รสชาติทุเรียน "หมอนทอง” ของไทย ไม่เป็นรองใคร แต่คู่แข่งสำคัญในตลาดจีนอย่างเวียดนาม ได้เปรียบด้านการขนส่ง ขณะมาเลเซีย คาดจะได้รับอนุญาตส่งทุเรียนสดเข้าจีนปลายปีนี้ และจะสร้างแรงกระเพื่อมให้ตลาดทุเรียนเกรดพรีเมียม เพราะมีการโปรโมตในจีนมาตลอดว่า “มูซังคิง เป็นคิงออฟทุเรียน” โดยผู้ประกอบการไทยวิเคราะห์การทำการตลาดภาครัฐไทย ช้ากว่าคู่แข่ง
ภานุศักดิ์ สายพานิช ประธานที่ปรึกษาสมาคมทุเรียนไทย กล่าวว่า กรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าทุเรียนไทยเสียแชมป์ให้เวียดนามในการส่งออกทุเรียน เป็นไปได้ยาก เพราะไทยมีปริมาณการส่งออกทุเรียนที่มากกว่า แม้ปีนี้เจอภัยแล้ง แต่มีทุเรียนที่ปลูกใหม่ พร้อมให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นในปีหน้าอีกจำนวนมาก ถ้าไม่มีผลกระทบจากสภาพอากาศ ปีหน้ามีผลผลิตทุเรียนออกมามากกว่าปีนี้ ส่วนการสวมสิทธิทุเรียนต่างชาติมาเป็นทุเรียนไทย ต้องเฝ้าระวังทุเรียนจากฝั่งกัมพูชา เพราะเป็นประเทศเพื่อนบ้านชาติเดียวที่ยังไม่ได้สิทธิในการส่งทุเรียนไปจีน
...
คู่แข่งการส่งออกทุเรียนไปจีนที่น่ากลัวคือ มาเลเซีย ที่คาดว่าได้รับอนุญาตส่งทุเรียนสดไปจีนได้ปลายปีนี้ แม้หลายคนมองว่าทุเรียนพันธุ์ “มูซังคิง” และ “หนามดำ” มีรสชาติสู้หมอนทองไทยไม่ได้ แต่ต้องยอมรับว่า มาเลเซีย ทำการตลาด “มูซังคิง” ในจีนไว้ดีมาก จนทำให้คนจีนเชื่อว่า “มูซังคิง เป็นคิงออฟทุเรียน” เพราะมีการโปรโมต ใช้พนักงานทำการตลาดเป็นร้อยคนในจีน และทำต่อเนื่องมาหลายปี
ถ้าเทียบเรื่องรสชาติ “หมอนทอง” ยังมีรสชาติดีกว่า “มูซังคิง” แต่ด้วยพลังของการตลาด ทำให้คนจีนเชื่อ เพราะหลายครั้งที่มีการนำมาเปรียบเทียบกันในจีน แต่ก็ไม่มีหน่วยงานรัฐไทยออกมาโต้แย้งว่าหมอนทองดีกว่า เลยทำให้คนจีนบางส่วนเชื่อว่า “มูซังคิง” ดีกว่า แม้มีรสขมก็โฆษณาว่าเป็นเหมือนกับอัลมอนด์คั่ว ที่มีรสขมถือว่าเป็นของดี เลยทำให้ราคาในตลาดไม่ห่างจากหมอนทอง.