สถานการณ์ราคาทองคำยังคงผันผวนจากเศรษฐกิจโลกในหลายๆ ปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนของระบบการเงินในสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด มีแนวโน้มจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือโอเปคพลัส ประกาศลดการผลิตน้ำมันลงมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก่อให้เกิดความเสี่ยงใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ย่ิงเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วโลก ส่งผลให้ราคาทองคำโลกปรับขึ้นสูง
ส่วนราคาทองคำในประเทศไทยเปิดตลาดเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2566 ปรับขึ้นมากถึง 400 บาท ทำให้ราคาทองคำแท่งขยับมาอยู่ที่บาทละ 32,450 บาท ทำสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2565 ทำจุดสูงสุดบาทละ 32,100 บาท ส่วนเดือน มี.ค. ปี 2564 ราคาทองคำแท่งต่ำสุดบาทละ 24,450 บาท
“จิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี” นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุ ราคาทองคำไทยเปิดตลาดเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2566 ปรับขึ้นมากถึง 400 บาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ที่ระดับ 2,040 ดอลลาร์สหรัฐ มาจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวลความไม่แน่นอนของระบบการเงินในสหรัฐฯ ทำให้เฟดมีแนวโน้มจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไป เพื่อฉุดให้เงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2%
...
ล่าสุดราคาน้ำมันซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกได้ลดการผลิตลง ทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วโลก จะต้องจับตาราคาทองคำต่อไป เพราะค่อนข้างมีความสวิงและผันผวนสูงอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้ในช่วง 54 วันที่ผ่านมา ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นรวมแล้ว 2,750 บาท ถือว่าสูงที่สุด ส่วนโอกาสจะขยับขึ้นไปอีกหรือไม่นั้น หากประชาชนยังไม่มั่นใจในการเทขายทำกำไรในขณะนี้ ก็มองว่าราคาทองยังมีโอกาสจะปรับขึ้นได้อีก แต่ต้องระมัดระวังพอสมควร
“ต้องดูสถาบันการเงินทั่วโลกจะมีมาตรการอย่างไรต่อไป ภายหลังแบงก์ในสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ ล้มละลาย แต่น่าจะคลี่คลายได้ คิดว่าต้องรอดูสถานการณ์อีกที และถ้านักลงทุนรายย่อยต้องการทำกำไรในช่วงนี้ ก็ให้เทขายไปบางส่วน และเก็บไว้บ้างบางส่วน เพราะราคาทองอาจจะปรับขึ้นบ้าง ให้ดูทีละจังหวะในระยะสั้น ไม่ใช่ในระยะยาว”
จากสถานการณ์ราคาทองคำปรับขึ้นยอมรับว่าขณะนี้มีคนเริ่มนำทองมาขายกับร้านทองในช่วง 2 สัปดาห์นี้ ภายหลังราคาทองคำปรับขึ้นต่อเนื่องจากหลายปัจจัย จนส่งผลให้ราคาทองคำโลกเคลื่อนไหวผันผวน ซึ่งนักลงทุนต้องจับตาดูในระยะสั้น ก่อนเทขายทำกำไรที่แนวต้าน 2,035 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ราคาทองคำมีโอกาสทรงตัวในระดับสูง
ทิศทางการลงทุนในทองคำจะเป็นอย่างไรต่อไป “ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินภาพรวมราคาทองคำในเดือน เม.ย. ยังคงต้องจับตาประกาศตัวเลขภาคแรงงานและดัชนีเงินเฟ้อของสหรัฐฯ คาดตัวเลขอาจอ่อนตัวลงตามต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น โดยดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับขึ้นสู่ระดับ 4.75-5.00% อาจกดดันภาพรวมเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่กองทุน SPDR (Standard & Poor's Depositary Receipts) กองทุนทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสัญญาณบวกต่อเนื่อง ซึ่งทั้งสองปัจจัยเป็นแรงหนุนทองคำ
ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อไป หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือน พ.ค.นี้ มองว่าตลาดผ่อนคลายมากขึ้น คาดว่าในระหว่างสัปดาห์หากราคาทองคำย่อตัวไม่หลุดแนวรับ 1.950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นจังหวะซื้อเพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้าน 2,000-2,030 ดอลลาร์ต่อออนซ์.
...