2 ปมร้อนสั่นสะเทือนวงการ "วิทยาศาสตร์" และ "นักวาดภาพประกอบ" เมื่อหญิงสาว 2 ราย ออกมาโพสต์ข้อความถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของคนดัง ที่มีลักษณะการล่วงละเมิดทางเพศ จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์ ทำให้คนในวงการเดียวกันออกมาคว่ำบาตร ด้านผู้เชี่ยวชาญเผย ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เคยชินกับสังคมชายเป็นใหญ่ ชื่นชมเหยื่อกล้าออกมาเปิดความจริง เผยเหยื่อ 80% โทษตัวเอง จนป่วยซึมเศร้าเรื้อรัง

กรณีแรกของ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ มีหญิงรายหนึ่งออกมาโพสต์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ด้วยการทำร้ายจิตใจลักษณะด่าทอ ต่อว่าให้อาย ถูกลดทอนศักดิ์ศรี ด้อยค่าความเป็นมนุษย์ มีการทักมาจีบ โทร.หาตอนกลางคืน หลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาออกมาโพสต์ตอบโต้ ยอมรับถึงคำพูดไม่เหมาะสม ยืนยันไม่มีการล่วงละเมิดทางเพศอย่างที่ถูกกล่าวหา

ส่วนอีกรายเป็นนักวาดภาพประกอบชื่อดัง เหยื่อได้โพสต์เล่าย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน ได้ไปทำงานกับชายดังกล่าว ระหว่างทำงานมีการพูดเปรยทำนองว่าน่าอุ้มจัง จากนั้นอ้อมมาด้านหลังเหยื่อ ก่อนสอดแขนเข้ามา โดยท่อนแขนนาบกับหน้าอกของเธอ แต่ฝ่ายหญิงยังกัดฟันทำงานจนเสร็จสิ้น ทั้งที่กลัวพฤติกรรมที่เกิดขึ้น กรณีนี้นักวาดภาพชื่อดังได้ออกมาโพสต์ขอโทษสำนึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น

...

ล่วงละเมิดทางเพศ ทำร้ายจิตใจเหยื่อ ป่วยซึมเศร้า

จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า พฤติกรรมการล่วงละเมิดทางเพศของ 2 คนดัง เกิดขึ้นได้กับทุกอาชีพ โดยส่วนใหญ่ผู้ที่กระทำจะมีความคิดแบบชายเป็นใหญ่ แสดงออกกับเหยื่อที่อยู่ภายใต้อำนาจ เป็นลูกน้อง หรือคนในครอบครัวที่ไม่มีทางต่อสู้

“ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้เหยื่อเริ่มออกมาเปิดเผยมากขึ้น โดยเฉพาะในโลกโซเชียล แต่สิ่งที่เป็นผลร้ายด้านจิตใจต่อเหยื่อยังคงอยู่ เพราะเหยื่อผู้หญิงที่มาพบที่มูลนิธิฯ เมื่อตกเป็นเหยื่อมักโทษตัวเอง ทำให้มีภาวะซึมเศร้าตามมากว่า 80% ถือเป็นผลบอบช้ำที่เกิดขึ้น ขณะที่ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่อ้างว่าไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงก็รู้ว่าทำอะไรอยู่”

2 กรณีที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมด้านลบที่ซุกซ่อนอยู่ในทุกวงการ ต้องชื่นชมการคว่ำบาตรของผู้ที่ร่วมวงการ เพราะถ้าเพียงออกมาขอโทษ อาจทำให้ผู้กระทำผิดไปทำผิดซ้ำอีก จริงแล้วสังคมไทยควรมีมาตรการจัดการกับพฤติกรรมเหล่านี้อย่างเป็นระบบ โดยต้องมีคนกลางที่ให้เหยื่อสามารถร้องเรียนได้ในที่ทำงาน หรือมีหน่วยงานกลางคอยรับฟัง แต่ที่ผ่านมาเหยื่อหลายรายไม่มีผู้รับฟัง เมื่อไปบอกผู้อื่นก็จะถูกซ้ำเติมว่าแต่งตัวล่อแหลม

อยากส่งกำลังใจให้ผู้ที่กำลังถูกกระทำหันมาต่อสู้ อย่ามัวแต่โทษตัวเอง ทั้งที่จริงคนที่กระทำต่อเราต้องได้รับบทเรียน ขณะที่สังคมในวงการต่างๆ ควรมีการคว่ำบาตรคนแบบนี้ให้มากที่สุด

สำหรับโรงเรียน หรือพ่อแม่ อยากให้สอนลูกถึงความเท่าเทียม และไม่แสดงพฤติกรรมทั้งด้านร่างกาย จิตใจต่อผู้อื่น ขณะเดียวกันหากถูกล่วงละเมิดควรลุกขึ้นมาต่อสู้ ถ้ามีหลักฐาน เช่น คลิปเสียง ข้อความ สามารถนำไปดำเนินคดีต่อได้ เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้สำนึก.