ดราม่า “ผู้กองแคท” เลื่อนยศเร็วปานจรวด ยังไม่จบ ใช้เวลาเพียง 4 ปี จากยศสิบตำรวจตรีเมื่อปี 2563 ยิ่งกว่าตั๋วช้าง หลังเข้าอบรมหลักสูตร กอส. เพียง 4 เดือน เหมือนๆ กับลูกหลานไฮโซ คนนามสกุลดัง รวมถึงเด็กเส้น เด็กฝากทั้งหลาย ได้ใช้เส้นทางลัดติดดาวเป็นนายตำรวจ ให้เป็นศักดิ์เป็นศรีต่อวงศ์ตระกูล

แต่ได้ทำให้คนในวงการตำรวจออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกว่าตำรวจชั้นประทวนจะได้เลื่อนชั้นยศ ก้าวหน้าในอาชีพการงาน มันยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน แม้แต่ตำรวจชั้นสัญญาบัตร กว่าจะเรียนจบนักเรียนนายร้อยตำรวจ ใช้เวลา 4 ปี ได้ติดยศร้อยตำรวจตรี และต้องรออีกนานในการติดยศร้อยตำรวจเอก หากไม่มีเส้นมีสาย มีระบบอุปถัมภ์เข้ามาโอบอุ้ม เพราะไม่ใช่พวกพ้องเดียวกัน จนถูกมองข้ามความรู้ความสามารถ กลายเป็นปัญหาฝังลึกมานานในวงการตำรวจไทย

ใครปูทางให้ผู้กองแคท ต้องรับผิดชอบ ทำลายขวัญตำรวจ

ความฟอนเฟะที่เกิดขึ้น นำไปสู่คำถามซ้ำๆ ได้เวลาปฏิรูปวงการตำรวจแล้วหรือยัง? ทำให้ระบบอุปถัมภ์ค่อยๆ หมดไป “รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล” ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ยอมรับว่า ระบบอุปถัมภ์อยู่คู่กับสังคมไทยมานานมาก รวมถึงในระบบราชการองค์กรตำรวจ มีคนอยากเข้ามาเป็นตำรวจ เพราะการเป็นคนในเครื่องแบบ ทำให้มีเกราะคุ้มครองในสังคม

...

“ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยและวงการตำรวจมีมานานแล้ว จะต้องปรับปรุงระบบระเบียบต่างๆ ให้โปร่งใส เมื่อใครได้เข้ามาในระบบตำรวจก็ไม่เข้าใจ อย่างผู้กองแคท มีการโพสต์ภาพติดดาวเลื่อนยศ ทำให้ตำรวจที่ไม่ได้เลื่อนยศสักที มองว่าทำไมได้ง่ายจัง เพราะต้องยอมรับมีตำรวจหลายนายจบปริญญาโท ปริญญาเอก ก็ไม่ได้เลื่อนขั้นตามระเบียบหลักเกณฑ์ อีกทั้งนิเทศศาสตร์ ก็ไม่ใช่สาขาวิชาที่ขาดแคลน”

ประเด็นหลักๆ ต้องมาดูระบบการคัดเลือก ว่าก่อนหน้านั้นผู้กองแคท เป็นนายสิบตำรวจ หรือทหาร ซึ่งกรมดุริยางค์ทหารบก ก็ออกมาชี้แจงไม่ได้เป็นทหาร แต่เป็นพนักงานราชการ ทำให้มองว่าได้เข้ามาเป็นสิบตำรวจตรี มาเป็นนายร้อยได้อย่างไร และนิเทศศาสตร์ เป็นสาขาวิชาที่ขาดแคลนหรือไม่ เพราะส่วนใหญ่บุคคลที่เข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจ เป็นทายาทของข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิต จากการปฏิบัติหน้าที่จับโจร จับยาบ้าแล้วโดนยิงเสียชีวิต และบุคคลที่ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติ

เพราะฉะนั้นต้องไปดูว่าสาขานิเทศศาสตร์ ขาดแคลนจริงหรือไม่ และใครมีอำนาจให้บรรจุเข้าไป แม้เกษียณอายุไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อความเป็นมาตรฐาน ไม่ให้ทำลายขวัญกำลังใจตำรวจชั้นผู้น้อย อย่างตำรวจตระเวนชายแดน ปฏิบัติหน้าที่อุทิศตนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะสอบเป็นนายตำรวจก็ไม่ได้ จากระบบอุปถัมภ์ที่มีมานานแล้ว ซึ่งงานวิจัยระบุมีทั้งวงการตำรวจและระบบข้าราชการไทย

อย่า 2 มาตรฐาน ชั้นประทวนมากมาย จบ ป.โท-เอก 

ปัจจุบันกำลังพลตำรวจมีจำนวน 2 แสนกว่านาย จะต้องปฏิรูปทั้งระยะสั้น ระยะยาว แต่อาจจะดูแรงไป อาจพัฒนาปรับปรุงองค์กรตำรวจ กรณีที่ตำรวจเป็นคนดีควรสนับสนุนให้เติบโตมีความก้าวหน้าในการทำงาน ไม่ให้เป็นสองมาตรฐาน อย่างกรณีผู้กองแคท ได้เป็นร้อยตำรวจโท แค่ 1 ปี ก็ได้เป็นร้อยตำรวจเอก ซึ่งต้องยอมรับว่าเร็วมาก

“ตัวเองเคยจบนักเรียนนายร้อยตำรวจ กว่าจะเลื่อนชั้นยศจากร้อยตำรวจตรี มาเป็นร้อยตำรวจโท ใช้เวลา 1 ปี 8 เดือน อาจจบปริญญาโทอาจเลื่อนชั้นยศเร็วขึ้น แต่สรุปแล้วกว่าจะได้ติดยศร้อยตำรวจเอก รวมเวลาแล้ว 5 ปี เมื่อระเบียบเป็นอย่างนี้ และมีตำรวจชั้นประทวนหลายนาย จบปริญญาโท ปริญญาเอก ทำไมไม่ได้รับการพิจารณา ทั้งที่เป็นเรื่องขวัญกำลังใจ ควรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่ควรใช้ระบบอุปถัมภ์ และผลกรรมจะตกอยู่ที่ประชาชน ถ้าตำรวจไม่ได้รับความก้าวหน้า ถูกข้ามหัวก็จะท้อแท้ เสี่ยงถูกยิงได้ตลอดในการจับคนร้าย ทำให้ตำรวจส่วนหนึ่งที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ทำงานภาคสนาม รู้สึกไม่มีความก้าวหน้า”

กรณีผู้กองแคท ไม่ได้เข้าใจถึงเจตนารมณ์ของตำรวจ และต่อไปต้องใช้วิจารณญาณให้มากกว่านี้ หรืออาจมีเจตนาดีเพื่อให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ แต่เส้นทางเลื่อนชั้นยศนั้นรวดเร็วเกินไป เพราะคนจบนายร้อยตำรวจในแต่ละปี 200 นาย กว่าจะเลื่อนขั้นต้องใช้เวลานาน และการจะปฏิรูปตำรวจ จะต้องทำให้สะเด็ดน้ำ อย่างหลายประเทศ โดยเฉพาะเจตจำนงทางการเมืองต้องแน่วแน่ และจากประสบการณ์การเมืองไทย พบว่าหากรัฐบาลจากการเลือกตั้ง จะไม่แตะการปฏิรูปตำรวจ ยกเว้นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร อย่างในช่วงปี 2557

...

มูลเหตุปัญหา ตำรวจตบเท้าลาออก ปีละเกือบพัน

ในแต่ละปีมีตำรวจลาออก และเกษียณอายุก่อนกำหนด ก็น่าจะใกล้หลักพันคน สะท้อนให้เห็นปัญหา 1.จากระบบการแต่งตั้งโยกย้าย 2. ระบบการทำงานของตำรวจ เป็นระบบสั่งการเหมือนทหาร 3. เรื่องผลประโยชน์ หากไม่ชอบ ก็อยู่ไม่ได้ เพราะผู้บังคับบัญชา อาจรู้เห็นด้วย และทางจเรตำรวจ ได้ยอมรับว่ามีผู้บังคับบัญชาส่วนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย 4. ระบบวิธีคิดยังเป็นระบบราชการ ไม่ทันกับการแก้ปัญหาอาชญากรรม และไม่ทันต่อสถานการณ์

“ทำให้ลูกนักธุรกิจ คนมีชื่อเสียง รวมถึงผู้กองแคทที่เคยเป็นนางงามมาก่อน ได้เป็นตำรวจ ซึ่งไม่ใช่ตำรวจปราบปรามอาชญากรรม รักษาความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน แต่เป็นอาชีพเสริม มีงานอื่นเป็นอาชีพหลัก ทำให้ระบบไม่เป็นประโยชน์สำหรับคนมุ่งมั่น จนกลายเป็นอาชีพที่เป็นเกราะคุ้มครองตัวเองเท่านั้น เมื่อเห็นผู้กองแคท โพสต์ไปกินโน่นกินนี่ ได้ทำให้ตำรวจในพื้นที่ชายแดน และมีหน้าที่จับคนร้าย ออกมาสะท้อนปัญหา จะต้องรับฟังแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม”

ระหว่างรอรัฐบาลชุดใหม่ และประชาชนคาดหวังให้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมไทย หลังรัฐบาล คสช.ไม่มีความคืบหน้าในการปฏิรูปตำรวจ จึงขอให้กำลังใจตำรวจน้ำดี รวมถึงทหาร โดยเฉพาะชั้นผู้น้อยที่ทำงานเสี่ยงภัย ขอให้ยึดมั่นในการทำคุณงามความดี ไม่ใช่ให้ได้ตำแหน่งอย่างฉาบฉวยจากบทเรียนล่าสุดที่เกิดขึ้น.