การขนย้ายกากแคดเมียมจำนวนมหาศาล กลับสู่หลุมฝังกลบที่จังหวัดตาก ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของปัญหา แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการตีแผ่ ขบวนการทุนสีดำ ทำธุรกิจกากขยะพิษ จะทำให้ไทยเป็นแหล่งทิ้งของเสียอันตราย จนกลายเป็น “แผ่นดินกากสารพิษ” อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ติดตามได้ในภารกิจ “See True” ภายหลังลงพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เคยมีการรั่วไหลของสารแคดเมียม จนชาวบ้าน 3 ตำบลในต.พระธาตุผาแดง ต.แม่ตาว และต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนหลายร้อยคน กลายเป็นผู้ป่วยและเสียชีวิต เพราะสารแคดเมียมปะปนอยู่ในอากาศ น้ำ และอาหารที่กินเข้าไป 

ปรากฏการณ์แคดเมียม และสารพิษปนเปื้อน อาจไม่ได้เกิดแค่ในพื้นที่จ.ตาก แต่มันอาจเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงใกล้บ้านคุณ และหนึ่งในนั้นมีโรงงานแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี อยู่ใต้เงาทุนจีนสีเทา อาจเชื่อมโยงกับบริษัท อิฟง จำกัด ในต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เคยตรวจพบถุงบิ๊กแบ็ก บรรจุกากแคดเมียมภายในโกดังเก็บสินค้า จำนวน 4 พันตัน หรือ 4 ล้านกิโลกรัม เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา 

...

ผงะ!! วัตถุปริศนา คล้ายแคดเมียม กลิ่นกำมะถันคลุ้ง

ทีมงานภารกิจ “See True” ได้สัญญาณจากตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อร่วมพิสูจน์ความจริงระหว่างการตรวจค้นโรงงานแห่งนี้ในจ.ชลบุรี สถานที่เก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ มาจากหลายประเทศ อาจมีกากสารอันตรายจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มปฏิบัติการเตรียมรื้อโซ่คล้องประตูโรงงาน และพยายามเจรจา เพื่อขอเข้าตรวจค้นด้านใน มีการแสดงหมายค้นอย่างถูกต้อง แต่ข้างในโรงงานไม่มีทีท่าว่าจะเปิดกุญแจให้ จนในที่สุดต้องทุบกุญแจและตอกกุญแจปังๆๆ และเห็นบริเวณด้านในโรงงาน รั้วโรงงาน เต็มไปด้วยถุงบิ๊กแบ็กจำนวนมากวางกองอยู่

เมื่อบุกเข้าไปจากประตูโรงงาน ราว 200 เมตร พบอาคารหลังหนึ่ง มีเครื่องปรับอากาศเปิดทิ้งไว้ และน่าจะมีคนเฝ้าอยู่ เมื่อตำรวจเข้าไปในอาคาร พบชาวจีน 3 คน นั่งนิ่งอยู่ด้านใน และอีกคนคุยโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังมีชาวจีน 2 คน ซ่อนตัวอยู่ในรถยนต์สีขาว ซึ่งตำรวจขอตรวจสอบพาสปอร์ต และขอค้นรถ แต่คนจีนอีกคนยังคงคุยโทรศัพท์ไม่หยุด และชาวจีนกลุ่มนี้ อ้างว่าไม่ใช่เจ้าของโรงงาน และไม่ได้ทำงานอยู่ในโรงงาน แต่เป็นเพียงลูกค้าเข้ามาติดต่อซื้อขายขยะเท่านั้น 

แต่เหลือเชื่อที่ทั้งโรงงาน จะมีเพียงลูกค้าแต่ไม่มีเจ้าของ หรือคนงานทำงานอยู่เลยแม้เพียงคนเดียว ทั้งที่ด้านนอกปิดล็อกกุญแจ ขณะที่ตำรวจคุยกับล่ามที่เข้ามาสอบถามถึงการตรวจค้น และยืนยันมีหมายค้นอย่างถูกต้อง ซึ่งการตรวจค้นโรงงานพบว่าไม่มีใบอนุญาตประกอบการกิจการโรงงาน นั่นก็คือโรงงานเถื่อน ขณะที่ "ชวาล พลเมืองดี" สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ยืนยันว่าเจ้าของโรงงานแห่งนี้เป็นคนจีน เครือข่ายเดียวกันกับบริษัทอิฟงฯ ในต.คลองกิ่ว เคยตรวจพบแคดเมียม

...

จากการเดินอ้อมมาด้านข้างอาคาร ได้พบวัตถุปริศนาในถุงบิ๊กแบ็ก ซุกซ่อนอยู่ด้านหลังโรงงาน มีลักษณะคล้ายๆ แคดเมียม ที่พบไปก่อนหน้านี้ และดูคล้ายกับกากแร่สีดำ แต่ละถุงอาจมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 1,000 กิโลกรัม และมีไม่น้อยกว่า 20 ถุง พร้อมกับได้กลิ่นคล้ายกำมะถัน คลุ้งไปทั่วทั้งอาคาร

ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เอาไปหลอม สร้างมลพิษ อันตรายสูง

นอกจากสิ่งที่คล้ายกากแร่แล้วยังมีขยะจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวนมาก และหลายชิ้น ดูไม่คุ้นตา น่าจะไม่มีในประเทศไทย คาดว่าอาจนำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อแยกชิ้นส่วนแล้วหลอม เพื่อเอาโลหะมีค่า เช่น ทองคำ ทองเหลือง ทองแดง ไปขาย ซึ่งวิธีการแยกแร่มีค่าจากขยะนี้ ถูกห้ามทำอย่างเด็ดขาดในประเทศจีน ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เพราะสร้างมลพิษ อันตรายสูง จึงทำให้ธุรกิจแยกและหลอมขยะพิษ ย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย

ในโรงงานแห่งนี้ มีขยะจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปะปนอยู่ และขยะประเภทนี้พบว่าเคยเป็นข่าวดังเมื่อปี 2561 มีขยะอิเล็กทรอนิกส์ถูกจับที่ท่าเรือแหลมฉบัง หลังจากนั้นทางหน้าสื่อ ก็แทบไม่มีข่าวการจับกุม บุกตรวจขยะอิเล็กทรอนิกส์อีกเลย ทั้งที่ปริมาณการนำเข้าขยะประเภทนี้ พุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ตลอดช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา

...

มีตัวเลขที่น่าสนใจ ก่อนที่จีนจะห้ามธุรกิจแยกแร่มีค่าออกจากขยะ มีปริมาณการนำเข้าขยะจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย อยู่ราวปีละ 2 ล้านกิโลกรัม แต่นับตั้งแต่ปี 2561 หลังจีนห้ามแยกแร่จากขยะ ได้มีตู้ขนขยะจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมหาศาล มุ่งหน้าสู่ท่าเรือของไทย จนมีจำนวนการนำเข้าขยะต่อปี เพิ่มขึ้นมากราว 3,000% หรือ 30 เท่า

“ดาวัลย์ จันทรหัสดี” ผู้ประสานงานเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษอุตสาหกรรม ภายใต้แผนงานมูลนิธิบูรณะนิเวศ ระบุว่า จีนใช้ไทยเป็นฐานรีไซเคิลของขยะโลก และรีไซเคิลเสร็จก็เอาของที่รีไซเคิลมีค่ากลับประเทศของเขา และสิ่งที่ไทยได้ คือ กากของเสียอันตราย ถูกฝังกลบทิ้งไว้ในประเทศไทยของเรา

...

นี่คือต้นทางของปัญหา ทำให้การพบกากแคดเมียม อยู่ตามโรงงานหลอมขยะในโรงงานสมุทรสาคร ชลบุรี และเขตบางซื่อ กทม. โดยเจ้าของธุรกิจหลอมขยะพิษนี้จำนวนมาก คือ ชาวจีน มีคนไทยอำนวยความสะดวก เอื้อประโยชน์ ทั้งด้วยนโยบายรัฐบาล นักการเมืองในสภา และเจ้าของพื้นที่ในท้องถิ่น ทำให้ชาวจีนสามารถเป็นเจ้าของโรงงาน เพื่อหลอมกากสารพิษอันตรายในไทยได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ติดตามได้ในภารกิจ See True “อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” ตั้งแต่วันที่ 7-10 พ.ค. 2567 ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ ช่อง 32 เวลา 21.00 น.