ผู้การแต้ม ย้ำ 3 ประเด็นที่ควรสืบต่อ จากการฆาตกรรม 6 ศพ ชาวเวียดนาม แม้หลายเรื่องจะเริ่มกระจ่างชัดแล้ว ... 

ตอนนี้มีอยู่เรื่องเดียว ที่ยังไม่มีคำตอบ กับคดี “ไซยาไนด์” ฆ่าชาวเวียดนาม 6 ศพ ที่โรงแรมดังย่านราชประสงค์ คือ ที่มาขอยาพิษดังกล่าว มาจากไหน... ซื้อจากประเทศไทย หรือนำมาจากเวียดนาม หรืออย่างไรกันแน่...

ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น แรงจูงใจ ใครเป็นฆาตกรนั้น ตำรวจได้แถลงอย่างชัดเจนแล้ว ว่ามาจากปมหนี้สินหลักสิบล้าน และคนที่ฆ่าก็คือ หญิงสัญชาติอเมริกัน  

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม เจ้าของฉายามือปราบหูดำ มองว่า คดีนี้จะไม่มีอะไร...เพราะจากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เขาจะสอบสวนพยานบุคคล พยานแวดล้อม เช่น พนักงานโรงแรม คนเสิร์ฟอาหาร ทุกอย่างมันบ่งชี้ชัดว่า “ไม่มีใครเข้าไปในห้อง” 

หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ กล้องวงจรปิด มันก็เห็นชัด ว่าไม่มีคนอื่นเข้าไป 

พยานบอกเล่า : เอาชาไปส่ง พนักงานอาสาจะชงให้ แต่คนในห้องกลับไม่ยอม แสดงว่า หนึ่งในผู้เสียชีวิต เป็นคนชงเอง หรือวางยาพิษด้วยตนเอง 

ที่สำคัญของเรื่องนี้ คือ เมื่อทุกคนกินเสร็จแล้วนั้น เสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกัน... 

...

คำบอกเล่าของพยาน กับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แปลว่า ตอนนั้นพนักงานเอาน้ำมาเสิร์ฟ มีคนอยู่ในห้องคนเดียว ซึ่งคนคนนั้น อาจจะเป็นคนใส่ และอาจจะเป็นคนเรียกทุกคนมากิน อ้าว... คุยกันรู้เรื่องกันแล้ว มากินชากัน 

เมื่อทุกคนโดนยาพิษ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสียชีวิตกันทุกคน เชื่อว่าไม่ถึง 2-3 นาที เมื่อซดไปแล้ว ก็ฟุบไล่เรียงกันไป พร้อมๆ โดยบางคนไปตายในห้อง อีก 2 คนไปตายหน้าประตู  

“ส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องนี้ไม่มีลับลมคมในอะไร..”

ประตูหลังไม่ได้ล็อก ผู้การแต้ม มองว่า ด้วยห้องดังกล่าวเป็นห้องสวีต การมีประตูหลังและไม่ได้ล็อกนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเหมือนกับใช้เปิดเดินออกไปข้างนอก และที่สำคัญ คือ มีกล้องจับไว้หมดว่า ก่อนกินชา ตอนแรกทุกคนอยู่ข้างนอกทั้งหมด และคนที่ชงชา อยู่คนเดียว... 

“ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่คนคนนี้สามารถวางแผนฆ่าทุกคนได้ และฆ่าตัวเองด้วย ซึ่งหลายคนตั้งคำถาม ฆ่าคนอื่นแล้ว จะฆ่าตัวเองทำไม เรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นเยอะ เช่น ผัวยิงชู้ ยิงเมีย แล้วยิงตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่หนีความผิด กลัวจะต้องติดคุก กลัวอาย เรื่องนี้เป็นไปได้” 

หากจะทำแล้วหนี ก็ลำบาก เพราะกล้องทุกตัวในโรงแรมมันเชื่อมกันหมด ลงลิฟต์ก็มีกล้อง จะโรยตัวลงมามันก็ยาก

กล้าที่จะกินยาพิษ ต้องเป็นคนแบบไหน...คนเราจะมีเหตุนั้น มันมีความคิดชั่ววูบ เหมือนคนจะฆ่าตัวตาย ไม่ได้คิดอะไร ยกตัวอย่างบางคน ฐานะดี แต่เครียดนิดเดียวก็ทำ 

แต่มันก็มีวางแผน... ผู้การแต้ม บอกว่า มีแน่ ไม่งั้นก็คงไม่จัดเตรียมมา เช่น จะเช็กเอาต์ ก่อนเช็กเอาต์ ให้มารวมตัวกัน มากินอาหารด้วยกัน ชงชามากินด้วยกัน

“คนฆ่ามันวางแผนอยู่แล้ว ส่วนจะให้กินพร้อมกัน อาจจะมีการนัดแนะกันมากินข้าว กินชา กันก่อนกลับ ทุกคนก็กินพร้อมกัน แต่ถ้าจะให้กินทีละคน เป็นไปไม่ได้ เพราะคนหนึ่งกิน มีอาการ คนอื่นก็จะไม่กล้ากิน และคนที่ฆ่า จะต้องกินแก้วสุดท้าย เพราะมันมีอีกแก้วหนึ่ง ที่แยกออกไปตั้งอีกที่หนึ่ง”

แล้วเหตุใดต้องฆ่าคนไม่เกี่ยวข้อง ผู้การแต้ม เชื่อว่าทุกคนจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกันบางอย่าง ไม่งั้น คนกลุ่มนี้จะไม่เข้ามารวมตัวกัน มาอยู่ห้องเดียวกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ซึ่งเรื่องนี้ ตำรวจต้องไปสืบต่อที่เวียดนาม ว่าทุกคนเกี่ยวข้องกันอย่างไร  

...

สิ่งที่ตำรวจต้องสืบต่อ พล.ต.ต.วิชัย เจ้าของฉายามือปราบหูดำ ชี้ว่ามี 3 ประเด็น  

- มูลเหตุจูงใจในการฆ่า ต้องสืบให้ลึกกว่านี้ มีคนอื่นร่วมวางแผนหรือไม่ 

- ใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง รวมถึงคนที่อยู่ในเวียดนามด้วย 

- ที่มาของ ไซยาไนด์ 

ผู้การแต้ม ห่วงที่สุด คือ เรื่องที่มาของ “ไซยาไนด์” ใครส่งมา ซื้อที่ไหน เรื่องนี้เป็นอันตรายมาก เพราะ “ไซยาไนด์” จะเป็นเครื่องมือในการฆ่ากันต่อไป 

“ตำรวจต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ที่มาของไซยาไนด์ที่ใช้ก่อเหตุนั้น มาจากไทย หรือเวียดนาม และจากข้อมูลที่ได้คุยกับแพทย์นั้น พบว่า ไซยาไนด์ ในเวียดนาม หาซื้อง่ายกว่าไทยอีก บ้านเราต้องซื้อออนไลน์อย่างเดียว” 

สิ่งที่กลัวที่สุด คือ การจะกลายเป็นลัทธิ หรือการเลียนแบบ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่สมัยนี้ ฉะนั้น เรื่องนี้ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญ 

อ่านบทความที่น่าสนใจ 

...