สำรวจความหวาดกลัว 1 วัน หลังเยาวชน 14 ปี ก่อเหตุร้ายที่พารากอน ความครึกครื้นหายสิ้นเหลือทิ้งเพียงความเงียบเหงา นักท่องเที่ยวต่างชาติยอมรับไม่สบายใจ...

วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 16.00 น. เกิดเหตุสร้างความสะเทือนขวัญให้ประเทศไทยอีกหนึ่งครั้ง เยาวชนชายอายุ 14 ปี อุกอาจถืออาวุธปืนขนาด 9 มม. บุกเดี่ยวยิงผู้มาใช้บริการห้างกลางเมือง อย่าง 'พารากอน' ทำให้เกิดการตื่นตระหนกและความวุ่นวาย สุดท้ายมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 

3 ตุลาคม 2566
3 ตุลาคม 2566

รายงานขณะนี้พบว่า มี ผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาวจีนและชาวเมียนมา และ ได้รับบาดเจ็บ 5 คน ชาวไทย 3 คน ชาวจีน 1 คน และชาวลาว 1 คน ส่วนเยาวชนผู้ก่อเหตุ เบื้องต้น ผบก.น.6 แจ้ง 5 ข้อหาหนัก คือ

1. ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

2. พยายามฆ่า

3. มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

...

4. พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

5. ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอื่นหรือไม่ ตอนนี้อยู่ระหว่างการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม

3 ตุลาคม 2566
3 ตุลาคม 2566

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เดินทางลงพื้นที่ห้าง 'พารากอน' เพื่อพูดคุยกับนักท่องเที่ยว และผู้มาใช้บริการ พร้อมทั้งสอบถามความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เพื่อเป็นแนวทางป้องกันเหตุลักษณะนี้ที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

บรรยากาศหลังวันเกิดเหตุ :

บรรยากาศช่วงห้างเปิดทั้งภายในและภายนอก บรรยากาศของนักท่องเที่ยวและผู้มาใช้บริการค่อนข้างเงียบเหงา ทีมข่าวฯ คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเพิ่งเปิดให้บริการจึงเกิดบรรยากาศลักษณะนี้ แต่เวลาผ่านไปจนล่วงเลยถึงประมาณ 13.00 น. ด้านนอกก็ยังคงเงียบเหงา แม้ด้านในมีชาวต่างชาติมาใช้บริการพอสมควร 

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

ประมาณ 10.00 น. มีสื่อจากหลายสำนักมารอทำข่าวบริเวณหน้าห้าง 'Martin Lowe' นักข่าวจาก CGTN รายการข่าวโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษของสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน ภายใต้เครือข่ายโทรทัศน์ภาคบริการโลกแห่งประเทศจีน กำลังรอทำข่าวอยู่หน้าห้างพารากอน เปิดเผยกับทีมข่าวฯ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เป็นโศกนาฏกรรมที่น่าตกใจ เพราะผู้ก่อเหตุ เป็นเพียงนักเรียนอายุ 14 ปี ลักษณะตอนถูกจับกุมเหมือนคนไร้สติ ไม่มีแรงจูงใจ หรือข้อบ่งชี้ว่ามีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเหยื่อรายใดรายหนึ่ง 

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

และผู้เคราะห์ร้ายมีชาวต่างชาติอยู่ด้วย คาดว่าเหตุการณ์นี้จะสร้างความกังวล และความไม่สบายใจแก่นักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เนื่องจากมีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ถือว่าเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าห่วงสำหรับประเทศไทย ที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาต้องทำงานหนัก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และประคับประคองเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ 

...

ผู้ขับขี่วินจักรยานยนต์ตรงข้ามห้างพารากอน ให้ข้อมูลว่า ปกติช่วงที่ห้างเปิดให้บริการ จะมีนักท่องเที่ยวมาเยอะ แต่วันนี้มีผู้มาใช้บริการบางตากว่าปกติ คาดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากโศกนาฏกรรมเมื่อวานนี้ และคิดว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกประมาณ 1 อาทิตย์ มากสุดคง 1 เดือน

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

ณ จุดเกิดเหตุ :

วันนี้ 'ธัญปวีณ์' หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์น่าหวาดกลัว จำเป็นที่จะต้องเดินทางมาทำธุระแถวนี้อีกครั้ง แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะสร้างความผวาให้เธอประมาณหนึ่ง แต่ก็คงไม่เท่ากับพี่สาวของเธอ เพราะ หลังจากกลับบ้าน ช่วงกลางดึกพี่สาวนอนผวาสะดุ้งตื่นแทบทุกชั่วโมง

3 ตุลาคม 2566
3 ตุลาคม 2566

...

เธอเล่าให้ฟังว่า เดินออกจากพารากอนก่อนจะมีการยิงเกิดขึ้น เพื่อเดินไปเจอพี่สาวที่รออยู่ที่สยามสแควร์วัน ขณะที่กำลังเดิน ก็มีคนวิ่งออกมากันเต็มไปหมด และ BTS ได้เอาที่กั้นลง เธอยืนงงอยู่แป๊บนึง กระทั่งคนที่วิ่งมาตะโกนบอกให้เธอวิ่ง อย่าหยุดนิ่ง ตอนนั้นเธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องวิ่งไว้ก่อน

โชคดีของเธอ และประชาชนหลายคน ที่พนักงานของร้านค้าต่างๆ พยายามเรียกให้เข้าไปหลบด้านในก่อนจะปิดประตูลง ธัญปวีณ์ต้องอยู่ในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งประมาณครึ่งชั่วโมง เนื่องจากพนักงานแจ้งว่า ขอยังไม่เปิดประตูขึ้นจนกว่าสถานการณ์ด้านนอกจะสงบลง

3 ตุลาคม 2566
3 ตุลาคม 2566

มาตรการป้องกันของห้าง :

ธัญปวีณ์ พูดถึง 'การแจ้งเตือน' ไว้ว่า ขณะเกิดเหตุ ทางห้างไม่มีประกาศแจ้งเตือนใดๆ แต่หลังจากทำการจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว ถึงจะมีประกาศว่า 'สถานการณ์ปกติ สามารถกลับเข้าใช้บริการได้' นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธองงและไม่เข้าใจมากๆ กับการบริหารงานและการรับมือ เพราะถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องเลยอาจจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้

...

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

ผู้ขับขี่วิน จยย. ยังเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวานว่า 'ชุลมุนมาก' เพราะทุกคนต่างวิ่งหนีตายให้เร็วที่สุด บวกกับฝนที่ตกลงมา ทำให้ทุกอย่างยิ่งดูวุ่นวายไปหมด นอกจากนั้นยังแสดงถึงความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ช่วงที่เกิดเหตุกราดยิงโคราช ห้างมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด แต่พอเวลาผ่านไปก็ลดลงเรื่อยๆ อย่างที่ว่าแหละ 'คนไทยลืมง่าย' พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เดี๋ยวก็กลับมาเข้มงวดไปอีกสักพัก"

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ดูเหมือนจะทำให้วันนี้ ทางห้างพารากอนตระหนักถึงความเข้มงวดมากขึ้น ทุกประตูทางเข้าห้าง มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนประจำจุด พร้อมตรวจกระเป๋าของทุกคน โดยเฉพาะทางเข้าด้านล่าง ฝั่งตรงข้ามสยามเซ็นเตอร์ที่เข้มงวดเป็นพิเศษ นอกจากนั้นในห้างยังมี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คอยเดินตรวจให้เห็นทุกชั้น

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

อย่างไรก็ตาม 'ป้าเดือนเพ็ญ' (นามสมมติ) ที่นั่งรอเพื่อนอยู่ตรงทางเข้าจากรถไฟฟ้า BTS ก็ยังมีความกังวลและรู้สึกหวาดระแวง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากวันนี้ตนไม่มีธุระ จะไม่ยอมเดินทางมาที่นี่เด็ดขาด บริเวณทางเข้าที่คุณป้านั่ง ฝั่งทางเข้ามีเครื่องตรวจ แต่ฝั่งทางออก 'ไม่มี' ทำให้คุณป้ากังวลว่าในอนาคต อาจจะมีคนร้ายอาศัยช่วงคนเยอะ และใช้ทางออกนี้เข้าไปก่อเหตุ นอกจากนั้นยังคิดว่า เยาวชนอายุ 14 ก็อาจใช้ทางนี้เช่นกัน คุณป้า อยากให้ห้างเข้มงวดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่อยากให้เข้าข่าย 'วัวหายล้อมคอก'

3 ตุลาคม 2566
3 ตุลาคม 2566

ความกังวลใจของชาวต่างชาติ :

ห้างพารากอน รวมถึงห้างแถบนี้ขึ้นชื่อเรื่องการมาเยือนของชาวต่างชาติ แต่อย่างที่กล่าวไป วันนี้มีชาวต่างชาติลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทีมข่าวฯ คาดว่าน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากการก่อเหตุ ที่สร้างความไม่สบายใจแก่พวกเขา 'ไม่มากก็น้อย'

"ผมกังวลอยู่บ้าง แต่ก็อยากมาเที่ยวสักครั้ง เมื่อวานที่รู้ข่าวก็ตกใจมาก" คำกล่าวจาก 'Alex' นักท่องเที่ยวชายชาวแคนาดา ที่แสดงถึงความกังวลอย่างชัดเจน เขาระบุว่า เมื่อวานพักอยู่ที่โรงแรมและเกือบจะเดินทางมาที่นี่แล้ว แต่ดันเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเสียก่อน หากเขาต้องมาเจอด้วยตาตัวเอง คงจะสร้างความไม่ประทับใจกับการเดินทางมาไทยครั้งแรกแน่นอน  

3 ตุลาคม 2566
3 ตุลาคม 2566

ชาวเยอรมันอย่าง 'Michael' และ 'Dennis' ก็ยังรู้สึกกังวลและระแวงอยู่ แต่คิดว่าทางห้างเองน่าจะมีมาตรการป้องกันเพิ่มมากขึ้นแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางมา พวกเขายังกล่าวอีกว่า "เมืองไทยเป็นเมืองที่สวยงามและขึ้นชื่อเรื่องการท่องเที่ยว อยากให้รัฐบาลมีนโยบายด้านความปลอดภัยที่รัดกุมมากขึ้นในอนาคต เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก"

นักท่องเที่ยวจากอังกฤษอย่าง 'Anna' เล่าว่าเธอมาพารากอนและเมืองไทยเป็นครั้งที่ 2 "ฉันเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนนี้คนเดินเต็มไปหมด วันนี้ลดน้อยลงมาก พอฉันรู้ว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติด้วย ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจ โชคดีที่เมื่อวานไม่ใช่ฉัน แต่มันไม่ควรเกิดกับใครทั้งนั้น และหวังว่าในอนาคตประเทศไทยจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก"

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

ความกังวลของคนไทย และเรื่องฝากถึงรัฐบาล+หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง :

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าต้องสร้างความไม่สบายใจแก่คนได้ชาติได้ไม่น้อย เพราะต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ประเทศของเราเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ หลายเหตุการณ์จึงควรเป็นข้อเรียนรู้ของรัฐบาล ที่จะแก้ไขและเตรียมรับมือกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

จากการสอบถามถึงความไม่สบายใจ และข้อเสนอต่อ 'รัฐบาล' รวมถึง 'หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง' เรื่อง SMS Emergency Alert หรือ ระบบเตือนภัยฉุกเฉินผ่านข้อความ เป็นหนึ่งสิ่งที่ทุกคนตอบทีมข่าวฯ รองลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

'ธัญปวีณ์' ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งดำเนินการให้มี 'SMS' แจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงได้แล้ว เพราะถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องเลยอาจจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และจะทำให้เกิดความหวาดผวามากขึ้นไปอีก

ความคิดเห็นของเธอสอดคล้องกับ 'นักเรียนหญิง ม.6' กลุ่มหนึ่ง ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่ยอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้มาเดินเล่นก็ยังมีความกังวลและไม่สบายอยู่บ้าง เพราะเมื่อวานทำให้เห็นว่า แม้ห้างจะอยู่ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ 'ความไม่ปลอดภัยก็เกิดขึ้นได้'

พวกเธอเสนอให้รัฐทำ SMS แจ้งเตือนให้ทันท่วงที เหมือนที่ต่างประเทศ เช่น เกาหลี จัดทำขึ้นมาแล้ว นอกจากนั้นอยากให้กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนเข้มงวดกว่านี้ พวกเธอพูดเชิงตั้งข้อสงสัยว่า เด็กอายุ 14 ปี มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองได้อย่างไร แสดงว่าแบบนี้คนอื่นก็อาจจะมีได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ส่วน 'น้ำ' พนักงานบริษัท ก็กล่าวถึงระบบแจ้งเตือน SMS เป็นอันดับแรกเช่นเดียวกัน แม่เธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่เมื่อทราบว่าก็เกิดตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า "มีการยิงในห้างอีกแล้วเหรอ" ยิ่งรู้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นเด็กอายุ 14 ยิ่งทำให้คิดว่ากฎหมายเรื่องอาวุธปืนของประเทศนั้นไม่เข้มงวดพอ คนที่ครอบครองอาวุธปืนได้ ควรจะมีเพียงตำรวจหรือทหาร หากประชาชนทั่วไปจะมีไว้ครอบครอง ก็ต้องมีการขึ้นทะเบียนที่ชัดเจน เธอรู้ว่ามีกฎหมายแบบนี้อยู่ในประเทศ แต่เธอมั่นใจว่ามันแข็งแรงไม่พอ

4 ตุลาคม 2566
4 ตุลาคม 2566

ถึงน้ำจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ แต่ตอนนี้ก็ยังรู้สึกกังวลและระแวงอยู่ เครื่องตรวจโลหะหน้าห้างไม่ได้สร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้เธอเลย เนื่องจากเธอมองว่าเครื่องร้องดังเมื่อทุกคนเดินผ่าน หากเป็นไปได้อยากให้มีเครื่องสแกนอาวุธคล้ายกับที่สนามบินไปเลย

แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังคงทิ้งร่องรอยและเรื่องราวความหวาดระแวงไว้ ทีมข่าวฯ เชื่อว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง น่าจะได้เรียนรู้และตกผลึกจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และจะช่วยกันพัฒนา ดูแล ออกมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้คนในชาติมั่นใจ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาในอนาคตอันใกล้

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

#ThairathPhoto

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :