ปริศนา 2 ศพ ตายสยองคาตู้คอนเทนเนอร์ หลังตู้ใบดังกล่าว ส่งมาจากฟิลิปปินส์ ใช้เวลา 8 วัน ก่อนถึงไทย แต่เมื่อพนักงานเปิดตู้ออกถึงกับผงะ เมื่อพบศพชายและหญิง สภาพศพเริ่มเน่าเปื่อย กู้ภัยตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ตายไม่มีเสบียงติดตัว และอุณหภูมิภายในตู้เมื่อประตูปิดล็อกร้อนจัด อาจเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิต

8 วัน ที่ตู้คอนเทนเนอร์ ถูกส่งออกจากประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนมาพบ 2 ศพปริศนาที่ไทย อัญวุฒิ โพธิ์อำไพ รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ถึงสภาพภายในตู้คอนเทนเนอร์ ที่พบ 2 ศพปริศนาว่า ตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวเป็นของบริษัทเอกชน ที่ลำเลียงตู้เปล่ามาจากประเทศฟิลิปปินส์ โดยประตูตู้ถูกล็อกมาตั้งแต่ต้นทาง ข้อมูลการขนส่ง ระบุตู้ดังกล่าวส่งมาจากฟิลิปปินส์ ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. ที่ผ่านมา มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ประเทศไทย วันที่ 28 ก.ย. 66 จากนั้นเคลื่อนย้ายตู้มาที่ลานเก็บวันนี้ (2 ต.ค. 66) เมื่อเปิดตู้ก็เจอศพปริศนาดังกล่าว

เมื่อตรวจสอบภายในตู้คอนเทนเนอร์ ไม่พบร่องรอยการทำร้ายหรือต่อสู้ ในร่างกายของผู้ตายไม่พบเอกสารยืนยันตัวตน จากการชันสูตรศพเบื้องต้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 1 สัปดาห์ ผู้ตายที่เป็นหญิงนอนหงายบริเวณประตู สวมชุดกางเกงขายาวสีชมพู น่าสนใจว่ากระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างถูกดึงออกมาด้านนอก เหมือนถูกรื้อค้นอะไรบางอย่าง นิ้วกลางมือขวาสวมแหวนสองวง

...

ขณะที่ฝ่ายชาย นอนตะแคงเสียชีวิตอยู่บริเวณท้ายตู้ ถอดเสื้อ กลางหลัง หน้าอก และท้องแขนทั้งสองข้างมีรอยสัก แต่รอยสักทั้งหมด แทบมองไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร เนื่องจากสภาพศพเริ่มเน่า ทำให้ชิ้นเนื้อย่อยสลาย มองไม่ออกว่ารอยสักเป็นรูปอะไร

“การเข้าไปเก็บศพทั้งคู่ ตอนแรกมีการแจ้งว่ามีสารเคมีด้านใน จริงๆแล้วไม่ใช่ แต่เป็นแก๊สไข่เน่าที่อยู่ในตู้ เมื่อเปิดประตูตู้ให้ระบายอากาศ กลิ่นเหม็นก็จางหาย ส่วนรอยดำบนศพที่คล้ายรอยถูกไฟไหม้ จริงๆ แล้วเป็นคราบน้ำเหลืองคั่งอยู่บนผิวหนังศพ ทำให้เป็นรอยดำคล้ายถูกไฟไหม้”

ประตูตู้คอนเทนเนอร์ ถูกปิดมาตลอดทางด้วยการล็อกกลอนประตูด้านนอก เป็นการปฏิบัติในการขนส่งตู้เปล่าไปยังประเทศปลายทาง แต่ถ้าเป็นตู้ที่มีสินค้า ต้องล็อกทั้งกลอนประตู และคล้องแม่กุญแจ เพื่อความปลอดภัย กรณีผู้เสียชีวิตทั้งคู่ ถ้าเข้าไปตอนยังมีชีวิต จะไม่สามารถเปิดประตูได้ ด้วยตัวตู้ที่แน่นหนา การตะโกนขอความช่วยเหลือจากด้านใน คนด้านนอกจะไม่ได้ยิน

จากการพิจารณาสภาพศพคาดว่าผู้เสียชีวิตทั้งคู่ เสียชีวิตมาก่อนเดินทางถึงประเทศไทย เพราะมีรายงานว่าตู้ดังกล่าวมาถึงไทยวันที่ 28 ก.ย. 66 แต่สภาพศพคาดว่าเสียชีวิตมานานกว่านั้น ขณะที่สภาพศพไม่มีร่องรอยบาดแผลการต่อสู้ ขณะนี้ได้นำส่งศพผ่าพิสูจน์การเสียชีวิตอีกครั้ง

ด้วยสภาพศพของทั้งคู่เริ่มมีสภาพเน่าเปื่อย จนเห็นกะโหลกภายใน ทำให้ไม่สามารถประเมินการเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน เพราะถ้าเป็นกรณีขาดอากาศหายใจ จะมีสภาพลิ้นจุกปาก ตาถลน ประมาณ 4 วัน หลังเสียชีวิต แต่ศพทั้งคู่เริ่มมีสภาพเน่า ดวงตาแห้งกรัง ไม่เหลือสภาพใบหน้าเดิม

“จากประสบการณ์ที่เคยเจอผู้เสียชีวิตในตู้คอนเทนเนอร์ ร่างผู้ตายจะเน่าเปื่อยเร็วกว่าอยู่ภายนอก เนื่องจากอากาศในตู้ร้อนอบอ้าวมากกว่า จากการตรวจสภาพศพ ไม่สามารถฟันธงได้ว่า ผู้ตายทั้งคู่เสียชีวิตมาก่อนแล้วถูกนำศพมาอำพรางในตู้ หรือขาดอากาศหายใจ และเสียชีวิตจากภายในตู้”

ผู้เสียชีวิตทั้งคู่ ไม่น่าจะเป็นการหลบหนีเข้าเมือง เพราะในตู้ไม่มีเสบียงอาหารมาด้วย ดังนั้นอาจเกิดจากอุบัติเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึง หลังจากการผ่าชันสูตรศพแล้ว จะประสานกับสถานทูตฟิลิปปินส์ ติดตามญาติผู้เสียชีวิต

เคยมีกรณีคนติดอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์แล้วเสียชีวิตมาแล้ว ซึ่งเฉลี่ยมนุษย์จะสามารถมีชีวิตอยู่ในตู้ได้ประมาณ 2-3 วัน เมื่อปิดตู้อุณหภูมิด้านในจะร้อนจัด อากาศไม่ถ่ายเท ทำให้สามารถเสียชีวิตได้ง่ายกว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอก

...

จึงอยากให้ความสูญเสียครั้งนี้เป็นบทเรียน และกำชับพนักงานในพื้นที่ให้สำรวจภายในตู้คอนเทนเนอร์อย่างละเอียดก่อนทุกครั้งที่จะปิดตู้ เพราะที่ผ่านมาเคยมีลักษณะคนที่ติดอยู่ในตู้ จนเสียชีวิตมาแล้ว.