แต่มีร่องมรสุมที่ทำให้เมฆฝนไปรวมกันอยู่จุดนั้น แล้วพาดผ่านเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน บริเวณสกลนครและนครพนม ซึ่งปกติมันจะต้องค่อยๆ ขยับตัวลงมาด้านล่าง แต่ช่วงที่ผ่านมามันกลับไม่ค่อยขยับเลย
"พอเป็นแบบนั้นเลยทำให้ฝนตกเทรวมอยู่บริเวณเชียงราย น่าน พะเยา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนัก ปกติร่องมรสุมจะค่อยๆ ขยับตัวลงข้างล่าง แต่ช่วงที่ผ่านมามันไม่ค่อยขยับตัว ฝนตกเทรวมอยู่บริเวณเชียงราย น่าน พะเยา ทำให้น้ำท่วมหนัก ส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ลานีญา และส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับ Climate Change ที่ทำให้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ประมาณ 2-3% จากค่าเฉลี่ยปกติ"
ซึ่งลานีญาทำให้ปริมาณความชื้นในอากาศสูง ส่งผลให้ฝนที่จะตกมีปริมาณมาก นอกจากนั้นมวลฝนจะอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับ ไม่เคลื่อนตัว ทำให้จุดนั้นๆ มีปริมาณน้ำเยอะ และทำให้การระบายน้ำช้าไปด้วย
ภาคกลางยังไม่เสี่ยงท่วมหนัก :
ทีมข่าวฯ ถามว่าสถานการณ์ในพื้นที่ภาคกลางจะเป็นอย่างไรต่อไป?
"เดือนนี้ยังไม่มีอะไรเสี่ยงสำหรับภาคกลาง เพราะกรมชลประทานพยายามดำเนินการดูแลอยู่ ทำให้ช่วงนี้ภาคกลางไม่น่ากังวล" อาจารย์อวิรุทธ์ กล่าวตอบ ก่อนจะเสริมข้อมูลว่า
ปริมาณน้ำที่ลงมาแถว อ.เมือง จ.น่าน จะไหลลงมาข้างล่าง แต่มีเขื่อนสิริกิติ์ดักรออยู่ ซึ่งเขื่อนนี้เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และปัจจุบันยังคงมีที่ว่างพอเก็บน้ำส่วนนี้ ทำให้น้ำที่จะลงมาจากน่านมีปริมาณน้อยเพราะมีเขื่อนกักไว้
แต่บริเวณแม่น้ำยมไม่มีเขื่อน จึงทำให้น้ำท่วมที่แพร่และสุโขทัย แต่ตอนนี้กรมชลประทานพยายามนำน้ำลงมาไว้ที่แก้มลิงบางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นจะเก็บน้ำได้ประมาณ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร และน้ำที่ผ่านแก้มลิงบางระกำ จะผ่านลงมาทางพิจิตรและนครสวรรค์ ซึ่งจะไม่เยอะและไม่น่ากลัวเท่าที่แพร่หรือสุโขทัย
ก.ย.-ต.ค. ภาคกลางจับตาระวังน้ำ :
แม้ว่าช่วงนี้ภาคกลางจะดูไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไร แต่อาจารย์อวิรุทธ์ บอกว่า ต้องระวังช่วงปลายเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม ให้ดี เนื่องจากร่องความกดอากาศที่พูดถึงช่วงแรก จะค่อยๆ ลดต่ำลงมาแถวนครสวรรค์ และอยุธยาตอนกลาง ทำให้ช่วงปลายกันยายนต้องมาดูอีกทีว่า จะทำให้ฝนตกเยอะไหม
...
ซึ่งการที่ร่องความกดอากาศค่อยๆ ลดต่ำลงมานั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าช่วงปลายเดือนกันยายนหรือตุลาคมมีพายุเข้ามาจะเริ่มไม่ปกติ เพราะมีโอกาสทำให้ฝนตกเยอะ และอาจทำให้การจัดการน้ำอาจยากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญฯ บอกกับเราว่า ปกติประเทศไทยจะมีพายุเข้ามาอยู่แล้วประมาณ 1-2 ลูก แต่ช่วงปี 2566 อาจจะไม่ค่อยเข้ามาเท่าไร เพราะเท่าที่ติดตามพายุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดแถวฟิลิปปินส์ แล้วจะขึ้นเหนือไปทางญี่ปุ่น-เกาหลี ถ้าดูปีนี้ค่าเฉลี่ยมีโอกาสเข้ามา 1-2 ลูก อยู่ที่ว่าจะจัดการน้ำอย่างไร แต่มันคงไม่เหมือนปี 2554 ที่ตกมาแล้วน้ำเยอะเกิน
"ถ้าช่วงปลายเดือนกันยายนและตุลาคมมีพายุเข้ามา ผมว่าการจัดการในส่วนระบายน้ำ พื้นที่ริมลำน้ำจะเดือดร้อน บริเวณอ่างทอง อยุธยา ตรงไหนที่เคยท่วมก็จะท่วม แต่กรุงเทพฯ ปริมณฑล ที่ไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำสายหลัก อาจจะเจอเรื่องฝนที่ตกมาเยอะแล้วระบายน้ำออกช้า อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูว่าร่องความกดอากาศที่พูดถึง ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคมมันจะลงมาอยู่ถึงช่วงไหน ตอนนั้นเราก็จะรู้ว่าบริเวณไหนฝนน่าจะตกเยอะ"
...
การบริหารจัดการน้ำของไทย :
อาจารย์อวิรุทธ์ กล่าวถึง การบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยในภาพรวมว่า ระบบระบายน้ำของเรายังไม่ได้มีความสามารถระบายน้ำได้สูงสุด เพราะช่วงที่ฝนตกเยอะมันจะมีปัญหาน้ำทะเลหนุน แต่ถ้าช่วงที่เกิดฝนแล้วไม่มีน้ำทะเลหนุน อันนี้พอจะเร่งระบายน้ำได้
อย่าง กทม. บางปะกงก็มีปัญหาลักษณะนี้ ที่ผ่านมาจะมีปัญหาขัดแย้งกันระหว่างคนลุ่มน้ำบางปะกง กับคนลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพราะถ้าฝนตกเยอะเขาจะเร่งระบายไปบางปะกง เกิดข้อขัดแย้งให้เห็นกันบ่อยๆ
ผู้เชี่ยวชาญฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเจ้าพระยาตอนล่างมีระบบการระบายน้ำในพื้นที่ชลประทาน คลองชัยนาท-ป่าสัก ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะเร่งระบายน้ำช่วงลพบุรี สระบุรี ส่วนช่วงที่จะต้องพร่องน้ำให้ได้คือสระบุรี จนถึงแถวฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ เช่น คลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ถ้าเป็นไปได้ต้องรีบเร่งระบายน้ำรอไว้ก่อนตอนฝนไม่ตก
"ต้องคาดการณ์และติดตามข่าวพายุ ว่าหากมีพายุเกิดที่ฟิลิปปินส์ ทะเลจีนใต้ อ่าวตังเกี๋ย แล้วมีแนวโน้มทิศทางเข้ามาทางเวียดนาม ไทยต้องเร่งพร่องน้ำและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม แต่ตอนนี้ยังคาดการณ์พายุไม่ได้ ดังนั้น มีแต่ต้องเตรียมตัวไว้ ช่วงที่ผ่านมาเกิดไปแล้ว 7 ลูก แต่พายุขึ้นไปทางญี่ปุ่น เกาหลี เลยไม่มีปัญหากับเรา"
...
การเตรียมรับมือ :
เมื่อถามว่าคนไทยต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไรบ้าง อ.อวิรุทธ์ ตอบว่า ขึ้นอยู่กับว่าคนไทยภาคไหน ถ้าภาคกลางต้องติดตามข่าวว่าน้ำมาตรงไหนบ้าง ลองดูข้อมูลของเขื่อนเจ้าพระยาได้ ว่าเขาปล่อยน้ำยังไง ปล่อยเท่าไร
"เพราะเขื่อนเจ้าพระยาจะรับน้ำได้ประมาณ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ถ้าเกิดน้ำที่มาเหนือเจ้าพระยามากกว่า 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก็มีโอกาสที่เขื่อนเจ้าพระยาจะระบายลงมาข้างล่าง"
ส่วนชาวอีสานต้องติดตามฝนและพายุจรที่จะเข้ามาช่วงกันยายน-ตุลาคม เพราะร่องมรสุมจะลงมาจากเหนือ ค่อยๆ ไล่ลงมาภาคกลางภาคอีสาน และจะพาดผ่านอยู่ประมาณนี้ และถ้าเกิดมีพายุเข้ามา คล้ายกับปี 2565 จนต้องระบายน้ำลงมา ก็มีโอกาสที่จะท่วมพื้นที่ข้างล่างของไทย
หากมีพายุจรเข้ามาเขื่อนขนาดเล็กต้องระวัง เพราะเขื่อนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง จะมีหน่วยงานหลักๆ ดูแล แต่เขื่อนขนาดเล็กบางแห่งถูกโอนถ่ายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแล เลยอาจจะไม่ได้ติดตามหรือดูแลตลอด บางจุดจึงอาจเสี่ยงเขื่อนพัง
อาจารย์อวิรุทธ์ สุขสมอรรถ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำ ทีมกรุ๊ป ทิ้งท้ายว่า ผมว่าปีนี้คงไม่เท่าปี 2554 เพราะปีนั้นพายุเข้ามาตั้งแต่ปลายมิถุนายน น้ำก็เยอะมาก ระบายลงมาข้างล่างเยอะ แต่ปีนี้ข้างบนเขื่อนยังเก็บน้ำได้อีกเยอะ เว้นแต่ลุ่มน้ำยมที่ไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่ น้ำอาจจะล้นมาบ้าง พอเลยช่วงนี้ไปร่องความกดอากาศลงมาข้างล่าง ข้างบนก็ไม่น่าห่วงอะไร
.........
อ่านบทความที่น่าสนใจ :