ครอบครัวเด็ก 3 ขวบ ที่จมน้ำเสียชีวิตในหนองน้ำกลางทุ่งนา ตรงข้ามกับศูนย์รับเลี้ยงเด็ก จ.ศรีสะเกษ ยังมีข้อสงสัยต่อการเสียชีวิตของลูก กังวลถึงข้อพิรุธตั้งแต่การดูแลของครูในศูนย์ฯ ที่ปล่อยให้ลูกออกมาจากสถานที่ดูแลไกลถึง 800 เมตร เพียงลำพัง ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วิเคราะห์ 6 ข้อพิสูจน์ ที่จะไขความลับคดี โดยเฉพาะการที่ร่างน้องลอยขึ้นมาเร็วผิดปกติ รวมถึงการที่ไม่มีคราบโคลนในหลอดลม

คดีเด็ก 3 ขวบ จมน้ำเสียชีวิตในหนองน้ำกลางทุ่งนา อ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ กลายเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม เนื่องจากมีข้อพิรุธที่น่าสงสัย เพราะในวันที่ 14 มิ.ย. 67 หลังจากทางบ้านมาส่งน้องที่ศูนย์เด็กเล็กตอนเช้า ครูเห็นน้องครั้งสุดท้ายในศูนย์ฯ เวลา 11.45 น. บริเวณบันได ก่อนที่น้องจะหายออกไปจากพื้นที่ ทำให้มีการตามหา จนพบร่างเด็กน้อยจมน้ำบริเวณทุ่งนา ที่อยู่ห่างออกไป 800 เมตร

กลายเป็นปมสงสัย เกิดการตั้งคำถามถึงครูที่ทำงานในศูนย์ฯ ปล่อยให้เด็กหลุดรอดออกมาจากพื้นที่เพียงลำพัง โดยจุดพบศพ มีรองเท้า แพมเพิส ถูกถอดทิ้งไว้ข้างคันนา ทำให้มีข้อพิรุธทั้งพฤติกรรมของเด็กอายุเพียง 3 ขวบ จะสามารถทำได้ถึงขนาดนั้นก่อนจมน้ำเสียชีวิตหรือไม่ นำสู่การหาข้อเท็จจริงในพื้นที่ของหลายฝ่าย ขณะเดียวกันมีการให้ข้อมูลที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากมีคนพบชายลึกลับมาที่ศูนย์ฯ ก่อนน้องจะหายตัวลึกลับ

...

ผลการชันสูตรร่างของน้อง พบตรงกันว่า ขาดอากาศหายใจ จากการจมน้ำ มีการสำลักเอาน้ำเข้าไปในปอด มีฟองอากาศบริเวณจมูกและปาก โดยเด็กจมน้ำ ยังมีชีวิต แต่ไม่พบโคลนในปอด ไม่มีร่องรอยทำร้าย

6 ข้อพิสูจน์ไขความลับคดีการตาย

ข้อพิรุธการเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ "รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) วิเคราะห์ว่า จากการผ่าชันสูตรศพน้องพบว่ามีความสอดคล้องกันทั้ง 2 โรงพยาบาล ระบุว่าสาเหตุการตายมาจากการจมน้ำ พบน้ำในช่องปอด มีฟองอากาศบริเวณปากและจมูก เชื่อว่าระหว่างจมน้ำ เด็กยังมีชีวิตอยู่ในช่วงแรก ก่อนเสียชีวิตในน้ำต่อมา
แต่มีการตั้งคำถามการเสียชีวิตดังนี้

- ไม่พบโคลนในหลอดลม ทั้งที่บ่อที่น้องจมมีโคลน แต่ทางนิติเวชศาสตร์อธิบายได้ว่า การที่น้ำจะเข้าไปในหลอดลม แต่ไม่ทิ้งคราบโคลนไว้ มีปัจจัยมาจากบ่อน้ำที่จมเป็นน้ำนิ่ง โคลนในบ่อจางไม่หนาแน่นมาก เมื่อเข้าสู่ปอด โคลนไม่ทิ้งร่องรอยให้เห็นด้วยตาเปล่าชัดเจน ประกอบกับร่างน้องไม่ได้จมสู่ท้องน้ำแบบอยู่นาน ทำให้แรงกดของน้ำไม่ถูกดันเข้าไปสู่ปอดได้ในปริมาณที่มากพอจะนำโคลนเข้าไปด้วย ต่างจากคดีคุณแตงโม ที่จมในแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือวิ่งและตีโคลนให้หมุนวน จนเกิดแรงดันเข้าไปในปอด และเป็นการจมสู่พื้นล่างของแม่น้ำ

- ประเมินเสียชีวิต 1-2 ชั่วโมง แต่ศพกลับลอย ทั้งที่ความเป็นจริงศพจะลอยเหนือน้ำ เมื่อจมมาแล้ว 24 ชั่วโมง กรณีนี้สภาพศพมือกับเท้าลอยเหนือน้ำนิดเดียว แต่ลำตัวที่ใส่เสื้อมีฟองอากาศพองออกมาคล้ายการตีโป่ง ทำให้อากาศที่อยู่ในเสื้อพยุงร่างน้องให้ลอยได้ ประกอบกับความลึกของน้ำไม่มาก ทำให้ไม่มีแรงกดเยอะ ถึงอย่างไรกรณีนี้ ศพต้องจมลงไปในน้ำก่อน การที่ศพลอยขึ้นมา ดังนั้นการที่ศพลอยขึ้นมาเร็ว ไม่ใช่มูลเหตุที่ระบุได้ว่าเป็นการถูกฆาตกรรม

...

- หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ สำคัญมากต่อการไขคำตอบให้กับคดีนี้ อยู่ที่รองเท้า แพมเพิส กางเกง ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องมีการตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ เพื่อหาว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

- รองเท้าที่พบในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่รองเท้าของน้อง และเป็นไซส์ที่เล็กกว่า ตามข้อมูลครอบครัวระบุว่าน้องใส่รองเท้าผ้าใบเองไม่เป็น การใส่รองเท้าที่เล็กกว่าเดินมาไกลถึง 800 เมตร ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถ้าใส่จริง ใครเป็นคนใส่รองเท้าให้

- แพมเพิส มีรอยดินโคลน แต่กางเกงไม่มี ส่วนรองเท้าไม่มีรอยโคลน รอยฝุ่นไม่ชัดเจน ถือเป็นข้อพิรุธที่ต้องหาสาเหตุ ด้านระยะทางการเดิน คนที่ตอบได้ดีที่สุดคือ ครอบครัวว่าน้องสามารถเดินไกลได้ขนาดนั้นหรือไม่

- คดีนี้ถ้ามีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง หลักฐานสำคัญจะคลี่คลายคดีได้คือ หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานส่วนนี้ครบถ้วนหรือไม่ ถ้ายังควรรีบเก็บ เพราะไม่ควรปล่อยไว้นาน.