- สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กำลังดุเดือดและอาจยืดเยื้อ ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้จะจบลงเช่นไร เพราะต่างฝ่ายไม่ยอมกัน ระดมยุทโธปกรณ์และกองกำลังทหารสู้กันยิบตา จนตึงเครียดมากขึ้น และชาวโลกหวังว่าการเจรจาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะล้มเหลวไปแล้วกี่ครั้งก็ตาม
- ในขณะที่ทหารรับจ้างของแต่ละฝ่าย ได้เข้าร่วมรบในศึกครั้งนี้ มีรายงานว่าฝั่งรัสเซียได้จ้างนักรบซีเรีย ชำนาญการต่อสู้ในเขตเมือง และจ้างนักรบเชเชน เข้าร่วมเสริมกำลัง เพื่อยึดครองเมืองใหญ่ของยูเครนอีกหลายแห่ง ส่วนยูเครน มีทหารอาสานานาชาติ ทยอยเข้าร่วม ตามคำขอของโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ให้เข้ามาช่วยปกป้องยูเครน จากการโจมตีของรัสเซีย
- เช่นเดียวกับคนไทยมีกระแสความสนใจ จะเข้าร่วมเป็นทหารอาสาหรือทหารรับจ้างให้กับกองทัพยูเครน ภายหลังสถานเอกอัครราชทูตยูเครน ประจำประเทศไทย ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เป็นกองกำลังอาสา ไม่ต้องขอวีซ่าเป็นการชั่วคราวและให้ออกค่าเดินทางไปเองประมาณ 3 หมื่นบาท โดยไม่มีรายละเอียดของค่าตอบแทนแต่อย่างใด
...
จบวิศวะ มาเป็นทหารรับจ้าง ฝึกโหด ถูกกดดันหนัก
"ทหารรับจ้างอาชีพสู้รบ" และที่ผ่านมามีคนไทยจำนวนหนึ่งไขว่คว้าทำอาชีพนี้ในต่างประเทศ หนึ่งในนั้นคือ “กฤษ วีระเศวตนนท์” วัย 32 ปี หรือดาลี ควันโด (Dali Kuando) ชื่อขณะเป็นทหารรับจ้างในฝรั่งเศส ปัจจุบันกลับมาอยู่เมืองไทย ใช้ประสบการณ์ 5 ปี จากพลอาสามาสู่พลทหาร และยศสุดท้ายสิบตรี หันมาทำธุรกิจให้คำแนะนำคนไทยไปเป็นทหารรับจ้างฝรั่งเศส และอีกอาชีพเป็นบอดี้การ์ด ให้กับชาวต่างชาติระดับวีไอพี
เมื่อย้อนไปในวัยเด็กอายุ 13 ปี ได้ไปอยู่ออสเตรีย จนเรียนจบวิศวะ ทำงานด้านก่อสร้าง ซึ่งต่อมาเกิดปัญหาด้านธุรกิจ ตอนอายุ 20 ปี และได้แรงบันดาลใจจากอาจารย์สอนวิศวะ มีการเปิดวิดีโอให้ดู กระทั่งตัดสินใจมาเป็นทหารรับจ้างฝรั่งเศส สัญญาขั้นต่ำ 5 ปี เดินทางไปสมัครที่ศูนย์ในกรุงปารีส ไม่ได้เตรียมอะไรไป แต่อาศัยดวงล้วนๆ ซึ่ง 7 คนจะถูกเลือกเหลือเพียง 1 โดยอยู่ในปารีส 1 สัปดาห์ ก่อนถูกส่งไปเมืองโอบาญ เพื่อทดสอบไอคิว ถ้าใครตกก็กลับบ้าน และเมื่อผ่านก็ทดสอบด้านร่างกาย ดึงข้อไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง วิ่งให้ผ่านระดับ 7 ให้ได้ แต่ด่านวิ่งนี้ไม่ผ่าน เชื่อว่าอาจเป็นดวง เพราะมีคนไทยสมัครน้อย ทำให้ถูกเลือก
หลังผ่านการทดสอบด้านร่างกาย มีการสอบสัมภาษณ์อย่างละเอียด เช่น เรียนจบที่ใด มีครอบครัวและมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ จากนั้นได้ถูกคัดเลือก มีชุดยูนิฟอร์มทหารของฝรั่งเศส และอุปกรณ์ต่างๆทางทหาร ก่อนถูกส่งไปเมืองกัสแตลโนดารี (Castelnaudary) ทางใต้ของฝรั่งเศส ซึ่งหนาวพอสมควรเพราะเป็นพื้นที่สูงมีหิมะบางช่วงหน้าหนาว โดยทำการฝึกเบื้องต้นเป็นระยะเวลา 4 เดือน
ช่วงเดือนแรกไปอยู่ที่ฟาร์ม มีบททดสอบสำคัญในการใช้ชีวิตเป็นทหาร ทั้งอดหลับอดนอน ตื่นแต่เช้าวิ่งออกกำลังทุกวัน ถูกกดดันรอบด้าน ไม่ว่าเรื่องภาษาและเรื่องบทลงโทษ แต่ที่นี่ไม่มีการซ้อมหรือต่อยทหารใหม่ เน้นการลงโทษด้านทางจิตใจและร่างกายมากกว่า แต่ทางจิตใจเป็นด่านที่ยากมาก ยิ่งใครมีปัญหาด้านภาษา จะลงโทษเพื่อนแทน
“ทุกคนต้องมีความเกรงใจซึ่งกันและกัน ถ้าไม่อยากให้เพื่อนโดนลงโทษ ต้องพยายามเรียนรู้ให้มากขึ้น เพราะทุกคนกว่า 80% ใช้ภาษาฝรั่งเศสไม่เป็น แต่ที่นั่นใช้ภาษาฝรั่งเศส ในการฝึกทุกสิ่งทุกอย่าง”
กว่ามาถึงฝั่งฝัน เป็นนายสิบ กองพันทหารราบหุ้มเกราะ
...
ในช่วงถูกฝึกในเมืองกัสแตลโนดารี ทุกอาทิตย์มีการเดินสะพายเป้แบกอาวุธทุกสิ่งทุกอย่าง อาทิตย์แรกเดิน 6 กิโลเมตร อาทิตย์ที่สอง เดิน 8 กิโลเมตร อาทิตย์ที่ 3 เดิน 16 กิโลเมตร และอาทิตย์สุดท้าย 80 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 วัน และแบกสัมภาระหนัก 45 กิโลกรัม ถ้าใครผ่านจะได้หมวกขาว สัญลักษณ์ของหน่วยกองพลทหารต่างด้าว (french foreign legion) ถือว่าผ่านด่านแรก จะถูกส่งไปศูนย์ฝึกทหารใหม่ เมืองกัสแตลโนดารี อีก 3 เดือน ซึ่งศูนย์นี้มีหลักสูตรต่างๆ ทั้งโรงเรียนจ่า โรงเรียนนายสิบ และฝึกทหารช่าง หรือสอบใบขับขี่รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถพ่วง และรถบัส
การฝึกในศูนย์ทหารใหม่ มีการฝึกร้องเพลง ฝึกเดิน เดินพาเหรด ยิงปืน วิชาป้องกันตัวเบื้องต้นหลายๆ อย่าง และเดือนที่สาม เดินระยะไกล สมมติว่ามีข้าศึกศัตรู ซึ่งระยะเวลาขึ้นอยู่กับแต่ละกองร้อยและผู้บังคับบัญชา แต่ในส่วนของตัวเองเดิน 178 กิโลเมตร ระยะเวลาเดิน 4 วัน ส่วนใหญ่ในเวลากลางคืน เพราะกลางวันจะต้องสอบ และต้องเรียนรู้อาวุธทุกชนิด ไม่เช่นนั้นจะโดนลงโทษ ให้วิดพื้น คืนหนึ่งโดนไม่ต่ำกว่า 1 พันครั้ง จนร่างกายแข็งแรง
...
เมื่อผ่านไป 6 เดือน มีการฝึกหลักสูตรในเมืองนีมส์ ประมาณ 4 อาทิตย์ จนได้ออกสนามปฏิบัติหน้าที่ประจำกองพัน สามารถเลือกไปอยู่กองพันใดก็ได้ ทั้งทหารม้า ทหารช่าง ทหารเก็บกู้วัตถุระเบิด คอนโดภูเขา หรือกองพันอื่นๆ ซึ่งตั้งใจจะเลือกเป็นพลร่ม เพราะได้ค่าตอบแทนดี แม้ฝึกโหดกว่าก็ตาม แต่สายตาด้านซ้ายเอียง ทำให้หมดโอกาส จึงเลือกกองพันทหารราบหุ้มเกราะ และบรรจุเป็นสิบตรี ตำแหน่งพลปืนกล อยู่กองร้อยที่ 2 ซึ่งดีที่สุดในขณะนั้น
ในเรื่องของสวัสดิการ ช่วงปีแรกมีวันหยุด 4 อาทิตย์ ไม่รวมเสาร์ อาทิตย์ และได้ค่าตอบแทน 1,800 ยูโร ประมาณ เกือบ 7 หมื่นบาทในขณะนั้น แต่ด้วยการที่เป็นทหารใหม่ ต้องทำความสะอาดห้องน้ำ หรือแล้วแต่จะได้รับคำสั่ง และต้องเรียนภาษาฝรั่งเศสจนกว่าจะชำนาญ นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ และเยอรมัน ซึ่งพูดได้อยู่แล้ว
ประสบการณ์รบในมาลี โศกนาฏกรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
กระทั่งปี 2013 หรือปี พ.ศ. 2556 ไปปฏิบัติหน้าที่ในทางเหนือของโซมาเลีย และไปประเทศมาลี ในแอฟริกาตะวันตก หลังเครื่องบินฝรั่งเศสถูกยิงตก ทางฝรั่งเศสได้ส่งกองทัพเข้าไป ซึ่งขณะนั้นมีความรู้สึกเหมือนเป็นนักกีฬา หลังฝึกมาอย่างหนักในช่วง 2-3 ปี และเมื่อมาเห็นภาพการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทำให้รู้สึกโกรธแค้นที่ผู้ก่อการร้ายทำกับประชาชน จึงเกิดความอยากปะทะ อาจเพราะช่วงนั้นอายุยังน้อย คิดไม่รอบคอบ
...
ขณะนั้นไปอยู่ทางเหนือของมาลี กลางทะเลทรายร่วมกับทหารม้า ทหารเก็บกู้ระเบิด ทหารราบ มีเฮลิคอปเตอร์รบ และเฮลิคอปเตอร์ขนส่ง เพื่อเตรียมพร้อม และเมื่อกองทัพฝรั่งเศสมีการต่อสู้ในอีกพื้นที่หนึ่ง นานกว่า 12 ชั่วโมง เพื่อฝ่าวงล้อมออกมา จึงเคลื่อนกำลังไปช่วย ใช้รถหุ้มเกราะยิงปืนกลใส่ จนอีกฝ่ายถอยกลับ โดยฝ่ายฝรั่งเศสไม่มีการสูญเสีย
“แต่เมื่อมานั่งคิดหลายๆ ครั้ง จากภาพต่างๆ ที่เห็น หัวคนจำนวนมากถูกฝังเลือดอาบ ทหารมาลีถูกมัดโดนฉีกร่างด้วยรถ จากพวกอิสลามหัวรุนแรง ทำให้คิดว่าทำไมมนุษย์ต้องฆ่ากัน ทั้งที่ไม่ประโยชน์ มีแต่ความเสียหาย ก็เลยเริ่มไม่ค่อยชอบสงคราม จนปี 2014 ได้ไปฝึกที่รัฐอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งกรณีไปต่างประเทศไม่ว่าจะรบหรือไม่รบ จะได้ค่าเสี่ยงภัยอีก 2 พันกว่ายูโร”
หลังจากนั้น 5 ปี ได้ออกจากการเป็นทหารรับจ้างฝรั่งเศส โดยไม่ต่อสัญญา เพราะมีแฟนชาวฝรั่งเศส และได้มีเรื่องวิวาทในหน่วยทหาร ทำให้ตัดสินใจไม่ลงเรียนต่อโรงเรียนจ่า ซึ่งเป็นที่น่าเสียดาย เพราะนอกจากได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนแล้ว ยังมีส่วนลดค่ารถไฟ กรณีบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต จะได้เงินชดเชย ขึ้นอยู่กับวงเงินประกันที่หักจากเงินเดือน รวมถึงค่าประกันสังคม สามารถรักษาได้ฟรี รวมแล้วเมื่อหักทุกอย่าง จะเหลือเงินเดือนประมาณ 1,300 ยูโร
บอดี้การ์ดหน้าใหม่ แนะทหารอาสายูเครน ต้องเก่งภาษา
หลังปลดประจำการในปี 2558 ได้กลับไทย เริ่มทำงานบริษัททัวร์ กระทั่งโควิดระบาดในช่วงแรกปี 2563 นักท่องเที่ยวไม่เข้ามา จึงรับช่วงต่อบริษัทใหญ่ทำหน้าที่บอดี้การ์ด ให้กับนักธุรกิจฝรั่งเศส และนักท่องเที่ยวระดับไฮเฮนด์ รวมถึงทำธุรกิจให้คำแนะนำคนไทยสมัครเป็นทหารรับจ้างฝรั่งเศส อายุ 18-40 ปี เปิดรับสมัครทุกปี ปีละ 1,300 คน และหากสถานการณ์ดีขึ้นในอนาคต จะรวบรวมทุนเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้าระดับวีไอพี ซึ่งมีการดูแลทุกอย่างให้ครอบคลุม
ส่วนกรณีคนไทย จะไปเป็นทหารอาสาในยูเครน พบว่ายังขาดประสบการณ์ด้านทหาร รวมถึงด้านภาษาที่เป็นอุปสรรค และคิดว่าสถานทูตยูเครนในไทย ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนี้ ทำให้ไม่มีบทบาทมากในไทย ดังนั้นหากใครสนใจจะไปยูเครนจริง ให้ติดต่อสถานทูตยูเครน ในสิงคโปร์ จะดีกว่า แต่ยังห่วงด้านความปลอดภัย ในการจะต่อสู้กับรัสเซียที่มีอาวุธหนัก ไม่เหมือนการไปประเทศมาลี ไปเจอกับกบฏและผู้ก่อการร้าย ซึ่งแตกต่างกัน
“อีกอย่างคนรุ่นใหม่ไม่ต้องการสงคราม เพราะมนุษย์ถูกสอนว่าความสามัคคีทำให้ทุกอย่างไปข้างหน้า จะแข่งขันกันเพื่ออะไร มีแต่ความเสียหาย ไม่มีผู้ชนะ ทำให้ 2 ฝ่ายเสียกำลังพล เพราะความขัดแย้งของผู้นำ”
สรุปแล้วใครจะตัดสินใจไปเป็นทหารช่วยยูเครน เป็นเรื่องการตัดสินใจของแต่ละคนที่ต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง จึงไม่อยากห้ามใคร แม้บอกว่าเคยฝึกทหารมานาน แต่หากจะลงเล่นจริง อย่างน้อยภาษาอังกฤษต้องได้.
ผู้เขียน : ปูรณิมา