หลายคนงง และตั้งข้อสงสัย เพราะเหตุใด น้องแพรพลอย แซ่เอี้ย หรือ “เพชรพลอย ขวาท่อนซุง” นักมวยสาว ที่ถูกอดีตหนุ่มพนักงานโรงแรมที่ไม่รู้จัก มาขอชนแก้ว แล้วน้องปฏิเสธ แต่กลับถูกเบียร์ราดหัว จากนั้นเธอก็ไปบุกเอาเรื่องทั้งเตะ และต่อยคู่กรณี ถึงถูกดำเนินคดีด้วย ทั้งที่เธอถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีก่อน

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวจบลง โดยทั้ง 2 ฝ่ายถูกปรับ ฝ่ายละ 2 ข้อหา

ฝ่ายหาเรื่อง : ข้อหาทำสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนกับผู้อื่น ปรับ 500 บาท และข้อหาทะเลาะวิวาท ปรับ 500 บาท

น้องแพรพลอย : โดนแจ้ง 2 ข้อหาเช่นกัน คือข้อหาทำร้ายร่างกาย ปรับ 500 บาท และข้อหาทะเลาะวิวาท 500 บาท

ซึ่งในเวลาต่อมา หนุ่มอดีตพนักงานโรงแรม ก็ถูกต้นสังกัดเลิกจ้าง เพราะทำผิดกฎบริษัท ซึ่งเหมือนโทษทางสังคมจะรุนแรงกว่ากฎหมายเสียอีก...

แต่สำหรับ มุมของกฎหมายเอง...ก็มีคำอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้คุยกับ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา และนักกฎหมายชื่อดัง ได้อธิบายได้อย่างเห็นภาพ

...

ในแง่ของกฎหมาย หากมีใครเอาเบียร์มาราดใส่หัว หรือถ่มน้ำลายใส่ จะถือว่าคนผู้นั้นได้ทำการละเมิดต่อเรา หากน้องเขาลุกขึ้น ตบเปรี้ยง ถีบโครม ตอบโต้แบบ “ทันทีทันใด” มันจะเข้าข่ายเรื่อง “บันดาลโทสะ” แม้จะเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย หรือความผิดอื่นใด คดีลักษณะนี้ ศาลจะ “ลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดเพียงใดก็ได้” เช่น ตามกฎหมายอาจจะมีโทษจำคุก 1-2 ปี แต่ศาลก็จะลงโทษแค่เพียงปรับ หรือรอลงอาญาก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ที่ดุลยพินิจของศาล

เท่าที่สังเกต และความเห็นของผม ผมมองว่าเรื่องนี้ยังเข้าข่ายบันดาลโทสะได้ สืบเนื่องจาก ถึงแม้ไม่มีการตอบโต้ “ทันทีทันใด” แต่ก็อยู่ในบรรยากาศที่ยังรับฟังได้ว่าเป็นการ “บันดาลโทสะ”

ทันทีทันใด มีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายวันชัย ตอบว่า เท่าที่ดูจากในคลิป คิดว่ายังอยู่ในระยะเวลา “บันดาลโทสะ” ได้ อีกทั้งตำรวจน่าจะมีดุลยพินิจว่าเป็น “เรื่องเล็กน้อย” และคาดว่า ฝ่ายชายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ผลของคดีถึงออกมาในรูปแบบนี้

เมื่อถามว่า ฝ่ายชายเขาพยายามยิ้ม ในมุมกฎหมาย ถือว่าเย้ยหยันไหม นายวันชัย มองว่าเป็นไปได้ สิ่งที่เกิดขึ้น ทางกฎหมายจะมองรอบด้าน ไม่ใช่แค่กายภาพอย่างเดียว วาจา ท่าทางก็ได้ ซึ่งมันส่งเสริมให้กลายเป็นบันดาลโทสะ

ถามว่า น้องแพรพลอย ทำผิดหรือไม่.... นายวันชัย ระบุว่า ในทางกฎหมายก็ถือว่าผิด สมควรถูกลงโทษ ส่วนจะถูกลงโทษมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับรูปคดีแต่ละเรื่อง ซึ่งก็น่าจะจบด้วยการทำร้ายร่างกาย ถูกลงโทษเล็กน้อยด้วยโทษการปรับเงิน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ลงโทษถือว่าเหมาะสมกับโทษ แต่ไม่เหมาะสมกับบรรยากาศ ที่คนทั่วไปเขารู้สึกว่า “แหม...ถูกหยามกันอย่างรุนแรง ไม่น่าจะมีความผิด”

แต่ในทางกฎหมาย ไม่ว่าจะถูกหยามขนาดไหน ก็ล้วนมีความผิดทั้งสิ้น...

ฉะนั้น กรณีอย่างนี้ น้องทำผิดไหม...คำตอบคือ มีความผิด แต่เป็นบันดาลโทสะ โดยไม่ได้มีที่มาจาก “เถยจิต” หรือจิตที่ชั่วร้าย สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น หากเป็นคนในสังคม ไม่ว่าใครได้พบเจอก็ย่อมมีความรู้สึกอยากตอบโต้

แต่พึงรู้ไว้...ไม่ว่าเราจะถูกหยามอย่างไร ก็ต้องรู้จักอดทนอดกลั้น และถ้าจะกระทำที่เข้าหลัก เข้าหลักกฎหมาย ต้องทำทันทีทันใดเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าปล่อยให้ระยะเวลาผ่านไปแล้ว นึกขึ้นได้ แล้วค่อยไปเอาคืน ยกตัวอย่าง ถูกน้ำรดหัว แล้ววิ่งไปเอาปืน ไปเอามีดมาก่อเหตุ แบบนี้มีเจตนาทำร้ายร่างกาย หรือเจตนาฆ่า

...

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน 

ที่มารูป : Facebook Pareploy Saeaia

อ่านสกู๊ปที่น่าสนใจ