กากแคดเมียมจากจ.ตาก สารพิษอันตรายถูกขุดขึ้นมาขาย และเก็บไว้ใกล้ชุมชนในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ชลบุรี และเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ จำนวนมหาศาล เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธุรกิจมืดข้ามชาติ กำลังทำให้ดิน น้ำ อากาศรอบๆ ตัวเราทุกคนเป็นพิษ หากไม่มีการแก้ไข ไทยจะเป็นแผ่นดินกากสารพิษ แม้มีความพยายามขนย้ายกากแคดเมียมลอตแรก 258 ตัน กลับไปจ.ตาก เมื่อเช้าตรู่วันที่ 30 เม.ย. 2567 แต่ก็ต้องสะดุด เพราะโซ่รถแบ็กโฮที่ใช้เกี่ยวยกถุงกากแคดเมียม ไม่สมดุลระหว่างการยกทำให้โซ่ขาด จึงต้องปรับแผนใหม่

ถนนในพื้นที่ ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก เป็นเส้นทางเข้าโรงงานของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของกากแคดเมียม ในการนำกากแคดเมียมจำนวนมาก กลับไปไว้ที่บ่อในโรงงานตามเดิม เคยดำเนินธุรกิจเหมืองแร่สังกะสีและถลุงโลหะสังกะสี ตั้งแต่ปี 2524 ภายใต้ชื่อบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และได้ทำให้สารแคดเมียมรั่วไหลในลำน้ำห้วยแม่ตาว จนชาวบ้าน 3 ตำบลในต.พระธาตุผาแดง ต.แม่ตาว และต.แม่กุ อ.แม่สอด จ.ตาก จำนวนหลายร้อยคน ต้องกลายเป็นผู้ป่วย เพราะสารแคดเมียมปะปนอยู่ในอากาศ น้ำ และอาหารที่กิน 

...

ต่อมาชาวบ้านเป็นโจทก์ร่วมฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อบริษัทผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และบริษัทตากไมนิ่ง จำกัด ตั้งแต่เมื่อปี 2552 กระท่ังวันที่ 6 มิ.ย. 2562 ศาลฎีกาแผนกสิ่งแวดล้อม มีคำพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จ่ายชดเชยค่าเสียหายแก่ชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายเจ็บป่วยจากสารแคดเมียม เป็นเงินตั้งแต่ 20,200-104,000 บาท ขณะที่บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เคยแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2561 ว่ายุติการทำเหมืองแร่สังกะสี ในปี 2559 และยุติธุรกิจสังกะสี ปลายปี 2560 โดยหันมามุ่งเน้นธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและธุรกิจอื่นๆ     

ขนกากแคดเมียมไปไว้ที่เดิม ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น

กระทั่งล่าสุดกากแคดเมียมปรากฏให้เห็น ท่ามกลางความกังวลของผู้คนเกรงว่าเป็นอันตราย นำไปสู่การแก้ไขปัญหาในการนำกากแคดเมียมจำนวนมากไปไว้ที่บ่อเดิม นั่นไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น เพื่อพิสูจน์ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ติดตามได้ในภารกิจ “See True” ให้เห็นความจริง จากการลงพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เคยทำให้คนไทยทั้งประเทศช็อกมาแล้ว 

เพราะเมื่อปี 2547 สถาบันอีมี (IWMI-International Water Management Institute) ได้เปิดเผยผลการเก็บข้อมูลและวิจัยตั้งแต่ปี 2545-2546 พบว่ามีการปนเปื้อนสารแคดเมียมในพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะข้าว กระเทียม และถั่วเหลือง เกินกว่าค่ามาตรฐาน ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อร่างกาย เกิดภาวะไตวาย หรือป่วยโรคอิไตอิไต ส่งผลต่อเลือดและตับ ส่วนภาครัฐต้องสั่งให้งดกินข้าวที่ปลูกในพื้นที่ 3 ปี แม้กระทั่งปู ปลา หอย ก็ปนเปื้อนแคดเมียม

ต่อมาโรงพยาบาลแม่สอดและสาธารณสุขอำเภอแม่สอด ได้ตรวจร่างกายประชาชนใน 13 หมู่บ้าน จำนวน 7,730 ราย พบว่าชาวบ้านมีสารแคดเมียมปนเปื้อนอยู่ในเลือด กระดูก และปัสสาวะ ในระดับสูงกว่าปกติเป็นจำนวนมากถึง 844 ราย โดย 40 ราย มีอาการไตวายและไตเสื่อม อีก 219 ราย อยู่ในภาวะไตเริ่มเสื่อม และยังมีอาการนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และภาวะกระดูกพรุน ซึ่งมีการออกบัตรผู้ป่วยโครงการแคดเมียมให้กับชาวบ้าน

...

ต่อสู้ยาวนาน ฟ้องชนะ ได้เงินชดเชย ไม่ได้ใช้ เพราะตายก่อน

แม้ศาลพิพากษาให้ชาวบ้านชนะ ได้เงินชดเชยคนละประมาณ 1 แสนบาท แต่การต่อสู้ที่ยาวนานหลายปีตั้งแต่ปี 2552 ได้มีชาวบ้านหลายคนทยอยล้มป่วย และเสียชีวิต ก่อนจะได้ใช้เงินชดเชย บางคนนอนติดเตียง เดินเหินอย่างยากลำบาก และที่เจ็บปวดที่สุดไม่สามารถหาผู้กระทำความผิดจากกรณีนี้ได้ ภายหลังหน่วยงานที่ลงพื้นที่สันนิษฐานว่า การปนเปื้อนสารแคดเมียมเป็นผลมาจากการทำเหมืองของบริษัท ผาแดง อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และบริษัท ตากไมนิ่ง จำกัด แต่บริษัททั้ง 2 แห่งได้ปิดกิจการไปแล้ว

หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ “ป้าภิรมณ์ ใจรุณ” ได้พูดถึงความจริงอันแสนเจ็บปวดของคนลุ่มน้ำแม่ตาว และชี้ให้เห็นน้ำห้วยแม่ตาวที่ไหลเข้าในนา เคยเป็นคราบเหลืองสีเหมือนสนิม เมื่อ 3 ปีแรกมีการรั่วไหลของสารแคดเมียม มีการเข้าสู่ร่างกายมานานจนกินกระดูก ทำให้มีอาการปวดเวลานอนกลางคืน และเวลาเดินจะตัวโค้งลง หน้าแทบไถล บางคนตายก่อนจะได้ใช้เงินที่ฟ้องชนะ ส่วนใหญ่ล้มตายด้วยโรคมะเร็ง รวมทั้งสามีของเธอด้วย

...

คนลุ่มน้ำแม่ตาว ต้องทนอยู่กับสารมรณะ ไปจนวันตายหรือ?

นี่คือส่วนหนึ่งความเจ็บปวดของคนลุ่มน้ำแม่ตาวในอดีต ถามว่าจะต้องทนอยู่กับสารมรณะนี้ไปจนวันตายหรือ? ทั้งดิน น้ำ และเลือดของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับบ่อเก็บกากแคดเมียมนับแสนตันของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) จะเป็นอย่างไร? มีแค่ลวดหนามเป็นเส้นแบ่งความเป็นกับความตาย ระหว่างบ้านของคนในพื้นที่ตั้งอยู่ติดกับบริษัทเท่านั้น และห่างจากป่าไปไม่เกิน 100 เมตร ก็คือบ่อแคดเมียมที่กำลังเกิดปัญหาอยู่ในขณะนี้ แม้มีความหวาดกลัว กังวล แต่ทำอะไรไม่ได้

...

เพื่อพิสูจน์แคดเมียมปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม และประวัติศาตร์จะซ้ำรอยหรือไม่? ทางทีมงานภารกิจ “See True” ได้เก็บตัวอย่างน้ำบ่อบาดาลในชุมชนรอบเหมืองไปตรวจ เพื่อหาการปนเปื้อน และจุดที่ 2 ได้เก็บตัวอย่างน้ำจากลำรางสาธารณะ ที่ไหลไปสู่นาข้าวชาวบ้าน  และสิ่งที่น่ากังวลมากขึ้น คือ ลำรางสายนี้ไหลลงแม่น้ำปิง หนึ่งในแม่น้ำ 4 สาย แม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน จะมาบรรจบมาเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา 

หากพบการปนเปื้อนแคดเมียม ชะตากรรมคนในพื้นที่อาจจะเจ็บป่วย และทนทุกข์ทรมาน ไม่ต่างจากคนลุ่มน้ำแม่ตาวในอดีต สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้น คือ ปรากฏการณ์แคดเมียม และสารพิษปนเปื้อน อาจไม่ได้เกิดแค่ในพื้นที่จ.ตาก แต่มันอาจเกิดขึ้นในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงใกล้บ้านคุณด้วย

ติดตามภารกิจ "See True" อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ตั้งแต่วันที่ 7-10 พ.ค. 2567 ทางรายการไทยรัฐนิวส์โชว์ ช่อง 32 เวลา 21.00 น. โดยตอนต่อไปบุกทลายโรงงานเถื่อนขยะพิษ "จีนเทา" ใช้ไทยเป็นแหล่งถลุงกากสารพิษและหลอมขยะอันตราย ทองแดง ตะกั่ว แคดเมียมจากทั่วโลกนำมาหลอมในไทย จนแผ่นดินไทยกลายเป็นที่รองรับขยะอันตรายจากทั่วทุกสารทิศ.