ความจริงของคนค้าบริการ ทำอาชีพผิดกฎหมาย ต้องจำทน ถูกทำร้าย ถูกเอาเปรียบ ถูกรีดไถ และถูกย่ำยี จากใคร? จนความเป็นคนหายไป เพราะช่องโหว่ของกฎหมายโสเภณีปี 2539 หรือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ 2539 เป็นกฎหมายที่กลุ่มผู้ค้าบริการหวาดกลัว ถูกนำมาอ้าง เพื่อเอารัดเอาเปรียบพวกเขาสารพัด อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ติดตามปฏิบัติการ See True “ให้คุณเห็นความจริง”
ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ขายบริการทางเพศ มีหลายรูปแบบ หลายช่องทางให้เลือก และส่วนใหญ่มีการลงรายละเอียด ทั้งรูปภาพ อายุ สัดส่วน รูปร่าง และระบุราคาอย่างชัดเจนในโลกออนไลน์ เมื่อลองเข้าไปค้นหาอย่างน้อย 5 แพลตฟอร์มยอดฮิตในกลุ่มคนค้าบริการ มีราคาระบุไว้ทั้งหลักพัน หลักหลายพัน และค่อนข้างหาง่าย แล้วก็หาได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ทีมงานพยายามติดต่อขอพูดคุยคนขายบริการออนไลน์ แต่เกือบทั้งหมดปฏิเสธ ยกเว้นหญิงสาวคนหนึ่ง ยอมตอบคำถามมีความคิดเห็นอย่างไร? ถ้าอาชีพนี้ไม่ผิดกฎหมาย แล้วมีคำตอบสำคัญพิมพ์ตอบกลับมา “ถ้าข้อดีของการทำถูกต้องตามกฎหมาย ก็คือตำรวจเลวๆ จะไม่สามารถล่อซื้อ หรือรีดไถเงินได้ และที่สำคัญ ตำรวจจะไม่มาขอเอาฟรี หรือทำร้ายร่างกายเธอ”
...
ชีวิตไม่ปลอดภัย ถูกโกง-ทำร้าย ไม่มีใครช่วยได้ เจอมาเยอะ
นั่นแสดงว่าการขายบริการออนไลน์ แม้จะได้เงินดี แต่ก็มีความเสี่ยง และความไม่ปลอดภัยสูง เช่นเดียวกับชีวิตการทำงานของหญิงสาวคนนี้ ปัจจุบันอายุ 27 ปี เธอเล่าว่า ทำงานวันแรกเจอ 7 รอบรวด ตั้งแต่บ่ายโมงต่อเนื่องไปถึง 2 ทุ่ม ไม่ได้พัก คนนี้เสร็จแล้วอีกคนรอ มาติดๆ กัน จนผ้าเช็ดตัวบิดเป็นน้ำ จากการเริ่มไปขายบริการยังต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ก่อนกลับมาขายบริการออนไลน์ที่กรุงเทพฯ ในช่วงโควิด แล้วบินไปต่างประเทศไม่ได้
“เริ่มแรกทำผ่านเอเจนซี่ เป็นคนเอาเราลงเว็บไซต์ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าประเทศไทยก็มีแบบนี้ อย่างหนูอะ ไลน์กลุ่มเยอะมาก เป็นร้อยกลุ่มในเว็บไซต์ ก็มีหลายเว็บ แต่เคยเจอครั้งหนึ่ง ทำร้ายร่างกายค่ะ เขาก็มาช่วยอะไรเราไม่ได้ ตอนนั้นเราอยู่ในห้อง เหมือนคล้ายๆ คนเมายา มาต่อยที่หน้าขา แล้วเขาก็ผลักลงเตียง แล้วมันกระซิบข้างหูบอก พี่มีมีดนะ เราก็เลยรู้สึกว่า ถึงมีหรือไม่มีเอเจนซี่ มันก็ไม่ต่างกันเลย เราเสียเงินให้เขา เขาช่วยอะไรเราไม่ได้เลย” หญิงวัย 27 ปี กล่าว
การไม่มีคนกลาง ไม่มีเอเจนซี่ ก็อันตรายเช่นกัน มีกรณีจบงานแล้วให้เงินสด และขณะอาบน้ำได้ยินเสียงปิดประตู เพราะลูกค้าคว้าเงินที่วางไว้บนโต๊ะเอาไปด้วย ให้เงินปลอมก็เคยเจอ ปล้นเงินก็มี มาเอาบ้างก็มี มาแบบเต็มยศสีกากี ก็คิดว่าโดนฟรี ซึ่งคนทำอาชีพนี้กลัวโรงพักมากกว่าโจร หากไปแจ้งความก็ไม่คุ้ม มีแต่จะเสีย เจอมิจฉาชีพในคาบลูกค้ามาเอาเปรียบเป็นจำนวนมาก เพราะรู้ว่าเราไม่กล้า ถึงกล้าก็ไม่คุ้ม
จากประสบการณ์ทำงานกับเอเจนซี่ หรือสังกัด จะมีการเช่าคอนโด หรือโรงแรมรายเดือน เพื่อรองรับลูกค้า มีการลงเวลาเข้างาน ออกงานเป็นรอบ เมื่อมีลูกค้ามาใช้บริการ จะถูกหักเงิน 500 บาท เป็นค่าจัดการหรือค่าจัดหาลูกค้า กระทั่งทุกวันนี้หญิงสาวรายนี้ เลือกออกมารับงานเอง ในการลงประกาศหาลูกค้าในช่องทางออนไลน์ มีการพูดคุย คัดกรองลูกค้าด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่ามีความปลอดภัยมากกว่า
ก.ม.โสเภณี ปี 39 ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้น ยิ่งทำให้หวาดกลัว
พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ 2539 เป็นกฎหมายที่กลุ่มผู้ขายบริการทางเพศหวาดกลัว เพราะช่องโหว่ของกฎหมายฉบับนี้ อาจถูกนำมาอ้าง เพื่อเอารัดเอาเปรียบคนทำงานค้าบริการ โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่ผู้ค้าบริการในพัทยา มักจะโดนจับ 1.เตร็ดเตร่เพื่อการค้าประเวณีในยามวิกาล (เป็นกฎหมายที่เคยมี…แต่ถูกยกเลิกไปแล้ว) 2.แต่งกายเลียนแบบสุภาพสตรี เพื่อหลอกลวงนักท่องเที่ยว 3. ยืนบดบังทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองพัทยา และ 4. ค้าประเวณี ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
“สุรางค์ จันทร์แย้ม” ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) ระบุว่า กฎหมายที่เอามาครอบ ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น แต่มันทำให้ความเป็นมนุษย์ ความเป็นคนของเขา ที่เหมือนคนอื่นมันหายไป ทำไมมันต้องมามีกฎหมายเฉพาะ เราคิดว่ากฎหมายฉบับนี้ มันเป็นกฎหมายที่ฤทธิ์ร้อน ความเป็นคนเราคงต้องมองข้ามผลประโยชน์ที่ไม่มีคนบางกลุ่มได้ เราก็ทำยังไงที่จะให้ความเป็นมนุษย์ หรือความเป็นคนของพี่น้องเซ็กซ์ เวิร์กเกอร์ ให้ออกมาเหมือนคนอื่นเขา
...
เช่นเดียวกับ “แอนนา” อัญชณาภรณ์ พิลาสุตา เจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ และเป็นอดีตคนทำงานบริการ สะท้อนประสบการณ์การถูกเจ้าหน้าที่รัฐ จับ ปรับ เรียกเงิน จากข้อหาที่ถูกยกเลิกไปแล้ว หรือข้อหาที่ไม่เคยมีอยู่จริง โดยคนทำงานอาชีพนี้ไม่สามารถปฏิเสธ หรือโต้แย้งได้ เพราะเป็นอาชีพที่ทำผิดกฎหมาย หากเดินไปทำงานในวอล์กกิ้งสตรีท หรือไปในสถานที่ต่างๆ จะโดนเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคน ขอดูบัตรประชาชน และบอกต้องไปเสียค่าปรับข้อหาค้าประเวณี ซึ่งยังไม่มีการค้าประเวณีเกิดขึ้นตอนนั้น แค่เดินก็โดนข้อหาแล้ว
“เราจะใช้ชีวิตต่อยังไง ค้าประเวณีในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งฉันเดินไปเวียนเทียน เดินทางไปวัดก็ถูกจับ ช่องโหว่ที่มันมีเนี่ย เราอยากจะเรียกร้องอะไรบ้าง เพื่อแก้ปัญหาในอาชีพเรา ไม่อยากให้แก้ไข แต่อยากให้ยกเลิกเลย ยกเลิกกฎหมายป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี ปี 2539 ยกเลิกกฎหมายตัวนี้ออกไป แล้วก็ไม่อยากให้บัญญัติกฎหมายใหม่ มาเพื่อที่จะมากดทับ ยกเลิกก็คือยกเลิกไปเลย แล้วก็ให้พนักงานบริการ อยู่ภายใต้กฎหมายแรงงาน ถ้ายกเลิกกฎหมายนี้ไป ก็เหมือนเป็นการสนับสนุนให้คนมาเป็น อยากจะถามกลับคนที่ถามว่าถ้ามันถูกต้อง คุณจะมาเป็นเซ็กซ์ เวิร์กเกอร์ ไหม” คำพูดพรั่งพรูออกจากปากแอนนา
...
อาชีพถูกฝัง อย่าเอากฎหมาย ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ทีมงาน See True ลงพื้นที่ ขุดคุ้ยหาความจริง ได้เจอกับกลุ่มผู้ขายบริการที่หลากหลาย ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วความต้องการของเขาเหล่านั้นคืออะไร อย่างมุมมองของที่ปรึกษาธุรกิจสถานบริการ เห็นว่าประเด็นสถาบัน องค์กรของรัฐที่เปิดสิทธิให้แก่บุคคลทั่วไป ก็ควรจะเปิดสิทธิให้กับคนทำงานที่อยู่ในภาคของสถานบันเทิงหรือสถานประกอบการเหล่านี้ อย่างอาบอบนวดหรืออะไรก็ตาม ให้ได้รับสิทธิเท่ากับบริษัท หรือองค์กรอื่น
ขณะที่อดีตผู้ประกอบการอาบอบนวด ก็บอกว่า ต่างประเทศไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ว่าการยกเลิกกฎหมายค้าประเวณีก็ไม่ได้เห็นด้วย ควรใส่กฎหมายไปบางข้อว่า เฉพาะคนที่มีใบอนุญาตเท่านั้น อยู่ในโซนนิ่งเท่านั้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเท่านั้น ที่รับชาวต่างชาติ
หรือหากว่าวันพรุ่งนี้ อาชีพนี้ไม่ผิดกฎหมาย สำหรับผู้ค้าบริการแล้ว นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการหรือไม่? ซึ่งหนึ่งในผู้ค้าบริการ บอกว่า ไม่ได้อยากให้ถูกกฎหมาย ยอมโดนค่าปรับที่โดนจับไป 500 บาท ก็เพราะอยากได้เงิน อยากหาเงิน
เช่นเดียวกับผู้ให้บริการอาบอบนวด เห็นว่า สมมติถ้าทางรัฐบาลช่วย และถามกลับว่าประกอบอาชีพอะไร ก็ไม่อยากมีตัวตนดีกว่า ถ้าเกิดผลกระทบต่อการทำงานเซ็กซ์ เวิร์กเกอร์ ก็ไม่ต้องการ รวมถึงหญิงสาวผู้ค้าบริการออนไลน์ ก็มองว่า มาคุ้มครอง ก็คงไม่ใช่ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ได้รับการยอมรับ เราไม่ได้ต้องการที่จะมาคุ้มครองหรืออะไร แต่แค่อย่าเอาเปรียบก็พอ ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้น สามารถที่จะมีคนช่วยเหลือ สามารถเข้าไปที่โรงพัก แล้วแจ้งความได้
...
คำตอบจากผู้ค้าบริการ มีทั้งเห็นดี และไม่เห็นด้วย บางคนหวาดกลัว จะถูกเปิดเผยอาชีพ แต่สิ่งที่ต้องการเหมือนกัน คือการไม่ถูกข่มเหง เอาเปรียบ แม้ไม่ถูกกฎหมาย แต่ก็ไม่ควรถูกกฎหมาย ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อย่างที่ “สายรุ้ง” นักเที่ยวบาร์โฮสต์ ระบุ ทั้งๆ ที่รู้ว่าการค้าประเวณีดึงดูดรายได้ให้กับประเทศเรา ก็อยากให้อาชีพแบบนี้ ขึ้นมาจากพื้น หลังจากโดนขุดและฝังอยู่ ให้มันมีศักดิ์มีศรีบ้าง
ก่อนการปิดท้ายของ “สุรางค์ จันทร์แย้ม ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) อยากเห็นสังคมที่ยอมรับความเป็นจริง อยู่กับความเป็นจริง ว่ามันมีอยู่จริง อาชีพเซ็กซ์ เวิร์กเกอร์ หรืออาชีพขายบริการมันมีอยู่จริง แล้วมันเป็นการขายบริการที่เขาสมัครใจ เพราะนี่มันคืออาชีพที่เขามีทางเลือก ไม่ต้องการอะไรที่เหนือกว่าใคร แต่เราต้องการเรื่องความเท่าเทียม แล้วเราไม่ควรที่จะทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกต่อไป
ไม่ว่ากฎหมายโสเภณี ปี 2539 จะถูกยกเลิกหรือไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราได้คำตอบนั่นคือเมืองไทย คือซ่องแห่งโลก และประเทศไทย มีอาชีพโสเภณีอยู่จริง เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยว เป็นสวรรค์ของนักเที่ยวราตรี ที่มาหาความสุขกับเรือนร่าง และนี่คือคำตอบ อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ติดตามภารกิจ See True “ให้คุณเห็นความจริง” ในตอนสุดท้าย ในวันศุกร์ที่ 12 ก.ค.นี้ ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ ช่อง 32 เวลา 21.00 น.