หลังทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดังได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงอาการป่วยจากโรคไตระยะสุดท้าย ทำให้ผู้ติดตามการทำงาน ในการช่วยเหลือประชาชน แสดงความประสงค์บริจาคเงินและไตเพื่อปลูกถ่ายให้กับทนายคนดัง แต่เจ้าตัวปฏิเสธ โดยระบุในข้อความว่า “ผมใช้ชีวิตคุ้มแล้ว...มีผู้ใจบุญเมตตาจะบริจาคไตให้ผม ผมได้ขอบคุณ และอนุโมทนา ในกุศลจิต ครั้งนี้ 3-4 ท่าน แต่ผมไม่อาจรับความปรารถนาดีตรงนี้ได้...”

“ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ได้สอบถามไปยัง ทนายเกิดผล แก้วเกิด ถึงอาการป่วยว่า ขณะนี้เป็นโรคไตเสื่อมระยะสุดท้าย การรักษามีทางเดียวคือ ต้องเปลี่ยนถ่ายไตหรือฟอกไต และต้องทำการรักษาแบบประคับประคอง อาการตอนนี้ยังไม่สามารถทำการฟอกไตได้ เพราะต้องฉีดยากระตุ้นเม็ดเลือด เพื่อให้มีการไหลเวียนของเลือดกลับมาเป็นปกติก่อน

“เมื่อได้ประกาศว่าป่วยเป็นโรคไต มีผู้ที่ติดตามการทำงานมาตลอด เสนอบริจาคทรัพย์สินและไต เพื่อใช้ในการเปลี่ยนถ่าย แต่ผมไม่ขอรับความหวังดีเหล่านั้น โดยเฉพาะไต เพราะผมเชื่อว่าไตของท่านมีคุณค่าอย่างมาก อาจจะนำไปช่วยเหลือคนที่ใกล้ชิดท่าน หรือคนที่ต้องการมากกว่าผม ซึ่งถ้าผมได้ไตมาเปลี่ยนถ่าย ตอนนี้มีอายุ 49 ปี ถ้าได้ไตมาก็อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เพราะอายุขัยอาจไม่ได้ยืนยาว เนื่องจากมีโรคประจำตัวมาก ดังนั้นจึงไม่คุ้มค่ากับการเสียสละของท่าน”

การรักษาต่อจากนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องไปพบแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่ยังสามารถทำงานให้คำปรึกษาด้านกฎหมายกับผู้เดือดร้อนได้ตามปกติ

ทนายเกิดผล แก้วเกิด
ทนายเกิดผล แก้วเกิด

...

ถูกหลอกลงเรือประมง เปลี่ยนแปลงตัวเองจนสอบได้ทนายความ 

ถ้าย้อนกลับไปถึงชีวิตของ ทนายเกิดผล แก้วเกิด ก่อนได้รับการยอมรับต้องผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน การเผชิญโรคไตระยะสุดท้าย จึงกลายเป็นเพียงอุปสรรคทางด้านร่างกายเท่านั้น 

“ทนายเกิดผล” เล่าให้ “ทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์” ฟังว่า ช่วงชีวิตวัยเด็กในจังหวัดหนองบัวลำภู ด้วยความยากจน เมื่อเรียนจบประถมศึกษาปีที่ 6 จึงเข้ามาทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ เพราะพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวได้เสียชีวิตกะทันหัน ก่อนหันเหชีวิตไปเป็นลูกจ้างร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งกลายเป็นบทเรียนสำคัญในชีวิต เมื่อลูกจ้างภายในร้านขโมยเครื่องใช้ไฟฟ้า จนเจ้าของจับได้ และซัดทอดว่าตนเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ ทำให้ต้องแสดงหลักฐาน เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ สุดท้ายหลุดพ้นจากข้อครหา แต่ต้องแลกมาด้วยการถูกไล่ออกจากงาน

ความยากจนและไม่มีญาติมิตรในเมืองใหญ่ ทำให้ช่วงเวลานั้นต้องเดินหางานตามประกาศที่ติดไว้บริเวณป้ายรถเมล์ จนไปพบประกาศรับสมัครงานโรงงานไม้ขีดไฟแห่งหนึ่ง ความหวังของเด็กบ้านนอกวัย 15 ปี ได้เปล่งประกายอีกครั้ง แต่พอเดินทางไปยังสำนักงานที่ระบุไว้ในแผนที่กลับพบว่า เป็นสำนักงานจัดหางานเถื่อน

งานที่เด็กหนุ่มวัย 15 มุ่งหวังกลับไม่เป็นดังที่คิด เขาถูกส่งไปทำงานในเรือประมง การทำงานที่หนักไม่ต่างจากแรงงานทาส ทำให้อยากจะหนีรอดพ้นจากนรกบนเรือ แต่ต้องรอเวลาเข้าฝั่ง เมื่อสบโอกาสเรือเข้าเทียบท่าจังหวัดนครศรีธรรมราช สองขาของเขาก็วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต เป้าหมายคือการหนีให้รอดพ้นจากขบวนการค้าแรงงานทาส แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ขอไปตายเอาดาบหน้า

“พอเราถูกหลอกให้ทำงานบ่อยๆ ก็รู้สึกว่า เป็นเพราะเรียนมาน้อย เลยตัดสินใจเรียนการศึกษานอกโรงเรียนจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่พอเอาวุฒิไปสมัครงาน โรงงานหลายแห่งไม่รับ เพราะยุคนั้นคนที่จบการศึกษานอกโรงเรียนยังไม่ได้รับการยอมรับ จึงตัดสินใจไปขายซาลาเปา แล้วเรียนการศึกษานอกโรงเรียนจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างนี้ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปชนกับรถสิบล้อจนบาดเจ็บ แต่ไม่ได้รับความยุติธรรม จึงเป็นแรงผลักดันทำให้ตัดสินใจเรียนด้านกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช”

แม้จะเรียนกฎหมายจนจบ 4 ปี แต่ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ทำให้ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อปากท้อง ด้วยการหันเหชีวิตไปขับแท็กซี่อยู่หลายปี ก่อนจะสอบได้ใบอนุญาตว่าความ และด้วยแรงกดดันจากความล้มเหลวหลายครั้ง ทำให้มุ่งมั่นที่จะใช้ความรู้ด้านกฎหมายเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน

“ตอนท้อแท้ผิดหวัง มักจะปลอบใจตัวเองว่า มันเป็นเรื่องปกติของคนที่ขาดโอกาสอย่างเรา ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีสถานะทางสังคม สิ่งสำคัญคือไม่ควรจะโทษโชคชะตาหรือครอบครัว แต่หันมาโทษตัวเองว่าเป็นเพราะมีความรู้น้อย จึงต้องหันมาพัฒนาตัวเอง แสวงหาความรู้ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นได้”

คนที่อยากประสบความสำเร็จ ก่อนอื่นต้องมีเป้าหมาย แม้จะต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ แต่ตนเองจะต้องมีความพยายามมากกว่าคนอื่น อาจเหนื่อยกาย พักผ่อนไม่นานก็หายเหนื่อย เมื่อวันที่ประสบความสำเร็จพอมองย้อนกลับไปจะเห็นถึงอุปสรรคต่างๆ ที่สามารถผ่านมาได้อย่างมีความสุข

การเผชิญโรคไตระยะสุดท้าย แม้ไม่ใช่อุปสรรคแรกในชีวิตของทนายคนดัง แต่แนวคิดและการพัฒนาตนเองจากคนที่สิ้นไร้สถานะทางสังคม ให้ยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง จนสามารถแบ่งปันความช่วยเหลือไปยังผู้ด้อยโอกาสคนอื่นๆ ได้

...