18 มิ.ย. 67 ลุ้น 4 การพิจารณาคดีสำคัญเขย่าการเมืองไทย โดยเฉพาะฝั่ง "เพื่อไทย" มีการร้องให้พิจารณาการทำหน้าที่ของนายกฯ หากมีการตัดสินที่มีผลกระทบต่อพรรค จะยังคงรักษาฐานอำนาจเดิมได้หรือไม่ เช่นเดียวกับ "ก้าวไกล" มีการพิจารณายื่นยุบพรรคในวันเดียวกัน นักวิเคราะห์การเมืองมองว่า "ทฤษฎี 3 ล้ม" จะไม่เกิดขึ้นจริง แม้ เพื่อไทย จะมีผลกระทบต่อการเมืองในระยะยาว ขณะก้าวไกล ยังคงถูกโดดเดี่ยว

หรือเรื่องบังเอิญอาจไม่มีจริง เพราะวันที่ 18 มิ.ย.นี้ มี 4 คดีที่เกี่ยวโยงกับการเมืองไทย ซึ่งนัดพิจารณาพร้อมกับประกอบด้วย 1.กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ถึงความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ กรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

2.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคภายในกำหนด 10 ปี โดยองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจลงมติ และฟังคำวินิจฉัยในวันดังกล่าว

...

3.อัยการได้นัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้มารายงานตัวเพื่อยื่นฟ้องต่อศาล ตามที่อัยการสูงสุดมีคําสั่งฟ้องฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากก่อนหน้านี้นายทักษิณ ได้ขอเลื่อนคดีโดยอ้างการป่วยติดเชื้อโควิด-19

4.กรณีศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวม 2 คำร้อง มาขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่

เพื่อไทย ผลคำตัดสินคดีสั่นคลอนอำนาจ

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์แรงสั่นสะเทือนการเมือง จากการพิจารณา 4 คดีในวันเดียวกันว่า หากมีการตัดสินในทุกคดี จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมาคอการเมืองบางกลุ่มเชื่อทฤษฎี 3 ล้ม ซึ่งส่วนตัวยังคงยืนยันเสนอล้มที่ 4 คือ ล้มเลิกความคิดนี้ เพราะสุดท้ายไม่มีผลดีต่อบ้านเมือง แทนที่จะได้พัฒนาประเทศไปกันต่อ

“ทฤษฎี 3 ล้ม หลายคนปักใจเชื่อ เพราะมีการพิจารณาหลายคดีในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ แต่เท่าที่ประเมินคาดว่า มีคดีเดียวเท่านั้นที่อ่านคำวินิจฉัยคือ กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการเลือก สว.ในรอบนี้ ส่วนคดีเกี่ยวกับคุณเศรษฐา และการยุบพรรคก้าวไกล ยังคงต้องมีกระบวนการพิจารณาต่อไปอีก ซึ่งจะมีการนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันอื่น เช่นเดียวกับกรณีคุณทักษิณ อาจมีกระบวนการพิจารณาต่อไปอีก”

น่าสนใจว่า 2 คดีที่มีความสัมพันธ์กันแบบไม่เป็นทางการคือ กรณีการพิจารณาการทำหน้าที่ของคุณเศรษฐา กับกรณีคุณทักษิณ ถ้ามีการพิจารณาที่เป็นผลลบ จะส่งผลต่อการบริหารจัดการภายในพรรคเพื่อไทย เพราะต้องยอมรับว่า คนในพรรคเพื่อไทยยังมีความเคารพคุณทักษิณอยู่

...

ก้าวไกล มีโอกาสย้ายขั้วหรือไม่

รศ.ดร.ยุทธพร วิเคราะห์จุดเปลี่ยนทางการเมือง ที่มีการพิจารณา 4 เรื่องในวันเดียว จะยังไม่มีผลต่อการเมืองในทันที แต่มีผลในระยะยาวที่เกี่ยวกันใน 2 คดีคือ คดีของคุณเศรษฐา กับการยุบพรรคก้าวไกล เพราะถ้ามีการพิจารณาให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่ง ต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ และต้องมีการฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่ เช่นเดียวกันกับการพิจารณาการยุบพรรคก้าวไกล หากพิจารณาว่าถูกยุบ สส. ในพรรคต้องหาสังกัดใหม่ภายใน 60 วัน ถ้าเกิดขึ้นจริง สส.ในสังกัดอาจมีพรรคสำรองรออยู่แล้ว แต่มีโอกาสถูกดึงไปอยู่พรรคใหม่ได้ ซึ่งทั้ง 2 คดีนี้มีความสัมพันธ์กัน ในเชิงความได้เปรียบทางการเมือง

“กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ามีการยุบพรรคก้าวไกล มีโอกาสที่ สส.ในพรรคจะหันไปร่วมกับภูมิใจไทย ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมาก แม้ก้าวไกลจะอยากรวมกับภูมิใจไทย แต่เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่อยากรวมกับพรรคก้าวไกล”

พรุ่งนี้ (18 มิ.ย. 67) ต้องจับตาการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นคำตอบว่า คนที่พยายามเสนอ ทฤษฎี 3 ล้ม จะล้มเลิกความคิดหรือไม่ แต่ถึงอย่างไร ก็อยากให้เห็นถึงประชาชนในภาครวมของประเทศ ที่ทุกวันนี้ก็ยากลำบากในการหากินอยู่แล้ว ถ้ายิ่งเกิดปัญหาทางการเมืองเพิ่มขึ้นมาอีก จะยิ่งมีปัญหาหนัก.

...