ถึงกับผงะ เมื่อพบหลักฐานปืนสวัสดิการ ตร. ใช้สังหารสารวัตรแบงค์ ที่ไปกินเลี้ยงบ้านกำนันนก ผู้กว้างขวางแห่งนครปฐม แม้จะวิสามัญ หน่องท่าผา มือปืนที่ จ.กาญจนบุรี แต่ผู้รู้เรื่องปืน ระบุว่า ปืนสวัสดิการรุ่นดังกล่าว ได้รับความนิยม การขายต่อในราคาถูกกว่าท้องตลาด มีความเป็นไปได้สูง ที่ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ใช้ช่องว่างนี้เสริมเขี้ยวเล็บอำนาจมืด
คดีสังหาร สารวัตรแบงค์ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว อายุ 31 ปี สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. นายตำรวจหนุ่มตงฉินคางานเลี้ยงบ้านกำนันนก ตำรวจใช้เวลาสืบสวนอย่างรวดเร็ว ก่อนจับกุม 6 ตำรวจที่อยู่ในงาน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
กำนันนก หรือ ประวีณ จันทร์คล้าย ผู้นำชุมชนในพื้นที่ ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ไม่ยื่นประกันตัว ขณะตำรวจทำการสืบสวนคนงานในบ้านกำนัน จนพาไปขุดเจอปืนที่ใช้ก่อเหตุ ยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. สีดำ ของ ร.ต.ท.นิมิต สลิดกุล รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครปฐม เป็นปืนสวัสดิการตำรวจ อ้างว่ามาจำนำไว้กับผู้มากบารมี ก่อนที่นายหน่อง มือปืน จะนำมาใช้ก่อเหตุ
...
หากสำรวจปืนสวัสดิการที่นำมาก่อเหตุ มนตรี ตันใจซื่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน กล่าวกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ ว่า ปืนที่หน่องท่าผา ใช้สังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว เป็นปืนสวัสดิการที่ข้าราชการซื้อได้ในราคาถูก มีค่อนข้างมาก ที่ให้ข้าราชการในสังกัดซื้อปืนรุ่นนี้ แต่นอมินีนำปืนไปใช้แทน โดยปืนสวัสดิการสามารถโอนเป็นชื่อผู้อื่นได้หลังจากครอบครองครบ 5 ปี
ปืนที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. เป็นที่นิยมทั่วโลก ไว้วางใจได้ในการทำงาน ไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องการติดขัดของลำกล้อง มีน้ำหนักเบา หน่วยงานภาครัฐทั่วโลกใช้เป็นอาวุธประจำหน่วย ส่วนปืนที่หน่องท่าผา ใช้ต่อสู้กับตำรวจก่อนถูกวิสามัญ เป็นปืนยี่ห้อนอรินโก้ของจีน น่าสนใจว่า ปลอกกระสุนที่ตกอยู่ข้างผู้ตายเป็นของปืนกล็อก โดยปืนทั้งสองแบบใช้ลูกกระสุนขนาดเดียวกัน ซึ่งปืนยี่ห้อนอรินโก้ของจีน ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ แต่เคยมีการนำเข้าเป็นปืนสวัสดิการอยู่ไม่กี่ลอต
ปืนสวัสดิการถูกส่งต่อให้ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น
ปัญหาปืนสวัสดิการที่ตกไปอยู่ในมือผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น มนตรี ตันใจซื่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน มองว่า เป็นประเด็นที่ค่อนข้างแก้ไขได้ยาก เพราะปืนสวัสดิการเมื่อถือครองครบ 5 ปี สามารโอนไปให้ผู้อื่นได้ และข้าราชการซื้อได้ในราคาถูก หลายรายเมื่อเดือดร้อนเรื่องเงิน ก็ทำการขายปืนต่อ แต่ข้าราชการที่ขายไปก็ต้องรับความเสี่ยง ว่าปืนจะตกไปอยู่ในมือผู้ที่จะไปก่อเหตุร้าย
หากปืนสวัสดิการไปตกอยู่ในมือคนร้ายแล้วก่อเหตุ ข้าราชการที่ซื้อปืนจะได้รับความเดือดร้อน เพราะทะเบียนปืนยังเป็นชื่อของข้าราชการที่ซื้อไป เนื่องจากการโอนเพื่อเปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองไม่ได้ง่าย แต่อาจมีบางรายที่ไปก่อเหตุแล้วทำลายปืน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่หาเจอ
ราคาปืนสวัสดิการแต่ละโครงการมีราคาขายให้กับข้าราชการแตกต่างกัน บางโครงการราคาถูก แต่ปืนยี่ห้อกล็อก ขนาด 9 มม. โครงการสวัสดิการตำรวจขายกระบอกละ 28,800 บาท แต่ถ้าเป็นปืนรุ่นเดียวกันตามร้านค้าขายกระบอกละ 75,000 บาท ขณะที่กรมการปกครองมีปืนสวัสดิการรุ่นเดียวกันขายให้ราชการกระบอกละ 38,000 บาท
...
ด้วยราคาปืนสวัสดิการที่แตกต่างจากการมาซื้อปืนตามร้านค่อนข้างมาก ทำให้มีข้าราชการบางส่วน นำปืนในโครงการเหล่านี้ไปขายต่อ หรือเดือดร้อนก็นำไปขายต่อเพื่อเอากำไร นี่ถือเป็นช่องว่างที่ค่อนข้างอันตราย
หากมองในภาพรวม ปืนสวัสดิการของรัฐที่ขายต่อให้กับเจ้าหน้าที่ มีราคาตั้งแต่ 28,800-50,000 บาท ดังนั้นการแก้ปัญหาของภาครัฐ ควรมีการเข้มงวดและขึ้นบัญชีดำ คนที่นำปืนในโครงการไปขายต่อ ขณะเดียวกันถ้ามีการบังคับใช้กฎหมายการครอบครองปืนให้เข้มข้นมากขึ้น ในการเพิกถอนใบอนุญาตคนที่ไปกระทำผิด ในการพกอาวุธปืนทุกกระบอก ก็จะทำให้คนที่นำปืนไปกระทำความผิดเกรงกลัวมากขึ้น.