แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ผ่านไปแล้ว แต่นำมาสู่ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังการปลดฟ้าผ่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี สะเทือนถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะทำให้สัมพันธ์ระหว่าง “พี่น้อง 3 ป.” ถึงจุดแตกหักหรือไม่
ฉากหน้ามีความพยายามแสดงให้เห็นถึงสัมพันธ์ ยังแน่นปึ้ก มองหน้าก็รู้ใจ แต่เบื้องหลังลึกๆ ไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้ โดยเฉพาะความรู้สึกของบิ๊กป้อม ในฐานะ “พี่ใหญ่ 3 ป.” ที่มีต่อ “น้องตู่” อาจมีผลอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคพลังประชารัฐ ในเร็วๆ นี้
ความจริงจะเป็นเช่นไร ผู้ที่เกี่ยวข้องคงต้องเก็บเงียบเพื่อภาพลักษณ์ของพรรค และในแง่โหราศาสตร์ อิทธิพลของดวงดาว อาจช่วยอธิบายได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และกำลังจะเป็นไป แล้วแต่วิจารณญาณแต่ละบุคคล เลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้
พรรคพลังประชารัฐ เคยเปลี่ยนโลโก้ใหม่ เมื่อ พล.อ.ประวิตร นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค นำลายธงชาติทำเป็นวงกลมล้อมชื่อพรรค จากเดิมเป็นรังผึ้งหกเหลี่ยมลายธงชาติ อาจด้วยความเชื่อบางอย่างเพื่อให้เกิดความกลมเกลียว ไร้เหลี่ยมคมทิ่มแทงตัวเอง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น และเป็นไปตามที่ “ซินแสเข่ง” หรือ “อ.ชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง” ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ออกมาบอก ไม่ดีขึ้นเลย ยังติดปัญหาเรื่องบุคคลที่ไม่ลงตัว ทำให้เป็นเรื่องยากในการอยู่ร่วมกัน
...
“จริงๆ แล้ว ถ้า ร.อ.ธรรมนัส และนฤมล ไม่ใจร้อน ไปรับงานอะไรไว้ ก็ไม่น่ามีปัญหา และดวงปีนี้ของธรรมนัส มีการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะก้าวหน้าได้งานที่สูงขึ้น แต่ไปทำร้ายตัวเอง สร้างความขัดแย้งจากการกระทำของตัวเอง เหมือนทักษิณ ชินวัตร จนก่อให้เกิดการเบียดเบียน ขัดแย้ง ทั้งที่ดวงชะตากำหนดไว้อยู่แล้ว เป็นดวงผู้นำสูง และเคยพูดตั้งแต่นฤมล รับตำแหน่ง ตกดวงขัดแย้งกับผู้นำ มีความคิดความอ่านสวนทางกันกับบิ๊กตู่”
เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส และนฤมล มีความคิดเข้าหากัน เหมือนกับทักษิณ ถามว่าจะหาทางสงบได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ปีนี้ ร.อ.ธรรมนัส มีจังหวะที่ดี ส่วนการตั้งพรรคใหม่ สามารถทำได้ในปีนี้ ยกเว้นปีหน้า เพราะจะเกิดความขัดแย้ง เหมือนกินยาพิษเข้าไป
นอกจากนี้ ปัญหากองบัญชาการภายในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเพิ่งเดินทางไปดูอาคารที่ตั้ง เมื่อไม่นานมานี้ พบว่า เมื่อใครมาอยู่ที่แห่งนี้ จะไม่มีดวง จะเกิดปัญหาเกิดความเหน็ดเหนื่อย กว่าจะได้อะไรก็ยากลำบาก เพราะที่ตั้งอาคารไปทับที่เจ้าที่ ทำให้เกิดความร้าวฉาน และการวางตำแหน่งศาลพระพรหมไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดปัญหา
สัมพันธ์ “พี่น้อง 3 ป.” แค่ฉากหน้า ดวงใคร หนุนใคร
ขณะที่ดวงของ “พี่น้อง 3 ป.” เริ่มจากบิ๊กป้อม เป็นคนดวงขึ้น ดวงแข็ง มีดวงผู้นำเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว โดยดวงของบิ๊กป้อม และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ดวงสมพงศ์ไปกันได้ แต่ถ้าเทียบดวงบิ๊กตู่ กับ 2 คนนี้ พบว่าดวงโดดเดี่ยว ซึ่งความสัมพันธ์ของพี่น้อง 3 ป.เป็นแบบทหารที่รักพี่รักน้อง แต่สายสัมพันธ์ไม่ลึก ทั้งบิ๊กป้อม และบิ๊กตู่ มีดวงพออาศัยกันไปได้
ส่วนดวงบิ๊กป๊อก เป็นดวงขัดแย้ง ดวงศัตรู ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ เป็นคนนิ่งดื้อเงียบ แตกต่างกับบิ๊กตู่ เกิดธาตุไม้ เป็นคนไม่นิ่ง ไม่อยู่กับที่ พูดตรงไปตรงมา ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่ข้างในเป็นคนใจอ่อน ใจดี มีครูบาอาจารย์ และกล้าได้กล้าเสีย
...
“ภาพที่เห็นเป็นแค่ฉากหน้า แต่ส่วนลึกทั้ง 3 คน จะเดินไปด้วยกันหรือไม่ ต้องจับตาในปีหน้า ซึ่งเป็นปีขาล ดวงเมืองจะครบรอบ 240 ปี จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในไทย จะเกิดสิ่งที่ดีเข้ามา มีความสงบ และถ้ารัฐบาล ผ่านต้นปีไปได้ จะมีโอกาสทำงานจนครบเทอม เพราะดวงบิ๊กตู่ ถ้าขาดบิ๊กป๊อก บิ๊กป้อม ป่านนี้พังแล้ว และหากต้องการล้มรัฐบาล ต้องทำลาย 2 คนก่อน”
หรือหากบิ๊กป้อม และบิ๊กป๊อก สลัดทิ้ง จะมีดวงเมืองมาเสริมให้บิ๊กตู่ ภายหลัง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตกอยู่กับความไม่เข้าใจต่อเนื่องมาถึงปีนี้ และปี 2565 นี้ ดวงจะพลิก โดยตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้ ดวงของบิ๊กตู่ จะเปลี่ยนแปลง กราฟชีวิตพุ่งขึ้นไปถึงเดือน พ.ย. แต่ปลายปีนี้ จนถึงต้นปีหน้า นั้นน่ากลัวอีกครั้ง จะเจอมรสุมหนักๆ มีผลต่อรัฐบาลอาจเกิดการยุบสภา หากผ่านพ้นประคองไปได้ ถือว่าผ่านฉลุย แม้ไม่มี “2 ป.” โดยปีหน้าบิ๊กป้อม ควรหันไปดูแลสุขภาพให้มากขึ้น และควรปล่อยเรือได้แล้ว
...
ในเดือน ต.ค.นี้ บิ๊กตู่ มีโอกาสเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นเดือนที่จะได้ตำแหน่งการงานที่ไม่คาดหวังจะได้มา จากการดูดวงดาว ผสมกับโหราศาสตร์จีน และมีดวงเกื้อหนุนจาก “2 ป.” โดยมีคนในพรรคนิยมชื่นชอบ 50 ต่อ 50 หรือ 60 ต่อ 40 เพราะเท่าที่ดูอยู่ทุกอย่างยังไม่นิ่ง
ต้องจับตา ร.อ.ธรรมนัส มีโอกาสตั้งพรรคใหม่ แต่หากเอาทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเกี่ยวข้อง จะฉุดดวงตัวเอง และเดือน ต.ค. ดวงของบิ๊กตู่ จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยเฉพาะการนั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และต้องล้างไพ่ใหม่ทั้งหมด.