ปีที่ผ่านมามีพืชหลายชนิดราคาตกต่ำ จนสร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรไทยในระยะยาว สำหรับพืชในอนาคต ควรปลูกในปี 2566 มีแนวโน้มสร้างรายงดงามอย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง แต่เกษตรกรจะต้องหาความรู้ เพื่อสร้างศักยภาพให้กับผลผลิต

หวังว่าปี 2566 จะเป็นปีทองของเกษตรกรไทย และลืมตาอ้าปากได้ หากทำตามข้อแนะนำของ “สุรกิตติ ศรีกุล” ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตพืช กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวกับ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ว่า พืชดาวรุ่งที่มีอนาคตในปี 2566 ที่เกษตรกรระดับกลางและรายย่อย สามารถปลูกได้คือ โกโก้ แม้ที่ผ่านมามีการส่งเสริม แต่ยังประสบปัญหา เพราะต้นพันธุ์ที่จำหน่ายบางส่วนไม่ได้คุณภาพ ทำให้เกษตรกรประสบปัญหา ดังนั้นการปลูกโกโก้ ที่มีคุณภาพต้องเริ่มจากการได้ต้นกล้าสายพันธุ์ที่ดี

การขยายพันธุ์ของโกโก้ ด้วยความที่เป็นพืช ซึ่งไม่สามารถเก็บเมล็ดจากต้นเดิมนำมาปลูกใหม่ได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการคัดสรรเมล็ดพันธุ์ ถึงจะได้สายพันธุ์ที่เหมาะสม จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ที่เกษตรกรต้องมีความรู้ เพื่อให้มีการเพาะปลูก ที่ให้ผลผลิตสร้างรายได้ในระยะยาว

...

“โกโก้ เป็นพืชที่ชอบความชื้น เหมาะกับการปลูกทางภาคใต้และภาคตะวันออก บางแห่งปลูกแซมในร่องสวนมะพร้าว ดังนั้นการเพาะปลูกในช่วงแรกที่ยังไม่ให้ผลผลิต ควรปลูกแบบผสมผสานกับพืชที่ให้ผลผลิตระยะสั้น เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร”

ส่วนอีกพืชดาวรุ่งคือ ไข่ผำ เป็นพืชน้ำขนาดเล็กคล้ายตะไคร่น้ำ รูปร่างเป็นเม็ดกลมเล็ก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.2 มิลลิเมตร มีสีเขียวลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ เป็นพืชที่ให้โปรตีนสูง โดยเฉพาะคนที่รักษาสุขภาพ เริ่มหันมาทานแทนเนื้อสัตว์ เพราะให้โปรตีนในปริมาณสูง พบมากในภาคอีสาน แต่การเพาะเลี้ยงต้องทำในระบบปิดที่มีความสะอาด ปราศจากการปนเปื้อน

การเก็บผลผลิตไข่ผำ ทำได้ทุก 20 วัน สามารถเพาะปลูกได้ทั้งปี และถ้ามีการแปรรูปให้เป็นผงโปรตีน สามารถเก็บไว้ได้นาน และส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้ ยิ่งสร้างมูลค่า รวมถึงเป็นการเปิดตลาดใหม่ โดยที่เกษตรกรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญพืชชนิดนี้เกษตรกรรายเล็กสามารถทำได้ เนื่องจากเพาะปลูกง่าย พบมากตามแหล่งน้ำในภาคอีสาน

“ในยุโรปมีการแปรรูปไข่ผำ เป็นอาหารในนักกีฬาและผู้ป่วยที่ต้องการพักฟื้น เนื่องจากมีโปรตีนสูงมากกว่าถั่วเหลือง สิ่งสำคัญต้องมีการเพาะปลูกที่เหมาะสมตามมาตรฐานการส่งออกของยุโรป จึงจำเป็นที่ต้องให้ความรู้กับเกษตรกรผู้เพาะปลูกที่สนใจมากขึ้น”

ส่วนมะพร้าวน้ำหอมเป็นอีกชนิดที่มีอนาคตสดใส เนื่องจากปี 2565 มีการส่งออกไปจีนเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับคนที่เริ่มเพาะปลูกใหม่ ต้องรอให้ออกผลผลิตออกในอีก 5 ปี ดังนั้นควรปลูกพืชให้ผลผลิตระยะสั้น เพื่อสร้างรายได้ระหว่างรอการเก็บผลผลิตมะพร้าวน้ำหอม

พืชที่ทำเงินและมีอนาคตในปี 2566 เกษตรกรต้องใช้เวลาศึกษา และดูถึงความเหมาะสมของพื้นที่เพาะปลูก ขณะเดียวกันควรมีการปลูกพืชแบบผสมผสาน เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และขอให้เกษตรกรไทยโชคดีในปี 2566 .