เชียงใหม่หวั่นอาถรรพณ์ หลังมีรถยนต์พุ่งชนอนุสาวรีย์ช้างเผือก สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง หลายเดือนผ่านมา แต่ยังไม่มีการบูรณะ ล่าสุดกรมศิลปากร ชี้แจงรอเงินประกันจากรถคันดังกล่าว เนื่องจากไม่มีงบประมาณซ่อมแซม หากมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคสามารถทำได้ทันที

กลายเป็นกระแสบนโลกโซเชียล เมื่อมีภาพความเสียหายของกำแพง อนุสาวรีย์ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ บนเฟซบุ๊ก Nubkao Kiatchaweephan ได้โพสต์ว่า กำแพงอนุสาวรีย์ช้างเผือก อารักษ์เมืองเชียงใหม่ ที่มีมาอย่างน้อยตั้งแต่ยุคพระเจ้ากาวิละ ส่วนกำแพงปัจจุบันบูรณะล่าสุด เมื่อ พ.ศ. 2538 ถูกรถชนจนล้มเสียหายบางส่วนตั้งแต่ต้นเดือน จนวันนี้ก็ยังไม่มีการซ่อมแซมบูรณะ

อีกประเด็นคือชื่อของรูปช้างเผือกทั้ง 2 ปัจจุบันสลับกัน ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวว่า ช้างเผือกที่หันไปทางเหนือชื่อปราบจักรวาฬ ส่วนตัวหันหน้าไปทางตะวันตกชื่อ ปราบเมืองมารเมืองยักษ์ แต่ทุกวันนี้ป้ายกลับติดสลับทิศชื่อของรูปช้าง

...

โดยมีผู้แสดงความคิดเห็น ระบุว่า ทิศที่กำแพงล้มเป็นลางบอกเหตุ ถึงกาลอวสานของบ้านเมืองในทิศนั้น จะเกิดขึ้นจริงให้เห็น

กรณีนี้ ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง เทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า การซ่อมแซมโบราณสถาน กรณีนี้ได้แจ้งไปยังร้อยเวรของ สภ.ช้างเผือก เพื่อแจ้งค่าเสียหายกับผู้ที่ขับรถชน ขณะนี้ต้องรอขั้นตอน ในการที่บริษัทประกันตรวจสอบความเสียหายอีกครั้ง

เหตุรถพุ่งชนกำแพง อนุสาวรีย์ช้างเผือก เกิดขึ้นประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ เบื้องต้นต้องรอเงินค่าซ่อมแซมจากบริษัทประกันรถยนต์ เพราะถ้านำเงินของทางหน่วยงานไปซ่อมแซม อาจมีความผิด เนื่องจากกรณีนี้มีผู้กระทำผิด ต้องนำเงินค่าเสียหายมาซ่อมแซม เพราะถ้านำเงินราชการไปซ่อม หน่วยงานอาจมีความผิด ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบได้ จึงต้องรอให้คดีสิ้นสุด

สำหรับการดำเนินคดีเพื่อชดใช้ คาดว่าเริ่มซ่อมแซมได้ประมาณต้นเดือนเมษายน จากการตรวจสอบความเสียหาย พบว่ากำแพงด้านนอก ที่ก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ถูกชนเสียหาย กำแพงส่วนนี้ ไม่มีการทำฐานราก เพียงแต่ก่อขึ้นมาบนพื้นดิน พอถูกรถพุ่งชน ทำให้กำแพงล้มไปทั้งแถบ

ส่วนหุ่นปั้นรูปช้างที่แตกกระจาย เป็นรูปปั้นใหม่ มีคนนำมาตั้งเพื่อแก้บน อุบัติเหตุครั้งนี้ ไม่ส่งผลต่อรูปปั้นช้าง ที่เป็นโบราณสถาน ที่ตั้งอยู่ภายใน

แนวทางการบูรณะ เตรียมก่อกำแพงขึ้นใหม่ สีของสิ่งก่อสร้างใหม่ จะต่างจากโบราณวัตถุเก่าที่มีอยู่เดิม และเตรียมทำแนวกั้น เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอีก เพราะอนุสาวรีย์ช้างเผือก ตั้งอยู่ริมฟุตบาท ถนนเป็นทางตรง คนที่ไม่ชินทาง เมื่อขับรถตอนกลางคืน อาจเกิดอุบัติเหตุดังเช่นเหตุการณ์นี้ได้

“การดำเนินการซ่อมแซมโบราณสถานพยายามทำให้เร็วที่สุด แต่มีองค์ประกอบด้านคดีความ ขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา ทั้งที่จริงอยากเร่งบูรณะให้เสร็จเร็วที่สุด ตัวอย่างเช่น โบราณสถานบางแห่ง ที่เสียหายช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา ต้องใช้เครดิตในการนำอุปกรณ์มาซ่อมแซมก่อน ซึ่งตอนนี้ยังค้างค่าอุปกรณ์อยู่”

...

สำหรับคนที่ศรัทธาและอยากบริจาคทุนทรัพย์ในการซ่อมแซม ทางหน่วยงานยินดีอย่างยิ่ง จากการประเมินค่าซ่อมแซมอยู่ที่ 30,000 บาท สามารถดำเนินการได้ทันที จึงอยากชี้แจงถึงขั้นตอน ที่ต้องรอเวลาในการบูรณะให้กับประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้ไม่เกิดความวิตกกังวล

ทั้งนี้ จากข้อมูลระบุว่า อนุเสาวรีย์ช้างเผือก เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านเมืองเชียงใหม่ จากแผ่นจารึก ณ ประตูเชียงเผือก จารึกข้อความว่าสร้างในสมัยพญาแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 9 ของล้านนาไทย ระหว่าง พ.ศ. 1931-1954 โดยมหาดเล็กชื่ออ้ายออบ และอ้ายยี่ระ ได้ช่วยเหลือพญาแสนเมืองมาโดยผลัดกันแบกพระองค์ให้พ้นอันตรายจากการโจมตีของกองทัพสุโขทัย กษัตริย์ล้านนาได้ปูนบำเหน็จมหาดเล็กทั้งสองให้เป็นที่ พวกช้างซ้ายขวา หรือขุนช้างซ้าย ขุนช้างขวา ขุนช้างทั้งสองตั้งบ้านเรือนอยู่ทางทิศใต้ของเมืองเชียงโฉม ซึ่งอยู่ทิศด้านตะวันออกของเมืองเชียงใหม่.

ภาพจากเพซบุ๊ก Nubkao Kiatchaweephan