ไทยพบชาวยุโรปป่วยฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง (Mpox) สงสัยเข้าข่ายเป็นสายพันธุ์ “Clade 1” (เคลด 1) รายแรกของไทย จากการออกมาแถลงล่าสุดของ กรมควบคุมโรค คาดวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.นี้ จะยืนยันได้ 100% ว่าเป็นสายพันธุ์ใดกันแน่ หลังผู้ป่วยรายนี้เดินทางมาจากประเทศในแถบแอฟริกา มีการแพร่ระบาดของฝีดาษวานรสายพันธุ์ Clade 1b โดยเฉพาะ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีคนติดเชื้อประมาณ 18,000 คน เสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 ศพ

14 ส.ค. 2567 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ โรคฝีดาษลิง เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศอีกครั้งในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2565 จากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมีการแพร่กระจายของสายพันธุ์ Clade 1b อย่างรวดเร็วในประเทศแถบแอฟริกา โดยเฉพาะใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และสายพันธุ์ Clade 1b มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าสายพันธุ์ Clade 2b สายพันธ์ุก่อนหน้า 1% ขณะที่สายพันธุ์เดิมมีอัตราการรอดชีวิตสูงถึง 99.9%

ฝีดาษลิง Clade 1 อันตรายร้ายแรง เสี่ยงตายยกหมู่บ้าน

ล่าสุดพบ ฝีดาษลิงสายพันธุ์ Clade 1 จะมีความรุนแรงน่ากังวลมากกว่าสายพันธุ์อื่นหรือไม่? ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่า ฝีดาษลิงที่ระบาดขึ้นมามี 2 สายพันธุ์ คือ Clade 1 กับ Clade 2 และในส่วนสายพันธ์ุ Clade 1 ค่อนข้างอันตรายร้ายแรง อัตราความเสี่ยงในการเสียชีวิตมากถึง 10% เกิดขึ้นมานานแล้วในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก็เพราะอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าสายพันธุ์อื่น ทำให้ไม่ค่อยแพร่ระบาด เมื่อคนติดเชื้อแล้วจะเจ็บป่วยหนักจนเสียชีวิต หรือแทบจะเสียชีวิตกันทั้งหมู่บ้าน จึงไม่แพร่ระบาดหนักเป็นวงกว้างเหมือนโควิด

...

ในปี 2565 เริ่มมีการระบาดของฝีดาษลิง นำไปสู่วิวัฒนาการ และกลายสายพันธุ์มาจากเอนไซม์ “เอโพเบค 3” (APOBEC3) ทำให้เกิดสายพันธุ์ตระกูล Clade 2b แพร่กระจายในมนุษย์ดีขึ้น จนแพร่กระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย แม้ไม่อันตราย มีอัตราการรอดชีวิตสูงถึง 99.9% แต่อาจเป็นปัจจัยสำคัญนำไปสู่การระบาดครั้งใหม่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในปี 2567 มีความสุ่มเสี่ยงจะลุกลามเป็นการระบาดระดับโลกในอนาคต

“กลุ่มชายรักชาย หากเชื่อว่าใส่ถุงยางอนามัยจะปลอดภัย หรือใส่ถุงยางทั้งตัวไม่ได้ช่วยป้องกันอะไร ต้องย้ำว่าโรคนี้ไม่ใช่โรคทางเพศสัมพันธ์ แต่เกิดจากกอดรัดฟัดเหวี่ยง จนในปี 2565 เกิดการระบาดมาเรื่อยๆ แต่ไม่มาก จนมาปี 2567 มาเจอ Clade 1 กลายพันธุ์มาจาก Clade 1b และตัว Clade 2b ทำให้เกิดความกังวลใจ โดยเฉพาะคองโก คนติดเชื้อ Clade 1b ไปแล้ว 18,000 คน และเสียชีวิตเกือบ 500 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กมากถึง 70%”

นั่นแสดงว่าการติดต่อง่ายขึ้น เพราะเป็นเชื้อกลายพันธุ์ อีกทั้งเด็กเล็กไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่เหมือนผู้ใหญ่ที่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ และประเทศในแถบนี้ยากจน เด็กส่วนใหญ่ขาดสารอาหาร ย่ิงทำให้ไม่มีภูมิคุ้มกัน สามารถถ่ายทอดเชื้อผ่านสารคัดหลั่ง อยู่ใกล้กัน 1 ชั่วโมง ก็ติดเชื้อกันแล้ว ทั้งการสัมผัสสารคัดหลั่ง การใช้มือที่สัมผัสเชื้อขยี้ตา การไอหรือจาม และการระบาดครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ และไม่ใช่การติดเชื้อที่แพร่กระจายทางอากาศ หรือแอร์บอร์น นอกจากนี้สตรีมีครรภ์ที่ติดเชื้อ มีความเสี่ยงสูงต่อการแท้งบุตร 

ฝีดาษลิง Clade 1b แผลเห็นชัด ไม่ใช่ทุกคนต้องฉีดวัคซีน

แม้การตรวจหาเชื้อฝีดาษลิงสามารถยืนยันได้โดยการตรวจ PCR เป็นหลัก แต่ไม่สามารถยืนยันสายพันธุ์ได้ ต้องถอดรหัสพันธุกรรมส่งตัวอย่างไปประมวลผลยังห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาสายพันธุ์ ในเบื้องต้นคนติดเชื้อฝีดาษสายพันธุ์ Clade 1b จะเห็นแผลได้ชัด โดยมีอาการเกิดขึ้นทั้งตัว ไม่ได้อยู่ในร่มผ้าเหมือนกับ Clade 2b และหากเทียบกับโควิด น่าจะสังเกตได้ง่ายกว่า โดยแผลมีลักษณะไหม้เหมือนโดนบุหรี่จี้ หรือโดนความร้อน

ส่วนวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง มีทั้งแบบฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง และฉีดเข้าในชั้นผิวหนัง ป้องกันการติดเชื้อได้ใกล้เคียงกัน 66-89% จากงานวิจัยที่ระบุมี 3-4 กลุ่มที่แตกต่างกัน แต่ต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน หากฉีด 1 เข็ม ป้องกันได้เพียง 30% ส่วนราคาค่อนข้างแพง อยู่ที่ 8,500 บาทต่อโดส รวมราคา 17,000 บาท โดย 1 โดส สามารถฉีดได้ 4 คน แต่ต้องมาฉีดพร้อมกันเข้าชั้นใต้ผิวหนัง โดยผู้มีทักษะเฉพาะในการฉีด และผลข้างเคียงจะเจ็บๆ คันๆ

“คนไทยไม่ต้องฉีดกันทุกคน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันจากการเคยฉีดวัคซีนฝีดาษมาแล้ว ยกเว้นกลุ่มเสี่ยง เช่น ชายรักชาย บุคลากรทางการแพทย์ และคนที่ฉีดต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป เด็กฉีดไม่ได้ เพราะยังไม่มีงานวิจัยยืนยัน จะต้องระวังเป็นพิเศษ หากคนติดเชื้อจามไอใส่หน้าโดนสารคัดหลั่งแน่นอน แต่โอกาสแพร่เชื้อก็ไม่ง่ายเหมือนโควิด สังเกตแผลได้ง่ายบริเวณหน้า คอ แขน เห็นได้ชัด ตั้งแต่เริ่มติดเชื้อในระยะเวลา 1-22 วัน ขึ้นอยู่กับบางคนรับเชื้อมามากหรือน้อย หากติดเชื้อมาก ก็มีอาการชัด”

...

วิธีป้องกันที่ดีที่สุด กินร้อน ช้อนกลาง สวมหน้ากากอนามัย และฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยงสูง แต่กรณีที่ต้องอยู่ร่วมกับคนติดเชื้อ นอกจากสวมหน้ากากป้องกันแล้ว ขอย้ำว่าการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อได้ ต้องใช้สบู่ล้าง เพราะอนุภาคไวรัสเชื้อฝีดาษลิงมีมาก แต่ไม่อยากให้คนตระหนกหากระมัดระวังในการป้องกัน และขณะนี้โลกเต็มไปด้วยโรคระบาด เพราะขณะนี้บริเวณพรมแดนกัมพูชา มีเด็กหญิงวัย 15 ปี เสียชีวิตจากไข้หวัดนก H5N1 อยากให้คนไทยระวังตัวเช่นกัน.