กลายเป็นประเด็นร้อนในโซเชียลมีเดีย หลังครูไพบูลย์ แสงเดือน ผู้จัดการส่วนตัวและคู่ชีวิตของ กระต่าย พรรณนิภา นักร้องลูกทุ่งอินดี้ ยื่นเรื่องฟ้องอดีตภรรยา เอ๋-มิรา ชลวิรัลวานิศร์ ในข้อหาหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างในเชิงกฎหมาย หลังทั้งคู่แยกทาง และสะท้อนถึงคดีความที่เกิดขึ้นหลังการหย่าร้างของคู่สามีภรรยา ในภาพรวมของสังคมไทย
กรณีครูไพบูลย์ ฟ้องร้องอดีตภรรยาจนเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา "นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ชี้ว่า ในทางกฎหมายแม้จะจดทะเบียนสมรส แต่ทางอาญาไม่ได้คุ้มครอง ถ้าหากมีการกระทำความผิดทางร่างกาย หรือใส่ร้ายในสื่อสาธารณะ ก็ยังมีความผิดอยู่ตามกฎหมายอาญา ดังนั้นต่อให้จดทะเบียนสมรสหรือหย่าแล้ว เมื่อเกิดการกระทำความผิดกฎหมายต้องลงโทษฝ่ายที่กระทำผิด
เหตุการณ์นี้จึงเป็นเรื่องปกติ ที่ฝ่ายชายสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ แต่ในคดีนี้สามารถยอมความกันได้ หากมีการพูดคุยทำความเข้าใจ หรือตกลงกันว่า หากมีการทำผิดซ้ำจะไม่มีการยอมความ เพราะอย่างน้อยทั้งคู่ก็เคยแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน
...
ที่ผ่านมามีคดีที่เกี่ยวกับสามีภรรยาหย่าร้าง ส่วนใหญ่จะมาฟ้องร้องในเรื่องการขอดูแลบุตร ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และขอค่าดูแลบุตรจากอีกฝ่าย ส่วนอีกกรณีคือ การแบ่งสินสมรส เพราะก่อนจดทะเบียนสมรส ไม่มีการทำสัญญาทรัพย์สินของแต่ละฝ่าย ทำให้เมื่อหย่าร้าง ไม่สามารถแยกทรัพย์สินได้ตามที่แต่ละฝ่ายต้องการ
ในเชิงกฎหมายการแก้ปัญหาเรื่องทรัพย์สิน ก่อนแต่งงาน ในวันที่ไปจดทะเบียนสมรส ควรจะมีการลงทะเบียนทำสัญญาทรัพย์สินของแต่ละฝ่าย ต่อหน้าเจ้าพนักงานที่จดทะเบียนสมรส เช่น ฝ่ายชายมีรถ ส่วนฝ่ายหญิงมีบ้าน โดยจะต้องแบ่งแยกออกเป็นข้อๆ
เมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว ทรัพย์สินของทั้งคู่ที่เพิ่มขึ้นหลังจากนี้ และเมื่อมีการหย่าร้าง จะถูกแบ่งครึ่งอย่างเท่ากัน โดยจะไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่จดทะเบียนไว้ก่อนสมรส การทำสัญญาทรัพย์สินก่อนสมรสจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะหลายคู่ เมื่อหย่าร้างกันแล้วมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง มักจะตกลงกันไม่ได้
เรื่องทรัพย์สินก่อนและหลังสมรสถือเป็นเรื่องสำคัญ และสร้างปัญหาในระยะยาวให้กับหลายครอบครัว แต่สิ่งสำคัญที่สุด แม้ทั้งคู่จะหย่าร้างแล้ว ควรเคารพในสิทธิบุคคลของกันและกัน เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาอย่างหลายกรณีที่เกิดขึ้น.