หลังใช้เวลาเพียง 5 วัน นับจากวันที่มีการออกแถลงการณ์ล่าสุดว่า กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาเพื่อตอบสนองต่อกรณีการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “เพียร์ซ มอร์แกน” ในรายการ Piers Morgan Uncensored : 90 Minutes with Ronaldo ของ "คริสเตียโน โรนัลโด" และแล้วในที่สุด...ความสัมพันธ์ระหว่าง "สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด" และอีกหนึ่งตำนานนักเตะที่เหล่า "Red Army" แสนรักใคร่ ก็เดินทางมาถึง “จุดแตกหัก” ที่ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ปลายทางแห่งอาชีพการค้าแข้งในฝันของ “เอกบุรุษที่ยากจะหาใครเสมอเหมือนนี้” มันควรเป็นความอบอุ่น สวยงาม และเต็มตื้นในหัวใจ ภายใต้ประคองกอดของเหล่า Red Army มิใช่หรือ?

...

ใช่!...ยูไนเต็ด จัดการทลายความเงียบงันที่โลกทั้งโลกกำลัง “รอคำตอบ” ด้วยการออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเพียง 67 คำ เพื่อประกาศการตัดสัมพันธ์ในแบบไร้เงื่อนไข และมีผลทันทีก่อนหมดสัญญา กับ กองหน้าวัย 37 ปี ผู้ทำสถิติยิง 145 ประตู จากการลงเล่นให้กับปิศาจแดง 346 นัด อีกทั้งยังเป็นยอดนักเตะแห่งความหวังในการพายูไนเต็ดคืนสู่ความยิ่งใหญ่เฉกเช่นที่เคยเป็นมา หลังการคืนสู่ถิ่นโอลด์แทรฟเฟิร์ดในรอบที่ 2 เมื่อปี 2021

มันคือ 67 คำที่แสนเรียบง่าย...ที่ “ไม่มีแม้สักคำเดียว” ที่เป็นการต่อว่าต่อขานในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หนำซ้ำยังมีการขอบคุณในผลงานของฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ เพื่อให้ภาพการแยกทางที่ปรากฏต่อสาธารณชนในครั้งนี้เป็นไปด้วยความละมุนละม่อม และเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่ายอย่างแท้จริง และทั้งหมดนี้อาจเป็น “เกียรติ” ที่ "โรนัลโด" ถวิลหาเป็นครั้งสุดท้ายจากสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้!

การจัดการปัญหาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :

การตัดสินใจที่รวดเร็ว อีกทั้งการออกถ้อยแถลงที่เรียบง่าย และมีการระบุว่าเป็นความยินยอมพร้อมใจที่จะยกเลิกสัญญาด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถูกนักวิเคราะห์มองว่า เป็นเพราะยูไนเต็ดต้องการจบปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากใช้เงื่อนไขที่ว่า โรนัลโด ละเมิดสัญญาด้วยการประพฤติผิดอย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้สามารถยุติสัญญาได้ อาจนำไปสู่การฟ้องร้องที่กินระยะเวลายาวนาน อย่างไรก็ดี สโมสรปิศาจแดง ยังคงไม่มีความชัดเจนในประเด็นที่ว่า จะมีการยอมจ่ายค่าเหนื่อยที่สูงถึง 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่งจะสิ้นสุดลงในฤดูกาลนี้ต่อไปหรือไม่?

ซึ่งในกรณีที่ไม่มีการจ่ายเงินค่าเหนื่อยให้กับโรนัลโดอีกต่อไป “ยูไนเต็ด” จะสามารถประหยัดเงินในส่วนนี้ได้มากถึง 14 ล้านปอนด์

...

รำลึกผลงานที่ โรนัลโด บรรจงสร้างให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :

ตัวเลขที่น่าจดจำของโรนัลโด สำหรับ ยูไนเต็ด :

27 คือ จำนวนประตูรวมที่ โรนัลโด ยิงให้กับยูไนเต็ดในการหวนคืนสู่เหย้ารอบ 2
18 คือ จำนวนประตูรวมที่ โรนัลโด ยิงในลีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จนขึ้นรั้งอันดับสามดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก
145 คือ จำนวนประตูรวมทั้งหมดที่ โรนัลโด ยิงได้ภายใต้สีเสื้อปิศาจแดง
346 คือ จำนวนนัดทั้งหมดที่ โรนัลโด ลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
57 คือ จำนวนการแอสซิสต์รวมทั้งหมด ที่ โรนัลโด ทำได้ตลอดการค้าแข้งให้กับปิศาจแดง
103 คือ จำนวนประตูรวมทั้งหมดที่ โรนัลโด ยิงให้กับยูไนเต็ด เฉพาะในพรีเมียร์ลีก
37 คือ จำนวนการแอสซิสต์รวมทั้งหมดที่ โรนัลโด ทำให้กับปิศาจแดง เฉพาะในพรีเมียร์ลีก
236 คือ จำนวนการลงเล่นทั้งหมดให้กับยูไนเต็ด เฉพาะในพรีเมียร์ลีก ของ โรนัลโด
22 คือ จำนวนประตูรวมทั้งหมดที่ โรนัลโด ยิงให้กับยูไนเต็ด เฉพาะในแชมเปียนส์ลีก
10 คือ จำนวนการแอสซิสต์รวมทั้งหมด ที่ โรนัลโด ทำให้กับยูไนเต็ด เฉพาะในแชมเปียนส์ลีก
62 คือ จำนวนการลงเล่นทั้งหมดให้กับยูไนเต็ด ของ โรนัลโด เฉพาะในแชมเปียนส์ลีก

...

อะไรคือความแตกต่างระหว่าง การมี และไม่มี โรนัลโด ในทีมปิศาจแดงฤดูกาลนี้ :

และทั้งหมดนี้คือค่าเฉลี่ยของปิศาจแดง จากทั้งหมด 14 นัด เฉพาะในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้

เมื่อแมนยูฯมีโรนัลโด เปอร์เซ็นต์การชนะอยู่ที่ 25%
แต่หากไม่มีโรนัลโดอยู่ในทีม เปอร์เซ็นต์การชนะอยู่ที่ 70%

ค่าเฉลี่ยการทำคะแนนต่อนัด เมื่อแมนยูฯ มีโรนัลโด อยู่ที่ 1.0 คะแนน
แต่หากไม่มีโรนัลโดอยู่ในทีม ค่าเฉลี่ยการทำคะแนนต่อนัด อยู่ที่ 2.2 คะแนน

ส่วนค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อเกม เมื่อแมนยูฯ มีโรนัลโด อยู่ที่ 0.5 ประตู
แต่หากไม่มีโรนัลโดอยู่ในทีม ค่าเฉลี่ยการทำประตูต่อเกม อยู่ที่ 1.8 ประตู

ด้านค่าเฉลี่ยการเสียประตูต่อเกม เมื่อแมนยูฯ มีโรนัลโด อยู่ที่ 1.8 ประตู
แต่หากไม่มีโรนัลโดอยู่ในทีม ค่าเฉลี่ยการเสียประตูต่อเกม อยู่ที่ 1.3 ประตู

ขณะที่ค่าเฉลี่ยระยะทางการวิ่งในสนามต่อเกม เมื่อแมนยูฯ มีโรนัลโด จะอยู่ที่ 103 กิโลเมตร
แต่หากไม่มีโรนัลโดอยู่ในทีม ค่าเฉลี่ยระยะทางการวิ่งในสนามต่อเกม จะอยู่ที่ 107.5 กิโลเมตร

...

อนาคตหลังจากนี้ของโรนัลโด :

โรนัลโด กล่าวยืนยันอย่างหนักแน่นในระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “เพียร์ซ มอร์แกน” ว่า จะลงเล่นฟุตบอลอาชีพจนถึงอายุ 40 ปี และยังคงมีสโมสรอีกมากมายที่ให้ความสนใจดึงตัวเขาไปร่วมทีม

อย่างไรก็ดี “ในความเป็นจริง” จากเงื่อนไขที่โรนัลโดร่ายยาวในระหว่างการให้สัมภาษณ์สะท้านโลกครั้งนี้ อาจทำให้เหลือสโมสรไม่มากนักที่มีศักยภาพมากพอสำหรับการรองรับความต้องการอันมากล้นของโรนัลโดได้ นั่นคือ

1. ต้องมีเงินถุงเงินถังมากพอสำหรับการจ่ายค่าเหนื่อยในระดับ 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

2. ต้องรับประกันตำแหน่งตัวจริงให้กับโรนัลโดได้

3. ต้องมีความทะเยอทะยานและศักยภาพทีมในระดับที่สามารถพิชิตถ้วยแชมเปียนส์ลีกได้ และสุดท้าย

4. ต้องสามารถรองรับความเกรี้ยวกราดในระดับเกินขีดจำกัดในแบบที่ "โรนัลโด" เคยทำกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้วได้

บทสรุปจากบทเรียนของโรนัลโด “ที่ยูไนเต็ด ต้องไม่มีนักเตะคนไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าสโมสร” :

“เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้จัดการทีมไม่มีอำนาจ ก็ไม่มีสโมสร ปล่อยนักเตะเมื่อไหร่ ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น” เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทั้งหมดนั้นคือ...ปรัชญาการสร้างทีมฟุตบอลที่มีชื่อว่า “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ให้รุ่งโรจน์มาตลอดการคุมทีมที่กินระยะเวลายาวนานถึง 27 ปี

ด้วยเหตุนี้ สตาร์ลูกหนังที่เก่งกาจเลอเลิศเพียงใด (ในกรณีนี้ เอริก คันโตนา อาจเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับการยกเว้น) หากเกิดไปกระทำการ “ล้ำเส้น” ที่ว่านั้น “คำตอบเดียว” ที่จะได้รับหลังจากนั้น คือ “คุณต้องออกไปจากสโมสรแห่งนี้” และ เดวิด เบคแคม, รอย คีน, รุด ฟาน นิสเตลรอย คือตัวอย่างที่เด่นชัดมากที่สุดในกรณีนี้

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทุกๆ การจากลาซึ่งมักจะเริ่มต้นด้วยความขุ่นเคืองและร้าวฉาน หากแต่เมื่อปล่อยเวลาให้เลยผ่านไป “อัตตา” ซึ่งเคยมีอย่างเปี่ยมล้นในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ และมักทำให้เสียงว่ากล่าวตักเตือนด้วยความหวังดีแปรเปลี่ยนเป็นเพียง “ความน่ารำคาญ” และ “การตีความที่สื่อถึงความริษยามากกว่าหวังดี” ค่อยๆ ถูกชะล้างไปด้วย “วุฒิภาวะที่พอกพูนขึ้นตามประสบการณ์แห่งวัย” ผู้ก่อขบถเหล่านั้นก็มักจะคิดได้ และกลับไปสารภาพผิด เพียงเพื่อหวังว่าจะได้รับการอภัยจาก “ผู้ยิ่งยงแห่งโอลด์แทรฟเฟิร์ด” ทั้งสิ้น

“เจ้านาย ผมอยากขอโทษที่ทำตัวไม่ดีในตอนนั้น” และนั่นคือชุดคำพูดซ้ำๆ ที่เหล่าอดีตสตาร์ดังกลับมาสารภาพบาปกับสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้กับ “ป๋าเฟอร์กี้” ในภายหลังอยู่เสมอๆ! ซึ่งหากคิดในแง่ดี เมื่อถึง ณ จุดๆ หนึ่งที่ "โรนัลโด" ตกผลึกทางความคิดได้ ด้วยวัยที่เลยล่วงและเริ่มไร้ซึ่งเสียงเยินยอสรรเสริญ “บางที” โรนัลโด อาจเข้าใจในสิ่งที่ทั้ง “เอริก เทนฮาก” และเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ในยูไนเต็ดพยายามทำความเข้าใจกับ "โรนัลโด" อย่างหนักตั้งแต่ต้นฤดูกาลที่ผ่านมาก็เป็นได้!

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง