การปรากฏตัวที่เปล่งประกายราวกับป๊อปสตาร์ ท่ามกลางวงล้อมของผู้คนโดยเฉพาะสาวๆ ในประเทศไทย ทำให้แทบลืมไปเลยว่าคู่ต่อกรรายล่าสุดของ บัวขาว บัญชาเมฆ สุดยอดนักมวยไทย ซึ่งมีชื่อว่า "โคตะ มิอุระ" (Kota Miura) นั้น เป็น "นักชก MMA" แล้วเหตุใดหนุ่มชาวญี่ปุ่นวัยเพียง 20 ปี จึงตกอยู่ภายใต้แสงสปอตไลท์จนทำเอานักชกอันดับหนึ่งของไทย “ตกอยู่ภายใต้ความเศร้าหมอง” ไปโดยปริยาย วันนี้ “เรา” จึงอยากชวน “คุณ” ไปทำความรู้จักกับ ชายหนุ่มหวานละมุนคนนี้ให้มากยิ่งขึ้นผ่าน “ความพยายามก้าวให้พ้นเงาแห่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวีรบุรุษแห่งประเทศญี่ปุ่น “King Kazu” คาซึโยชิ มิอุระ ผู้เป็นบิดา

ที่มารูป : Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ)
ที่มารูป : Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ)

...

โคตะ มิอุระ (Kota Miura) กับ ศิลปะการต่อสู้ :

ชายหนุ่มที่กำลัง POP ในหมู่สาวๆ ชาวไทย เริ่มสนใจเรื่องศิลปะการต่อสู้ในช่วงเรียนชั้นมัธยมต้น โดยเริ่มชกมวยเป็นงานอดิเรก ในขณะที่การเล่นฟุตบอลตามรอยเท้าของ คาซึโยชิ มิอุระ หรือ King Kazu ผู้เป็นบิดาและวีรบุรุษของประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นเป้าหมายหลักในชีวิต

อย่างไรก็ดี “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ที่ทำให้ "โคตะ มิอุระ" เริ่มผละจากฟุตบอล และหันไปมุ่งให้ความสนใจเรื่องการชกมวยอย่างจริงจังมากขึ้นนั้น เป็นผลมาจากอิทธิพลของมังงะชื่อดังอย่าง “โจ สิงห์สังเวียน” (Ashita no Joe) รวมถึงการชกอันน่าตื่นตาตื่นใจของสุดยอดนักมวยชื่อก้องโลกอย่าง มูฮัมหมัด อาลี และ ไมค์ ไทสัน

“ในตอนที่เป็นเด็ก ผมเฝ้ามองพ่อ และตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะต้องเป็นคนดังในทางใดทางหนึ่งให้ได้ ซึ่งพอผมได้เริ่มฝึก MMA ผมเริ่มให้ความสนใจกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพลักษณ์ของ MMA คือศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งหากทำได้ ผมอาจจะเข้าใกล้ความสำเร็จที่พ่อเคยสร้างมันขึ้นมาก็เป็นได้ ผมจึงเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจังมากขึ้น” และด้วยเหตุนี้ความมาดมั่นเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นนักชก MMA อันดับหนึ่งของโลก ของ โคตะ มิอุระ จึงเริ่มต้นขึ้นในที่สุด!

เทนซิน นาสึคาวะ (ขวา) ไอดอลในโลกของการต่อสู้ ของ โคตะ มิอุระ
เทนซิน นาสึคาวะ (ขวา) ไอดอลในโลกของการต่อสู้ ของ โคตะ มิอุระ

เส้นทางสู่นักชก MMA :

หลังจบมัธยมปลาย "โคตะ มิอุระ" ตัดสินใจไม่เข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เพื่อทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการฝึกฝนเพื่อความเป็นหนึ่งในโลก MMA อย่างจริงจัง โดยเขากล่าวว่า...

“หากผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโดยไม่มีเป้าหมาย มันคงเสียทั้งเงินและเวลาไปถึง 4 ปีอย่างสูญเปล่า ผมจึงตัดสินใจเลือกพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อย่างเต็มที่ เพราะผมอยากเป็นคนเลือกในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดีกว่าจะต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง”

ถึงแม้ว่า...การตัดสินใจครั้งสำคัญนี้จะทำให้ “วีรบุรุษของชาวญี่ปุ่น” และผู้เป็นแม่ ไม่เห็นด้วยก็ตาม

“พ่อ (คาซึโยชิ มิอุระ) บอกกับผมว่า ทำไมแกไม่ไปเรียนมหาวิทยาลัย นั่นเป็นเพราะพ่อรู้ดีว่าการใช้ชีวิตในฐานะนักกีฬาอาชีพมันยากลำบากมากแค่ไหน พ่อไม่อยากให้ผมด่วนตัดสินใจในเรื่องนี้เร็วเกินไป นอกจากนี้ทั้งแม่ (ริซาโกะ มิอุระ อดีตนักแสดงและนางแบบชื่อดัง) และยาย ต่างก็มีความเห็นเหมือนๆ กันว่า การเลือกเรียนในระดับมหาวิทยาลัยเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับอนาคตมากที่สุดด้วย”

อย่างไรก็ดี เมื่อ “โคตะ มิอุระ” ยืนกรานในการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของตัวเอง รวมถึงใช้เหตุผลบอกเล่าถึงความรักที่มีต่อศิลปะการต่อสู้ให้กับคนในครอบครัวได้รับฟัง ในท้ายที่สุดคนในครอบครัวจึง “ไม่คัดค้าน” การตัดสินใจในครั้งนี้อีกต่อไป ทำให้เมื่อจบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย “โคตะ มิอุระ” จึงได้เข้าไปเป็น “เด็กฝึกหัด” ของ BRAVE Gym ของ คาซูยูกิ มิยาตะ (Kazuyuki Miyata) อดีตนักกีฬามวยปล้ำทีมชาติญี่ปุ่น เพื่อฝึกฝนการเป็นนักกีฬา MMA อย่างจริงจังทันที

...

จนกระทั่ง...ได้รับโอกาสขึ้นชกเป็นครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่าง RIZIN.30 ที่ ไซตามะ ซุปเปอร์ อารีนา ในช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา

ที่มารูป : Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ)
ที่มารูป : Banchamek Gym (Buakaw Banchamek, บัวขาว บัญชาเมฆ)

“ตอนที่ได้รับข้อเสนอ ผมลังเลเล็กน้อย ผมคิดว่าตัวเองอาจได้รับข้อเสนอเพราะชื่อเสียงของพ่อ ผมจึงไม่แน่ใจว่าควรตอบรับดีไหม ผมจึงไปปรึกษากับพ่อ และคำตอบที่ได้รับกลับมาคือ บางทีนี่อาจเป็นข้อเสนอสุดท้าย ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่นี่คือโอกาสครั้งสำคัญ เอาล่ะแม้ว่าอาจจะต้องพ่ายแพ้แบบหมดรูป แต่ถ้าหากไม่ตัดสินใจและกระโดดเข้าหาโอกาส ลูกจะไม่มีทางเป็นคนมีชื่อเสียงได้เหมือนกับที่พ่อเป็น” และด้วยคำตอบนี้เอง...แม้ว่า “โคตะ มิอุระ” จะยังไม่มีความมั่นใจมากนัก แต่ก็ตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว พร้อมกับทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ทันที!... แต่แล้วผลตอบรับกลับมากลับรุนแรงเกินกว่าที่เจ้าตัวคิดไว้อย่างสิ้นเชิง

...

เสียงครหาในฐานะลูกชายคนดัง :

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบในโลกโซเชียลมีเดียญี่ปุ่นเกิดขึ้นทันที หลัง “โคตะ มิอุระ” ตอบรับเข้าร่วมการแข่งขัน โดยคอมเมนต์ส่วนใหญ่มุ่งโจมตี ด่าทอ และเต็มไปด้วยอคติกับลูกชายของ King Kazu อย่างรุนแรง และบางคอมเมนต์เลยเถิดถึงขนาด “ขู่ฆ่า” นักชก MMA ที่กำลังเตรียมเดบิวต์ จนกระทั่งสร้างแรงกดดันให้กับ “โคตะ มิอุระ” อย่างรุนแรง ซึ่งมันหนักหนาเสียจนกระทั่งพ่อหนุ่มนักชกหน้าใหม่ถึงกับนอนไม่หลับ และต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเลยทีเดียว

แต่แล้วในวันที่ขึ้นสู่สังเวียน ทายาท King Kazu ก็ได้ทำให้ทุกเสียงที่เคยทั้งหยามหมิ่น และวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างสาดเสียเทเสีย ต้องหุบปากลงอย่างสนิท เมื่อ “โคตะ มิอุระ” สามารถงัดสารพัดศิลปะการต่อสู้ไม่ว่าจะเป็น ท่ากิโยตินโช๊ค, ท่าล็อกสามเหลี่ยม, Arm-Hishigi Cross-lock รวมถึงการเตะอันหนักหน่วงที่มีพื้นฐานมาจากการเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็กๆ จนสามารถบดเอาชนะ TKO คู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่ยกแรก ก่อนจะเข้าไปสวมกอดพ่อและแม่ที่เข้ามาให้กำลังใจถึงริมขอบเวทีอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

...

หลังได้รับชัยชนะ “โคตะ มิอุระ” กลายเป็นคนดังเช่นที่เขาเคยตั้งความหวังว่า อยากกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงได้เหมือนกับ King Kazu ทันที อินสตาแกรมของเขาจากเดิมที่มีผู้ติดตามเพียง 3,000 Followers พุ่งขึ้นเป็น 10,000 Followers ทันที และปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็น 683,000 Followers (สิ้นสุดวันที่ 18 ส.ค. 65) และมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นผู้ติดตามจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เสียด้วย

อย่างไรก็ดี การขึ้นชกในฐานะการเป็นนักชก MMA อาชีพ ต่อมาอีก 2 ไฟต์ ในเดือนพฤษภาคม และเดือนกรกฎาคม ซึ่งควรจะเป็นการขึ้นชกก่อนหน้าจะปะทะกับ บัวขาว บัญชาเมฆ ที่สนามมวยราชดำเนิน ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ได้ถูกยกเลิกไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจาก “โคตะ มิอุระ” มีอาการบาดเจ็บที่คอในไฟต์แรก ส่วนในไฟต์ที่สองถูกตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่อุปสรรคที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกท้อแท้แต่อย่างใด มิหนำซ้ำมันยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เขาฟิตซ้อมตัวเองให้มากขึ้นยิ่งกว่าเก่าด้วย

วิถีแห่งการเกิดมาเป็นลูกชายคนมีชื่อเสียง :

แม้ว่าความพยายามก้าวให้พ้น “เงาแห่งความสำเร็จ” ของผู้เป็นพ่อจะเพิ่งเริ่มต้น และมักถูกเรียกว่า “ลูกชายของ King Kazu” มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ “โคตะ มิอุระ” ไม่เคยมองว่า “เรื่องนี้เป็นปัญหา หรือสร้างความกดดัน” ให้กับตัวเขาเองแต่อย่างใด

“ผมไม่เคยรู้สึกแย่กับเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในตอนที่ผมอาบน้ำกับพ่อช่วงวัยเด็ก พ่อมักพูดกับผมเสมอๆ ว่า ทุกคนย่อมเป็นเจเนอเรชันที่ 2 ของใครบางคนอยู่แล้ว เพียงแต่ครอบครัวของผมมักเป็นจุดสนใจของสาธารณชนเท่านั้นเอง มันก็คงเหมือนหากครอบครัวคุณเปิดร้านราเม็ง คุณก็คงมักเจอคำถามว่า จะรับช่วงต่อกิจการของครอบครัวหรือไม่ ซึ่งมันก็คงเป็นเรื่องที่ปกติที่ใครๆ ก็มักจะเจอกันอยู่แล้ว”

เป้าหมายสูงสุดในชีวิต :

“เป้าหมายสูงสุดของผมคือ การกลายเป็นราชา MMA โลก ถึงแม้ว่าผมจะรู้ตัวเองดีว่าความสามารถของผมในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด และต้องทำให้ได้ เพื่อที่ผมจะได้เปล่งประกายได้ด้วยตัวเอง”

และทั้งหมดนี้คือ “ตัวตน” ของ “โคตะ มิอุระ” ชายผู้กำลังพยายามก้าวผ่านความยิ่งใหญ่ของผู้เป็นพ่อ เพื่อที่สักวันหนึ่งจะได้รับการยอมรับจากทั้งคนญี่ปุ่นและชาวโลก ในฐานะนักชก MMA ผู้ยิ่งใหญ่ โดยไม่จำเป็นต้องมีสรรพนามห้อยท้ายที่ว่า “ลูกชายของ King Kazu” อีกต่อไป!

ส่วนหากใครอยากรู้จักในมุมสบายๆ ของพ่อหนุ่มหน้าหวานคนนี้บ้าง ก็สามารถเหวี่ยงสายตาลงไปอ่านได้ในบรรทัดถัดจากนี้กันได้เลย!.

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

กราฟิก : sathit chuephanngam

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :