อดีตนายกฯ "ทักษิณ ชินวัตร" เตรียมได้รับการพักโทษ วันที่ 18 ก.พ. นี้ หลังมีชื่อ 1 ใน 930 ที่ผ่านการพิจารณา ถึงมีข้อสงสัยในการรักษาตัวบนชั้น 14 รพ.ตำรวจ แต่สำหรับ "พรรคเพื่อไทย" อดีตนายกฯ ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ เสมือนแบรนดิ้ง ที่ยังไม่สิ้นมนตร์ขลัง แต่การเรียกคะแนนนิยมจากประชาชนให้กลับมาได้เหมือนในอดีต ถือเป็นความท้าทาย ที่มาพร้อมโจทย์คนรุ่นใหม่ ซึ่งส่งแรงกระเพื่อมให้คนหลังฉาก ต้องติดบ่วงอีกครั้ง
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ท่าทีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หลังได้รับการพักโทษ น่าจะมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาทางการเมืองแก่พรรคเพื่อไทย แต่น่าสนใจว่า การเมืองไทยยุคนี้ก้าวข้ามคุณทักษิณไปมากแล้ว ดังนั้น บทบาทที่ปรึกษาจะเป็นผลดี ในการใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา
ต้องยอมรับว่า บริบททางการเมืองและสังคมไทยวันนี้เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมีบทบาทมากในสังคม ทำให้ทัศนคติทางการเมือง และค่านิยมต่อพรรคการเมืองจะเปลี่ยนไป ประกอบกับขณะนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เป็นทางเลือกเดียว ในฝั่งการเมืองฟากประชาธิปไตย แต่มีพรรคใหม่ๆ เกิดขึ้น เช่น พรรคก้าวไกล ที่มีฐานของอุดมการณ์คล้ายคลึงเพื่อไทย จึงทำให้มีการดึงคะแนนเสียงระหว่างกันของสองพรรคนี้
...
ประกอบกับการที่เพื่อไทย เป็นแกนนำรัฐบาล ย่อมถูกวิจารณ์อยู่เสมอ จึงไม่ใช่ปัจจัยที่ง่ายที่คุณทักษิณจะกลับมาสร้างแบรนดิ้งทางการเมืองที่ได้รับการยอมรับเหมือนกับอดีต ผนวกกับการสื่อสารที่รวดเร็ว ทำให้ฐานเสียงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เห็นได้จากกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ถึงจะมีความเก่าแก่ แต่ถูกวิกฤติความเปลี่ยนแปลงเล่นงานอย่างหนัก
เพื่อไทย ก็กำลังเจอกับสภาวะวิกฤติ แต่ก็พยายามปรับเปลี่ยนตัวเองให้เท่าทัน ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่คุณทักษิณ ก็ต้องออกมาช่วยเป็นเบื้องหลังในการให้คำปรึกษา
ต่อให้รอบนี้คุณทักษิณจะเป็นที่ปรึกษาทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะทำให้ได้รับการยอมรับอย่างท่วมท้นเหมือนกับอดีต ทางรอดจำเป็นต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเมือง เพราะทุกวันนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ มีความนิยมในพรรคก้าวไกลค่อนข้างมาก และเหนียวแน่นมากขึ้น
ยุคก่อนการเมืองไทยจะเน้นความนิยมจากนโยบายที่โดนใจ แต่ตอนนี้บริบททางการเมืองเปลี่ยนไป คนหันมานิยมพรรคการเมืองในเชิงอุดมการณ์เป็นการแบ่งขั้นทางการเมือง ประกอบกับคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ซึมซับในผลงานของคุณทักษิณในอดีต
“การสร้างแบรนดิ้งของคุณทักษิณ ทางการเมืองต่อจากนี้ จะต้องเป็นการเมืองในยุคใหม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีความพยายามรีแบรนด์ตัวเองในนาม พี่โทนี่ ช่วงก่อนการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทัดทานกระแสความนิยมของพรรคก้าวไกลได้ จนสูญเสียคะแนนนิยมของพรรคการเมืองอันดับ 1 ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคขึ้นมา”
กรณีการสร้างแบรนด์และภาพลักษณ์แบบ "พี่โทนี่" สะท้อนให้เห็นว่า การสร้างตัวตนเพียงอย่างเดียวอาจไม่ประสบความสำเร็จ แต่ต้องมีการเปลี่ยนโครงสร้างของพรรคการเมือง ปรับให้มีพื้นที่ของพรรคที่จะเชื่อมต่อกับสังคมคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น
...
“คนรุ่นใหม่ที่เข้าในพรรคเพื่อไทย ต้องมีสตอรี่ที่เป็นจุดขายให้กับพรรค เชื่อมต่อกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ควรเป็นเพียงดาราที่มีชื่อเสียงอย่างเดียวเหมือนสมัยก่อน โดยต้องมีดารา เซเล็บ เหมือนกับที่พรรคก้าวไกลมีพิธา ที่สร้างตัวตนเป็นดาราบนเวทีการเมืองได้”
ต้องยอมรับว่า ยังมีกลุ่มคนที่ตกค้างจากความขัดแย้งยุคก่อนอยู่ แต่ก็มีอยู่จำนวนน้อย ขณะที่ภาพรวมของการเมืองไทย กำลังก้าวสู่สิ่งใหม่ หรือความขัดแย้งใหม่ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต.