กระสือมีจริงหรือในยุคนี้ เมื่อลุงวิเชียร ดวงเกศ อายุ 70 ปี เจ้าของเล้าหมู พื้นที่ต.บ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ออกมาเล่าเรื่องที่ประสบพบเจอให้กับชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงว่าเจอกระสือเป็นหญิงชราผมขาวสีดอกเลา บริเวณลำคอลำไส้ห้อยมีแสง จ้องหน้าแยกเขี้ยวใส่ ในช่วงกลางดึกประมาณกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา และเจออีกครั้งคล้ายกับแสงไฟเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ไม่นานมานี้ จนสร้างความหวาดกลัวให้กับคนในพื้นที่หลายตำบล ไม่กล้าออกไปข้างนอกในยามวิกาล

กระแสข่าวที่ออกมาทางฝ่ายปกครองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงร่วมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับชาวบ้าน กระทั่งได้ข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.โพธิ์ตรุ ซึ่งบ้านอยู่ติดกับลุงวิเชียร ได้พบหน้ากากปิศาจแยกเขี้ยวผมยาวประบ่าสีทองอมน้ำตาล ถูกทิ้งอยู่ปากซอยบริเวณใกล้ๆ บ้านลุงวิเชียร ในวันรุ่งขึ้นหลังลุงวิเชียรอ้างว่าเจอกระสือ ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะมีคนสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า เพื่อมาขโมยไก่ชนของลุงวิเชียร และเมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายพิษณุ ประภาธานานันท์ นายอำเภอเมืองลพบุรี ได้ทำรายงานข้อเท็จจริงด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี 

แต่ลุงวิเชียร ยังคงยืนยันว่ากระสือมีจริง เจอครั้งแรกช่วงเวลาตีหนึ่งครึ่ง ขณะกำลังไปวิดน้ำ และอีกครั้งตอนนำเป็ดตายไปแขวนล่อช่วงประมาณตี 2 แล้วเห็นแสงไฟกะพริบ ก่อนกระสือจะเอาเป็ดไป แต่ไม่พบซาก และการออกมาระบุเป็นโจรสวมหน้ากาก ทางลุงวิเชียรเชื่อว่าเป็นการออกข่าวไม่ให้ชาวบ้านหวาดกลัว ส่วนหน้ากากมีคนเอามาทิ้งไว้หน้าบ้านเป็นการใส่ความ และกระสือที่เห็น ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนหน้ากากแต่อย่างไร

ลุงวิเชียรชี้ให้ดูจุดที่แขวนเป็ด อ้างว่ากระสือฉกไปกิน
ลุงวิเชียรชี้ให้ดูจุดที่แขวนเป็ด อ้างว่ากระสือฉกไปกิน

...

กระสือเรื่องความเชื่อกับไม่เชื่อ เกิดมาไม่เคยเจอ

ขณะที่ “ธานี ทรัพย์มูล” นายก อบต.โพธิ์ตรุ ระบุลุงวิเชียร อาศัยพื้นที่บ้านเบิก ตรงข้ามบ้านโพธิ์ตรุ ซึ่งอยู่คนละฝั่งคลอง ได้ออกมาบอกชาวบ้านไปทั่วว่าพบเห็นกระสือ ก็ลงพื้นที่หาข่าว พร้อมกับเตือนชาวบ้านให้ระวังโจรขโมยเครื่องมือการเกษตร และในวันถัดไปทางผู้ใหญ่บ้านได้เจอหน้ากากขณะวิ่งออกกำลังกาย บริเวณปากทางฝั่งตรงข้ามบ้านลุงวิเชียร ภายหลังลุงวิเชียรออกมาบอกว่าเจอกระสือ แต่ไม่ฟันธงว่าหน้ากากเกี่ยวกับการปรากฏตัวของกระสือหรือไม่

“ถามว่ากระสือมีจริงหรือไม่ ต้องบอกว่าตั้งเกิดมาจนอายุ 50 กว่าไม่เคยเจอกับตา เป็นเรื่องความเชื่อกับไม่เชื่อ จนทางอำเภอลงพื้นที่อบต.โพธิ์ตรุ เพื่อหาข่าว และได้ข้อมูลจากผู้ใหญ่บ้าน มีหลักฐานเป็นหน้ากาก แต่ก็ต้องหาข่าวกันต่อไป เพราะกังวลชาวบ้านจะหวาดกลัว ต้องออกตรวจกันทุกคืนร่วมกับตำรวจ ส่วนใครเชื่อไม่เชื่อไม่เกี่ยว ไม่มีใครบังคับใคร หากลุงวิเชียรเชื่อก็เชื่อไป ว่าเจอกระสือตอนตื่นมาช่วงตี 1 ตี 2 เรื่องนี้เกิดมาเกือบเดือนแล้ว ลุงวิเชียรก็เที่ยวไปเล่าให้ชาวบ้านในตลาด ก็บอกปากต่อปากกันไป และการพิสูจน์รอยมือจากหน้ากาก ก็ยากมากเพราะผ่านไปเกือบเดือน กล้องวงจรปิดแถวนี้ก็ไม่มี มันเปลี่ยวมาก และทุกวันนี้ยังมีเครื่องวิดน้ำของชาวบ้านหาย”

เรื่องความเชื่อกระสือ ไม่ลบหลู่ แต่ส่วนตัวไม่เคยเจอ คนแก่ในพื้นที่ก็ไม่กลัว เพราะไม่เคยเจอมาก่อน แต่ก็มีคนร่ำลือกันมา และคิดว่าตอนกลางคืนช่วงหว่านข้าว มีการใช้ตะเกียงจุด เดินกลางทุ่งนาและยังมีแสงไฟรถวิ่งสลับไปสลับมา จนคนคิดว่าเป็นกระสือก็ได้ ยกเว้นถ้าหมู่บ้านอยู่ตรงรอยต่อระหว่างกัมพูชาหรือสปป.ลาว ก็ยอมรับว่าแถวนั้นมีการเล่นวิชาอาคมจริง แต่บ้านโพธิ์ตรุและใกล้เคียง อยู่ในพื้นที่เจริญแล้ว และผู้ใหญ่บ้านที่ไปเจอหน้ากาก ก็ไม่ใช่คนเหลาะแหละ ส่วนลุงวิเชียร ไปพูดตามความเชื่อบอกกับชาวบ้านก็ไม่ผิด แม้พื้นที่บ้านโพธิ์ตรุ อยู่คนละฝั่งคลอง เมื่อมีกระแสข่าวออกมาจากบ้านเบิก ก็ต้องหาข้อเท็จจริงรายงานต่อนายอำเภอ ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ แล้วแต่การพิจารณา

“กระแสกระสือมาถึงจุดนี้ ไม่น่าเกิดขึ้น กลัวว่าคนทำจะได้ใจ จะเกิดกระแสหนักเกิดความฮึกเหิม หากเกิดจากการกระทำของคน จนอยากจะสแกนตรวจนิ้วมือกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ แต่เสียดายเรื่องของลุงวิเชียรเกิดมาเป็นเดือนแล้ว พิสูจน์รอยนิ้วมือบนหน้ากากไม่ได้ และไม่มีใครคิดว่าจะเป็นอย่างนี้จนคนคิดเหมือนลุงวิเชียรพูด อ้างว่าเห็นกระสือลอยแค่หัวแค่คอในพื้นที่นั้นพื้นที่นี้ หากเป็นเรื่องของคนพิเรนทร์ คงสนุกกันมาก ป่านนี้คงนั่งหัวเราะอยู่ที่บ้าน”

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.โพธิ์ตรุ เจอหน้ากากปริศนาใกล้ๆบ้านลุงวิเชียร
ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.โพธิ์ตรุ เจอหน้ากากปริศนาใกล้ๆบ้านลุงวิเชียร

...

คนพิเรนทร์ในคราบโจรใส่หน้ากาก จ้องขโมยไก่ชน

ส่วนตัวคิดว่าเป็นฝีมือของคนพิเรนทร์ในคราบโจร เพราะลุงวิเชียรนอกจากเลี้ยงหมู เป็ด ไก่แล้ว ยังเลี้ยงไก่ชนมีราคา การจะมาขโมยหมูน้ำหนักมากๆ ให้ตัดไป แต่ถ้าไก่ชนราคาแพงก็ต้องเอา และคืนนั้นหมาเห่าจนลุงวิเชียรตื่นขึ้นมาเสียก่อน คิดว่าคนที่ตื่นขึ้นมาในช่วงเวลานั้นน่าจะมีอาการงัวเงียอ้างว่าเจอกระสือ และยอมรับหน้ากากแบบนี้น่ากลัวจริงๆ หากใครเจอในตอนกลางคืนก็ต้องกลัวกันทุกคน

แม้ไม่ปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อ ก็คิดเช่นนั้น หรือวัยรุ่นบางคนอาจหลอนยาเวลาไปหากบหาเขียด บางคนไปปักเบ็ด คิดว่าไฟส่องสีส้มๆ ที่เห็นเป็นกระสือ จนพูดกันไปใหญ่โต คาดว่าอีก 1-2 เดือนหลังเจอหน้ากากเป็นหลักฐาน เรื่องคงเงียบลงถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็น่าจะจบลง.