ปรากฏการณ์แดงทั้งกระดาน ของ “คริปโตเคอร์เรนซี” สร้างความหวั่นวิตกให้กับนักลงทุน ที่มีเหรียญไว้ในครอบครอง และอาจเป็นการปรับฐานราคาซื้อขายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเหรียญ “Luna” ที่ก่อนนั้นมีทิศทางเติบโตสดใส กลับดิ่งฮวบ จนต้องปิดการซื้อขายชั่วคราว ความผันผวนนี้ มาพร้อมกับกระแสข่าวลือ จากการปั่นตามเพจต่างๆ ถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะ “ฟองสบู่คริปโต” หรือไม่?
“ผศ.ดร.วิษณุ วงศ์สินศิริกุล” อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ปกติคริปโตมีความผันผวนด้านราคาที่รุนแรง การดิ่งลงครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า จะอยู่ในช่วงขาลง เพราะโดยทั่วไป เหรียญที่ถูกผลิตขึ้น จะมีราคาพุ่งสูงขึ้น หากมีคนเข้ามาลงทุนและซื้อเหรียญนั้นในจำนวนมาก ในทางกลับกันราคาอาจตกได้ หากนักลงทุนขายเหรียญนั้นออกไปในจำนวนมาก ดังนั้นการลงทุนคริปโต เป็นไปตามกระแสความต้องการ ของผู้ซื้อขายเป็นหลัก
โดยเฉพาะบริษัทเอกชนที่ผลิตเหรียญขึ้นมา ก็อยากให้นักลงทุนช่วยกันดันให้เกิดการซื้อที่มากขึ้น จึงจะเห็นกระแสปั่นเหรียญต่างๆ ในโลกโซเชียล ให้มูลค่าของเหรียญสูงขึ้น เพื่อทำกำไร แต่สิ่งสำคัญคือ นักลงทุนรายใหญ่ หากมีการถอนการลงทุนจำนวนมาก จะส่งผลให้นักลงทุนรายย่อยขาดทุน เนื่องจากราคาที่ตกลง แต่ไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนกมากเกินไป
ด้วยปัจจัยนี้ นักลงทุนควรศึกษาให้ถี่ถ้วน แต่ละเหรียญจะมีการกล่าวอ้างว่า ผูกไว้กับปัจจัยต่างๆ แต่จริงแล้วยังไม่เห็นมูลค่าที่แท้จริงของเหรียญนั้น ถ้าเปรียบกับการเล่นหุ้น นักลงทุนจะเห็นถึงผลประกอบการของบริษัทนั้น ว่าได้กำไรหรือขาดทุน แต่คริปโต ไม่ได้มีให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้มีหลายปัจจัย ที่ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง ในการลงทุน
...
แม้คริปโต ยังไม่เข้าสู่ภาวะฟองสบู่ แต่อยากเตือนนักลงทุน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้ศึกษาเหรียญที่จะซื้อให้ดีก่อน และควรมีการกระจายความเสี่ยง ด้วยการซื้อเหรียญที่เป็นการลงทุนและการออม ที่สำคัญไม่ควรตื่นตระหนกกับกระแสปั่นต่างๆ เพราะสุดท้ายอาจกลายเป็น แมงเม่าให้กับนักลงทุนรายใหญ่
คริปโต ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ที่จำเป็นต้องมีในอนาคต เพราะถ้ามีแต่การแลกเปลี่ยนผ่านธนบัตร และเหรียญเหมือนแต่ก่อน จะทำให้ระบบการเงินทำงานยาก เนื่องจากต้องมีต้นทุนมหาศาลในการผลิตธนบัตร หรือการทำลายเมื่อหมดอายุ แต่ถ้าเป็นคริปโต ซึ่งถ้าเปรียบกับคริปโต จะมีต้นทุนต่ำกว่า โดยคาดว่า อนาคตจะนำมาใช้เพื่อแลกสินค้า หรือสะสมแต้มเพื่อแลกสินค้าเป็นหลัก แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องควบคุม ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเงินของประเทศ
ส่วนคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ความสามารถในการผลิตเหรียญคริปโต อยากให้นำความรู้มาพัฒนาประเทศ ด้วยการร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อพัฒนาระบบ ไม่อยากให้ตั้งแง่ว่า ระบบราชการล้าหลัง เพราะที่ผ่านมาหลายคนหนีไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งสุดท้ายระบบการเงินไทยไม่ได้รับการพัฒนา ดังนั้นหน่วยงานรัฐและคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้เรื่องคลิปโต ควรมาพัฒนาร่วมกัน ให้เกิดการแข่งขันกับประเทศอื่นได้.