รับจ้างปลูกกล้วย เป็นอาชีพใหม่สร้างรายได้งดงาม มาตั้งแต่ปีก่อน ที่เริ่มจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็มจำนวน หลังปรับลดมา 2 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้มีพื้นที่ว่างเปล่ารอการลงทุนจำนวนมาก จึงมีการว่าจ้างเพื่อมาปลูกให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยพืชที่นิยมปลูกมากที่สุดคือ กล้วย ไผ่ และมะม่วง

สมัย ทัพพ่วง เจ้าของร้านสมัยพันธุ์ไม้ คลอง 16 กล่าวว่า ขณะนี้มีลูกค้าที่ให้นำหน่อกล้วยไปปลูกในที่รกร้างมากขึ้น แต่ละเดือนจะไม่แน่นอน เช่นเดือนก่อนมีลูกค้าที่มีพื้นที่เพียงร้อยตารางวาก็ให้นำไปปลูก โดยมีการคิดค่าขนส่ง เลยทำให้ลูกค้ารายเล็กๆ เข้ามาใช้บริการมากขึ้น

“ลูกค้าส่วนใหญ่จะสั่งพืชที่ไปปลูก เช่น กล้วย ไผ่ มะม่วง และมะพร้าว แต่ส่วนใหญ่นำกล้วยไปปลูก เนื่องจากเป็นพืชที่ไม่ต้องดูแลมาก สามารถรื้อถอนง่าย หากมีความต้องการนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น ก่อสร้างบ้าน และประกอบธุรกิจค้าขาย แต่ถ้าปลูกไผ่ เมื่อต้องการใช้พื้นที่ต้องจ้างรถแม็คโครไปรื้อถอน”

...

ที่ผ่านมางานมีมากช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป เพราะเมื่อนำกล้วยไปลงในพื้นที่จะงอกงามได้ผลดี ขณะเดียวกันก่อนปลูกจะต้องให้เจ้าของพื้นที่จัดการวัชพืชต่างๆ ให้สามารถขุดหลุมลงดินได้ง่าย แต่เจ้าของพื้นที่หลายคนไม่ได้ตัดหญ้า หรือถางวัชพืชบนที่ดินไว้ให้ก่อน ทำให้การทำงานต้องใช้เวลา และต้องคิดค่าจ้างเพิ่มในการตัดหญ้า

สำหรับค่าจ้างในการนำกล้วยไปปลูกคิดหน่อละ 30 บาท ซึ่งไม่รวมกับค่าขนส่ง ที่คิดตามระยะทาง โดยหน่อกล้วยจะนำมาจากส่วนในย่านปทุมธานี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ชอบกล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง สายพันธุ์พื้นเมือง ไม่ต้องดูแลมาก แต่ถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าปากช่อง 50 ต้องมีการดูแลที่มากกว่าปกติ ถึงจะได้ผลผลิตที่ดี หรือกล้วยหอมทองปทุม เมื่อออกเครือจะต้องมีไม้ไปค้ำลำต้น เพราะเสี่ยงลำต้นหักโค่น แต่มีลูกค้าวัยเกษียณที่ชอบกล้วยให้ผลผลิตดี

“บางกรณีเจ้าของที่ดินต้องการได้กล้วยที่มีใบ จะคิดราคาเพิ่มเป็นหน่อละ 35 บาท แต่ก่อนทำการปลูกกล้วย เจ้าของที่ดินต้องจัดการพื้นที่ให้โล่งเตียน เพราะถ้าเป็นหญ้ารก ปลูกกล้วยไปไม่นานก็ตาย ขณะเดียวกันไม่แนะนำให้ปลูกในบ่อซีเมนต์”

การปลูกกล้วยตามเกณฑ์ที่กำหนดต้องใช้ 200 หน่อ ต่อ 1 ไร่ ซึ่งคิดค่าจ้างทั้งหมดประมาณไร่ละ 7,800 บาท ที่ผ่านมาเคยไปรับงานมากสุดอยู่ที่ 10 ไร่ ซึ่งลูกค้าพอเห็นการทำงานก็จะมีการแนะนำกันแบบปากต่อปาก หรือถ้ามีที่ดินรกร้าง จะจ้างไปปลูกกล้วยอีก แต่ไม่ค่อยพบกรณีที่ให้ไปปลูกในพื้นที่เดิม ที่เคยปลูกมาแล้ว

สำหรับเจ้าของที่ดินต้องการนำกล้วยไปปลูกในที่ดิน สิ่งสำคัญต้องประเมินความต้องการของตนเองก่อนว่ามีศักยภาพในการดูแลหรือไม่ หากไม่มีเวลาในการดูแล จะต้องนำกล้วยสายพันธุ์ที่มีความคงทน หรือบางคนที่มีทุนทรัพย์จะลงทุนโดยใช้ระบบน้ำหยด ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยไร่ละหลายหมื่นบาท

“เทคนิคการนำกล้วยไปลูกในพื้นที่ควรนำไปลงก่อนเข้าหน้าฝน เพราะจะทำให้กล้วยฟื้นตัวเร็ว เจริญเติบโตได้ดี แต่ถ้าปลูกในหน้าร้อน ปลูกไปไม่นานก็ตาย ขณะเดียวกันการเดินทางไปปลูกในแต่ละครั้ง จะต้องปลูกให้เสร็จภายใน 1 วัน เพราะตีราคาค่าเดินทาง เพื่อให้ทำงานเสร็จภายในวันเดียว”.

ภาพถ่าย : ชุติมน เมืองสุวรรณ