โควิดผ่านไป 2 ปีกว่า หลายคนรอดมาหลายซีซั่น ไม่เคยติดโควิดไม่ว่าจะสายพันธุ์ใด ตั้งแต่อู่ฮั่น สายพันธุ์ดั้งเดิม จนมาถึงคิวของอัลฟา เบตา เดลตา โอมิครอน และโดยเฉพาะสายพันธ์ุย่อยของโอมิครอน สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แม้มีความเสี่ยงสูงใกล้ชิดกับคนติดโควิดมาหลายครั้ง หรือออกไปข้างนอกในพื้นที่เสี่ยง แต่ก็รอดมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ตรวจหาเชื้อมากี่ครั้งก็พบว่าผลเป็นลบ ไม่มีอาการใดๆ

หรือเพราะความโชคดี หรือเกิดจากปัจจัยใด ทำให้รอดปลอดภัยมายาวนาน จนคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับโรคโควิดจากโรคติดต่ออันตราย มาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เริ่ม 1 ต.ค. 2565 นี้ และในอนาคตการดูแลรักษาโควิด คงจะเป็นเช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ อย่างที่แพทย์บางคนออกมาระบุหรือไม่ และคนไม่เคยติดโควิด อาจจะต้องติดเหมือนคนส่วนใหญ่ เพราะโรคนี้จะอยู่กับเราตลอดไป

ในทางวิทยาศาสตร์ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าทำไมบางคนไม่เคยติดโควิด และขณะนี้มีนักวิจัยหลายกลุ่ม กำลังศึกษาคนไม่เคยติดโควิด หรือ Novids เกิดจากสาเหตุใด คาดว่าจากปัจจัยหลักในเรื่องกรรมพันธุ์ การฉีดวัคซีนโควิด และการระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ทั้งการใส่หน้ากากอนามัย การหมั่นล้างมือ และหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน แต่คนไม่เคยติดโควิดมาก่อน กำลังจะลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าทั่วโลกอาจมียอดติดเชื้อโควิดทะลุ 600 ล้านภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้

...

ขณะที่เว็บไซต์ข่าวแชนแนลนิวส์ เอเชีย (CNA) ของสิงคโปร์ รายงานว่าบางทฤษฎีได้ระบุผู้ที่ไม่เคยติดโควิด อาจเพราะเชื้อไวรัสที่รับมาไม่สามารถเข้าไปในเซลล์ของร่างกาย และไม่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ เนื่องจากมนุษย์แต่ละคนมีภูมิคุ้มกันในร่างกายแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันจะขึ้นอยู่กับอายุ และพันธุกรรม โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่าพันธุกรรมกว่า 20% เป็นอีกหนึ่งปัจจัยก่อให้เกิดความรุนแรงของโรค จนสามารถต้านทานเชื้อไวรัสโควิดได้

แต่ด้วยสถานการณ์โควิด ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ซึ่งการระมัดระวังป้องกันตัวเองไม่ให้ติดโควิดน่าจะดีที่สุด และมีการออกมาย้ำเตือนอยู่เสมอๆ ด้วยความห่วงใยจาก "รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์" คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้หยิบยกการออกประกาศเตือนขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ เรื่องการใช้ ATK ให้ระวังผลลบปลอม นั่นอาจเป็นหนึ่งสาเหตุทำให้บางคนเข้าใจว่าตัวเองไม่ติดโควิด เนื่องจาก ATK มักมีปัญหาเรื่องความไว ทำให้เกิดผลลบปลอมได้สูง แปลว่า ติดเชื้อแต่ตรวจได้ผลลบ ทำให้มีโอกาสที่จะประมาทใช้ชีวิตโดยไม่ป้องกันตัว และแพร่ให้คนใกล้ชิดและชุมชนได้

“เคยเตือนไว้ตั้งแต่ปีก่อนในช่วงต้นๆ ที่มีการนำ ATK มาใช้ในเมืองไทยจนมาถึงปัจจุบัน ต้องระวังเรื่องผลลบปลอม ซึ่งการตรวจซ้ำเป็นระยะๆ มีความสำคัญมาก คนที่มีประวัติสัมผัส หรือสงสัยว่าจะติดเชื้อ แต่ยังไม่มีอาการ หากตรวจ ATK แล้วได้ผลลบในครั้งแรก อย่าชะล่าใจ ควรตรวจซ้ำในอีก 48 ชั่วโมง และแม้จะยังได้ผลลบอีกครั้ง ก็ควรตรวจซ้ำเป็นครั้งที่สามในอีก 48 ชั่วโมงถัดมา หรือไปตรวจ RT-PCR หรือปรึกษาแพทย์”

กรณีที่บางคนรอดจากการติดโควิดมาหลายซีซั่น อาจเกิดจากพันธุกรรมนั้น ยังไม่มีหลักฐานฟันธงได้ แต่การติดโควิดหรือไม่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยง เพราะไวรัสโควิดติดได้จากการสัมผัส การไปพบเจอผู้คนในระยะใกล้ชิด ไม่ได้อยู่ห่างกันในระยะที่เพียงพอ นอกจากนั้นยังเกิดจากความถี่ในการไปเจอผู้คน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ และการใส่หน้ากากอนามัยไม่ถูกต้องทำให้ติดเชื้อโควิดโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการไปยังสถานที่ไม่มีอากาศถ่ายเท เป็นพื้นที่อับ ซึ่งมีเชื้อไวรัสแฝงลอยอยู่ในอากาศ เหล่านี้เป็นสัจธรรมที่พบอยู่รายวัน จนบางคนไม่รู้ว่าติดเชื้อโควิดมาจากที่ใด

“แม้รอดจากการติดโควิดมาหลายซีซั่น รอดจากสายพันธุ์เดลตาที่แพร่ได้ไว แต่เมื่อมาเจอโอมิครอนยิ่งแพร่ได้ไวกว่า และยังพบว่าปริบทของสังคมเปลี่ยนไป ทุกประเทศพยายามผ่อนคลายกิจกรรม สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ เป็นความเสี่ยงที่มากขึ้นเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดเรียน ทำให้ซีซั่นนี้ติดต่อกันทั้งครัวเรือน ส่วนหนึ่งมาจากโรงเรียนเปิด และการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้แจ็กพอตติดเชื้อโควิด”

...

สถานการณ์ระบาดในไทยพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2565 สูงเป็นอันดับ 13 ของโลก และอันดับ 5 ของเอเชีย แม้กระทรวงสาธารณสุข มีการปรับระบบรายงานไม่รวมคนเสียชีวิตที่มีโรคอื่นร่วม มาตั้งแต่ 1 พ.ค. จนทำให้จำนวนลดลงไปมากก็ตาม แต่ตัวเลขจริงๆ ของผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด ย่อมสูงกว่าที่เห็นในรายงานสะท้อนให้เห็นว่าการระบาดยังคงรุนแรง และทำให้เกิดความสูญเสีย

เพราะฉะนั้นการฉีดวัคซีนให้ครบ ระมัดระวังเรื่องกิจกรรมเสี่ยง พฤติกรรมเสี่ยง และสถานที่เสี่ยง การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ ยังเป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากติดโควิด จะมีปัญหาเรื่องลองโควิด เป็นส่ิงที่น่ากลัวมากกว่า เพราะไม่มีวิธีรักษาอย่างเฉพาะเจาะจง ซึ่งโลกต้องการเวลาในการศึกษาการรักษา จึงขอให้ทุกคนช่วยกันเตือนในการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เพราะโควิดยังอยู่กับเรา แม้ฉีดวัคซีนแต่ไม่ได้ป้องกัน ยังป่วยและตายได้ และที่สำคัญยังไม่มีวิธีรักษาลองโควิด.