การเมืองไทยดูเหมือนจะลงตัวปิดจ๊อบดีลลับ เริ่มเห็นเค้าลางรัฐบาลชุดใหม่แบบสูตรผสมข้ามขั้ว มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และเศรษฐา ทวีสิน ไม่น่าพลาดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 สอดรับกับคิวกลับบ้านของทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ แต่แล้วจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ก็ออกมาฟันธงฉับทักษิณไม่ได้กลับบ้าน เหตุเพราะดีลล่ม ตามมาด้วยชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จอมแฉออกมาปูดซ้ำว่าเกมพลิก ทักษิณต้องถอยยกเลิกกลับบ้าน เพราะสถานการณ์เปลี่ยน มีสัญญาณอันตรายเกินคาดเดา

ประจวบเหมาะกับการที่บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรค เมื่อวันที่ 29 ก.ค. แต่แค่แป๊บเดียวที่ประชุมใหญ่ของพรรคก็ได้มีมติให้บิ๊กป้อม กลับมานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคตามเดิม พร้อมกับยกเครื่องกรรมการบริหารพรรรค หรือว่าดีลลับไม่มีลุง เป็นอันยกเลิก ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปทันที

ดีลล้ม ข้อต่อรองเยอะ ทักษิณอาจไม่ได้กลับบ้าน

ห้วงการเมืองไทยกำลังฝุ่นตลบเกมพลิก ทำให้ทักษิณ ต้องถอยกลับไปแก้เกมส่งผลให้การกลับบ้านมีอันต้องยกเลิก อย่างที่จตุพรและชูวิทย์ ออกมาฟันธงหรือไม่? “รศ.ดร.นันทนา นันทวโรภาส” คณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ยอมรับว่า สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนแปลงเร็วมาก หลังอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ออกมาประกาศพ่อจะกลับบ้าน และทันทีทันใดก็เกิดปรากฏการณ์ชูวิทย์ ออกมาบอกว่าดีลล่มแล้ว ทำให้ทักษิณ ไม่น่าได้กลับบ้าน สอดคล้องกับจตุพร ได้ระบุมาตั้งแต่ต้น เพราะรู้จักทักษิณ มานาน 29 ปี จนครั้งสุดท้ายก็บอกว่าไม่เชื่อ จนกว่าจะเห็นทักษิณ มายืนอยู่ที่สนามบินดอนเมือง

...

“เดิมเชื่อว่ามีเมก้าดีลยิ่งกว่าซุปเปอร์ดีล มีการเจรจาข้อตกลงกับหลายฝ่าย จนสามารถระบุสถานที่วันกลับได้ และเมื่อวิเคราะห์จากการสื่อสาร หลักฐานแวดล้อม ทำให้นักวิชาการทั้งหลายฟันธงว่าทักษิณจะกลับมาจริง สุดท้ายข้อมูลเชิงลึกของชูวิทย์ ออกมายืนยันดีลล้มไปแล้ว ทักษิณไม่น่ากลับบ้าน 10 ส.ค.นี้”

หากวิเคราะห์ทักษิณจะกลับมารับโทษตามกระบวนการยุติธรรม เพราะในดีลอาจบอกว่าติดคุกไม่นาน แต่เมื่อเกมเปลี่ยนแปลงไปไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะปลอดภัย และจะติดคุกนานหรือไม่ ทำให้วันที่ 10 ส.ค. ยังไม่ได้กลับบ้าน ยกเว้นทักษิณ มีเจตนาตั้งใจจริงจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยอมรับโทษตามปกติ ก็กลับมาได้ ทำตามที่พูด เพราะเรื่องความปลอดภัยมีตำรวจมารอรับอยู่แล้ว ก่อนส่งไปเรือนจำ และเหตุการณ์ลอบสังหารก็ไม่น่าเกิดขึ้น มีการอารักขาเป็นอย่างดี ถ้าทักษิณมีความตั้งใจจะกลับมายังมาตุภูมิ โดยไม่ใช้อภิสิทธิ์อะไร หรือดีลลับพิเศษไม่ต้องอยู่ในเรือนจำ ก็กลับมารับโทษได้ จะทำให้ชูวิทย์และจตุพรที่ออกมาฟันธงนั้นผิดไป

แต่ขณะนี้สาธารณชนเชื่อว่าทักษิณมีดีล เป็นเมก้าดีลที่ล้มไปแล้ว และจตุพร ก็บอกว่าทักษิณไม่ได้ตั้งใจหยั่งเชิงในการกลับบ้าน แต่เป็นดีลจริง จนมีการประกาศอย่างใหญ่โตของอุ๊งอิ๊ง ในสถานะแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ต้องมีความหนักแน่น ออกมาระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน ทำให้คนเชื่อว่ามีการเจรจาต่อรองจนบรรลุข้อตกลง หากให้การฟันธงของชูวิทย์และจตุพร ผิด และถ้าดีลลับดีลเลิฟไม่มีจริง ทักษิณก็ต้องกลับมาไทย

“มันเป็นเมก้าดีล มีข้อต่อรองค่อนข้างสูง จึงทำให้ข้อเสนอค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่มากสุดๆ จนบรรลุข้อตกลง มีการประกาศออกมา เพราะถ้าจำได้ทักษิณมักบอกว่าจะกลับบ้านจากการรวบรวมกว่า 20 ครั้ง แต่ไม่เคยระบุวันเวลาสถานที่ และออกมาพูดเองตลอด แต่ครั้งนี้ให้อุ๊งอิ๊ง ออกมาพูด เป็นดีลที่รู้กัน จากดีลครั้งแรก อาจประเมินว่าจะกลับเดือนก.ค. จนอุ๊งอิ๊ง ออกมาประกาศใกล้กับเดือนก.ค. ทำให้มีความรู้สึกว่าการดีลครั้งนี้ มีผู้เกี่ยวข้องมากมาย มีข้อแลกเปลี่ยนเยอะ กระทั่งสถานการณ์เปลี่ยนไป”

ลุงป้อม รีเทิร์นหัวหน้าพรรค รอวัน 8 พรรคร่วมแตก

ในประเด็นการลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของบิ๊กป้อม แล้วได้กลับเข้ามาอีก เป็นเทคนิคในการเปลี่ยนแปลงล้างไพ่กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น โดยมีเป้าหมายให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาฯ พรรค แต่การลาออกในตอนแรกของบิ๊กป้อม ดูเหมือนเป็นไปตามดีล ”ไม่มีลุง” แต่เมื่อได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ก็ทำให้ยังอยู่ในสมการจัดตั้งรัฐบาล อยู่ในสมการที่แข็งแกร่งมากขึ้น เพราะตัดสินเลือกเองกรรมการบริหารพรรค

...

เป็นอีกนัยทางการเมืองตามที่จตุพร ออกมาบอกว่าสุดท้ายตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะเป็นของบิ๊กป้อม และวันนี้ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เพราะ 8 พรรคร่วม มีท่าทีจะไปกันไม่รอด โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย หาก 8 พรรคร่วมแตกหักกันจริง ก็จะข้ามขั้วสามารถฝ่าด่านโหวตนายกฯ ได้สำเร็จ แม้พรรคขั้วอำนาจเดิมมี 188 เสียง แต่จะได้เสียงสว. จากผลพวงของคสช. ทำให้การเมืองเข้าสู่เดตล็อกอีกครั้ง อีกทั้งพรรคเพื่อไทย จะจัดตั้งรัฐบาล มีการพูดคุยกับพรรคอื่นๆ และสว.จะไม่โหวตนายกฯ ให้ หากมีพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาล

“ถ้าเพื่อไทยบอกลาก้าวไกล เป็นจุดแตกหักแยกทางกันเดินก็ได้ แต่ก้าวไกล แม้มี 150 เสียง ก็มีทางเลือกน้อยกว่าเพื่อไทยที่มี 141 เสียง สามารถไปจับขั้วพรรคต่างๆ ได้ เสียงอาจจะปริ่มน้ำ และการโหวตนายกฯ ก็ต้องอาศัยเสียงสว. ทำให้สุดท้ายก็ต้องผสมกับพรรค 2 ลุง แต่เมื่อชัดเจนแล้วว่าลุงป้อม ไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำให้การเมืองค่อนข้างซับซ้อน และเดินไปคู่กับเดตล็อก ก็เพราะสว.เป็นต้นเหตุ”

ทางออกหยุดลุง 8 พรรคเกาะกันแน่น รออีก 10 เดือน

...

แต่มีทางออกหากพรรคเพื่อไทย ไม่รีบร้อนจัดตั้งรัฐบาล และไม่ข้ามขั้ว ยังคงจับมือกับ 8 พรรคร่วม ภายหลังดีลลับล่มทักษิณกลับบ้านไม่ได้ โดยจับมือแน่นรอไปอีก 10 เดือน ให้สว.หมดสภาพ และตามบทเฉพาะกาลให้ระยะเวลา 5 ปี ในการโหวตนายกฯ แต่เมื่อเป็นรักษาการไม่สามารถโหวตได้ ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนยังพอใจอยู่ และจากผลโพลต่างๆ ประชาชนส่วนใหญ่ยังสนับสนุน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ไม่ต้องรีบร้อน ให้รอเวลา เพราะหากจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว จะเกิดความวุ่นวาย

“ไม่ต้องรีบ บางครั้งความรีบโดยไม่คำนึงถึงวิธีการจะนำไปสู่ปัญหาระยะยาว อย่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รีบรับเพื่อจะได้เลือกตั้ง สุดท้ายเป็นรัฐธรรมนูญวิปริต กลายเป็นปัญหา จะแก้จะเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้ เป็นอุปสรรคการจัดตั้งรัฐบาล ไม่เป็นไปตามเสียงประชาชน อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้”

ในช่วงวันหยุดยาวเป็นจังหวะที่พรรคการเมืองต้องรีบพูดคุยเจรจา ก่อนถึงวันโหวตนายกฯ 4 ส.ค. ซึ่งอาจเลื่อนออกไปอีก หากสถานการณ์เปลี่ยน ก็สามารถยืดหยุ่นได้ เพราะหากพรรคเพื่อไทย เร่งรีบจัดตั้งรัฐบาล แทนที่จะเดินหน้าได้เร็ว อาจกลายเป็นว่าไปติดกับดักตัวเอง เป็นสิ่งที่ต้องระวัง และสุดท้ายอาจมีนายกรัฐมนตรีชื่อบิ๊กป้อม ก็ได้ หลังสถานการณ์พลิกดีลลับล่มทักษิณไม่ได้กลับบ้าน.

...